สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยเอกชนเร่งช่วยชาวรัสเซีย-ยูเครน ตกค้างภูเก็ต 3 พันคน
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยภาคเอกชนช่วยเหลือชาวรัสเซีย-ยูเครนตกค้าง 3พันคน พร้อมเร่งทำตลาดกระตุ้นการท่องเที่ยว
12 มี.ค.2565 - นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ตลาดรัสเซีย เป็นตลาดที่เข้ามาภูเก็ตแซนด์บอกซ์นับเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องของจำนวนผู้เดินทางเข้ามา ตอนนี้สายการบินหยุดบิน ทำให้นักท่องเที่ยว ที่ตกค้างอยู่ในภูเก็ต ประมาณ 3,000 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการช่วยเหลือ ทั้งชาวรัสเซียและชาวยูเครน โดยแยกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่หนึ่งอาจได้เดินทางกลับบ้าน กลุ่มที่สองที่ยังไม่สะดวกที่จะกลับบ้านก็อาศัยอยู่ที่ภูเก็ตไประยะหนึ่งก่อนที่เขาจะได้กลับบ้าน
ในการช่วยเหลือของภาคเอกชน มีขีดความสามารถที่จำกัด แต่เราพยายามนำเสนอห้องพักราคาไม่แพง อาจพยายามให้เขาอยู่โรงแรมเดิมในราคาพิเศษ หรือนักท่องเที่ยวจ่ายไม่ไหวสามารถย้ายไปยังห้องพักที่อาจจะใข้งบประมาณสักก้อนหนึ่งมาช่วยสนับสนุนในส่วนนี้ คิดว่าตลาดรัสเซียกับยูเครน คงซบเซาไปอีกจนกว่าสงครามจะจบ
ภาพรวมสถานการณ์ห้องพักตอนนี้อัตราเข้าพักอยู่ที่ 20% ไปจนหมดโลว์ซีซั่นที่จะถึงนี้ ขณะนี้ภูเก็ตมี ตลาดหลายตลาด อาทิ อังกฤษ ยุโรป และเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติยังทรงตัวอยู่ ประมาณ 2,000-3,000คน
ในส่วนตลาดต่างประเทศ ต้องรอตลาดใหม่คือ ตลาดอินเดีย กับ ตลาดซาอุดิอาระเบีย จะเข้ามาในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม นี้ สำหรับตลาดคนไทย อาจเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มาเติมได้ ในช่วงการปิดภาคเรียน แต่คนไทยมีโปรโมชั่น เราเที่ยวด้วยกัน ถ้าเปรียบเทียบกับช่วงที่ 1-2-3 ที่ผ่านมาถือว่าช้ากว่ามาก น่าจะเรื่องความปลอดภัยกับโควิด เรื่องเศรษฐกิจ
"ในส่วนของการทำตลาดนั้น ภาคเอกชนของภูเก็ต มีแผนออกไปโรดโชว์ส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว โดย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ไปทำการตลาดหลายจังหวัดอยู่แล้ว และทางสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ จะไปทำตลาดกลุ่มที่อยู่ในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ ให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และ ในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดว่า อัตราการเข้าพักน่าจะกระเตื้องขึ้นประมาณ 50-60% แต่คงไม่ได้พีคเหมือนในอดีตที่ห้องพักโรงแรมเต็ม แต่ยังมีความหวัง" นายก้องศักดิ์ กล่าวที่สุด
https://www.thaipost.net/district-news/102935/
ประเทศไทยช่วยเหลือทั้งสองชาติไม่เลือกข้างค่ะ
รัฐบาลและเอกชนไม่แตกต่างกัน
💜มาลาริน/ไทยไม่ยุ่งสงคราม มุ่งแต่ช่วยเหลือ..สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยเอกชนเร่งช่วยชาวรัสเซีย-ยูเครน ตกค้างภูเก็ต 3 พันคน
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยภาคเอกชนช่วยเหลือชาวรัสเซีย-ยูเครนตกค้าง 3พันคน พร้อมเร่งทำตลาดกระตุ้นการท่องเที่ยว
12 มี.ค.2565 - นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ตลาดรัสเซีย เป็นตลาดที่เข้ามาภูเก็ตแซนด์บอกซ์นับเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องของจำนวนผู้เดินทางเข้ามา ตอนนี้สายการบินหยุดบิน ทำให้นักท่องเที่ยว ที่ตกค้างอยู่ในภูเก็ต ประมาณ 3,000 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการช่วยเหลือ ทั้งชาวรัสเซียและชาวยูเครน โดยแยกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่หนึ่งอาจได้เดินทางกลับบ้าน กลุ่มที่สองที่ยังไม่สะดวกที่จะกลับบ้านก็อาศัยอยู่ที่ภูเก็ตไประยะหนึ่งก่อนที่เขาจะได้กลับบ้าน
ในการช่วยเหลือของภาคเอกชน มีขีดความสามารถที่จำกัด แต่เราพยายามนำเสนอห้องพักราคาไม่แพง อาจพยายามให้เขาอยู่โรงแรมเดิมในราคาพิเศษ หรือนักท่องเที่ยวจ่ายไม่ไหวสามารถย้ายไปยังห้องพักที่อาจจะใข้งบประมาณสักก้อนหนึ่งมาช่วยสนับสนุนในส่วนนี้ คิดว่าตลาดรัสเซียกับยูเครน คงซบเซาไปอีกจนกว่าสงครามจะจบ
ภาพรวมสถานการณ์ห้องพักตอนนี้อัตราเข้าพักอยู่ที่ 20% ไปจนหมดโลว์ซีซั่นที่จะถึงนี้ ขณะนี้ภูเก็ตมี ตลาดหลายตลาด อาทิ อังกฤษ ยุโรป และเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติยังทรงตัวอยู่ ประมาณ 2,000-3,000คน
ในส่วนตลาดต่างประเทศ ต้องรอตลาดใหม่คือ ตลาดอินเดีย กับ ตลาดซาอุดิอาระเบีย จะเข้ามาในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม นี้ สำหรับตลาดคนไทย อาจเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มาเติมได้ ในช่วงการปิดภาคเรียน แต่คนไทยมีโปรโมชั่น เราเที่ยวด้วยกัน ถ้าเปรียบเทียบกับช่วงที่ 1-2-3 ที่ผ่านมาถือว่าช้ากว่ามาก น่าจะเรื่องความปลอดภัยกับโควิด เรื่องเศรษฐกิจ
"ในส่วนของการทำตลาดนั้น ภาคเอกชนของภูเก็ต มีแผนออกไปโรดโชว์ส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว โดย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ไปทำการตลาดหลายจังหวัดอยู่แล้ว และทางสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ จะไปทำตลาดกลุ่มที่อยู่ในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ ให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และ ในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดว่า อัตราการเข้าพักน่าจะกระเตื้องขึ้นประมาณ 50-60% แต่คงไม่ได้พีคเหมือนในอดีตที่ห้องพักโรงแรมเต็ม แต่ยังมีความหวัง" นายก้องศักดิ์ กล่าวที่สุด
https://www.thaipost.net/district-news/102935/
ประเทศไทยช่วยเหลือทั้งสองชาติไม่เลือกข้างค่ะ
รัฐบาลและเอกชนไม่แตกต่างกัน