ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นพระเอกหนัง จะช่วยงานพระศาสนาให้ดีที่สุด.....
ในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๐ เศษๆ ยังเป็นเวลาที่คุณสรพงษ์ ชาตรี เป็นพระเอกหนังไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก แม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อยก็รู้จักคุณสรพงษ์ ชาตรี ทั้งนั้น ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จัก เชื่อว่าหากคุณสรพงษ์ ชาตรี จะสมัคร ส.ส.จังหวัดไหน ต้องได้ทุกเขต
ในวันหนึ่ง คณะลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์ (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม) ได้พาคุณสรพงษ์ ชาตรี เข้ามากราบเพื่อเข้ามาเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์
หลังจากที่คุณสรพงษ์ ชาตรี กราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระอาจารย์ว่า ท่านพระอาจารย์รู้จักผมไหมครับ
ท่านพระอาจารย์ ถึงกับอุทานว่า หือ !! พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วท่านก็กล่าวขึ้นอย่าว่าแต่เดี๋ยวนี้เลย ที่มีชื่อเสียงของคุณเวลานี้ แม้แต่เด็กๆ ที่พอรู้จักความที่มันวิ่งเล่นตามถนน ก็รู้จักคุณทั้งนั้น ว่าแต่ว่าเมื่อก่อนนี้ ตอนที่คุณอายุเก้าขวบ วันหนึ่ง คุณนั่งอยู่บนหลังควาย เลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนาที่บ้านคุณ พร้อมกับทำท่าทางให้คุณสรพงษ์ ชาตรี ดู คือท่านทำท่าแหงนหน้ามองท้องฟ้าและกางแขนออกทั้งสองข้าง แล้วพูดว่า "ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นพระเอกหนัง ข้าพเจ้าจะช่วยงานพระศาสนาให้ดีที่สุด"
แล้วท่านพระอาจารย์ก็ถามคุณสรพงษ์ ชาตรี ว่าคุณเคยทำท่าอย่างนี้และพูดอย่างนี้หรือเปล่า??? ทันใดนั้นคุณสรพงษ์ก็หน้าตื่นตกใจ!!!
และครู่ต่อมาพระเอกดังก็พูดขึ้นว่า ทำไม ท่านพระอาจารย์รู้ล่ะ!!!
แม้แต่เพื่อนสนิทกับเพื่อนรักกันผมยังไม่เคยเล่าให้ฟังเลย เพราะผมอายเขา
ท่านพระอาจารย์ ก็ตอบว่า ถ้าหากไม่รู้จะสมควรเป็นอาจารย์คุณหรือเปล่า!!!
ดูเอาเถิดสาธุชน และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย อดีตกาลของท่านพระอาจารย์ ท่านละเอียดอ่อน และแม่นยำเพียงไร จากนั้นมา คุณสรพงษ์ ชาตรี ก็ติดตามท่านพระอาจารย์ ไปแจกของในที่ต่างๆ ร่วมบุญสร้างบารมีกับพระอาจารย์ และศิษยานุศิษย์อยู่หลายปี ดังที่พวกเราหลายๆ ท่านรู้กัน
จนกระทั่ง คุณสรพงษ์ ชาตรี เลิกเป็นพระเอกหนัง คุณสรพงษ์ ชาตรี ก็ยังช่วยงาน พระศาสนา อยู่ซึ่งขณะนี้ได้สร้าง สมเด็จโตใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครราชสีมา....
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก เรื่องของพระเอกหนัง จากการคัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ ทวิภพ และ เกร็ดประวัติหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย หน้า ๓๔ – ๓๕ เขียนและเรียบเรียงโดย พระอาจารย์ธวัช ปัญญาธโร
ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นพระเอกหนัง จะช่วยงานพระศาสนาให้ดีที่สุด...
ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นพระเอกหนัง จะช่วยงานพระศาสนาให้ดีที่สุด.....
ในช่วง พ.ศ. ๒๕๒๐ เศษๆ ยังเป็นเวลาที่คุณสรพงษ์ ชาตรี เป็นพระเอกหนังไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก แม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อยก็รู้จักคุณสรพงษ์ ชาตรี ทั้งนั้น ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จัก เชื่อว่าหากคุณสรพงษ์ ชาตรี จะสมัคร ส.ส.จังหวัดไหน ต้องได้ทุกเขต
ในวันหนึ่ง คณะลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์ (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม) ได้พาคุณสรพงษ์ ชาตรี เข้ามากราบเพื่อเข้ามาเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์
หลังจากที่คุณสรพงษ์ ชาตรี กราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระอาจารย์ว่า ท่านพระอาจารย์รู้จักผมไหมครับ
ท่านพระอาจารย์ ถึงกับอุทานว่า หือ !! พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วท่านก็กล่าวขึ้นอย่าว่าแต่เดี๋ยวนี้เลย ที่มีชื่อเสียงของคุณเวลานี้ แม้แต่เด็กๆ ที่พอรู้จักความที่มันวิ่งเล่นตามถนน ก็รู้จักคุณทั้งนั้น ว่าแต่ว่าเมื่อก่อนนี้ ตอนที่คุณอายุเก้าขวบ วันหนึ่ง คุณนั่งอยู่บนหลังควาย เลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนาที่บ้านคุณ พร้อมกับทำท่าทางให้คุณสรพงษ์ ชาตรี ดู คือท่านทำท่าแหงนหน้ามองท้องฟ้าและกางแขนออกทั้งสองข้าง แล้วพูดว่า "ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นพระเอกหนัง ข้าพเจ้าจะช่วยงานพระศาสนาให้ดีที่สุด"
แล้วท่านพระอาจารย์ก็ถามคุณสรพงษ์ ชาตรี ว่าคุณเคยทำท่าอย่างนี้และพูดอย่างนี้หรือเปล่า??? ทันใดนั้นคุณสรพงษ์ก็หน้าตื่นตกใจ!!!
และครู่ต่อมาพระเอกดังก็พูดขึ้นว่า ทำไม ท่านพระอาจารย์รู้ล่ะ!!!
แม้แต่เพื่อนสนิทกับเพื่อนรักกันผมยังไม่เคยเล่าให้ฟังเลย เพราะผมอายเขา
ท่านพระอาจารย์ ก็ตอบว่า ถ้าหากไม่รู้จะสมควรเป็นอาจารย์คุณหรือเปล่า!!!
ดูเอาเถิดสาธุชน และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย อดีตกาลของท่านพระอาจารย์ ท่านละเอียดอ่อน และแม่นยำเพียงไร จากนั้นมา คุณสรพงษ์ ชาตรี ก็ติดตามท่านพระอาจารย์ ไปแจกของในที่ต่างๆ ร่วมบุญสร้างบารมีกับพระอาจารย์ และศิษยานุศิษย์อยู่หลายปี ดังที่พวกเราหลายๆ ท่านรู้กัน
จนกระทั่ง คุณสรพงษ์ ชาตรี เลิกเป็นพระเอกหนัง คุณสรพงษ์ ชาตรี ก็ยังช่วยงาน พระศาสนา อยู่ซึ่งขณะนี้ได้สร้าง สมเด็จโตใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครราชสีมา....
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก เรื่องของพระเอกหนัง จากการคัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ ทวิภพ และ เกร็ดประวัติหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย หน้า ๓๔ – ๓๕ เขียนและเรียบเรียงโดย พระอาจารย์ธวัช ปัญญาธโร