นิยายชุด : ผลัดกันเล่า by motamad

เรื่องเล่าที่ 13 : ฝัน : ระดับความหลอน 3.5 กะโหลก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า ขันเงิน
 
               เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากความฝันของขันเงินในคืนหนึ่ง ขันเงินจำไม่ได้แล้วว่าสภาพโดยรอบในฝันเป็นยังไง แต่ที่จำได้แม่นที่สุดก็คือในฝันนั้น ขันเงินเห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนนึง ซึ่งขันเงินเรียกแทนเด็กผู้หญิงคนนี้ว่า ‘น้อง’ 
 
               ครั้งแรกที่ขันเงินเห็นน้องก็รู้สึกถูกชะตาเลยทันที อาจจะเพราะว่าน้องนั้นน่ารักมากๆ พอถูกน้องถามว่าขอมาอยู่ด้วยได้มั้ย ตัวขันเงินในฝันก็ตอบตกลงอย่างไม่เอะใจอะไรทั้งนั้น จนตื่นขึ้นมาขันเงินก็ไม่ได้เก็บความฝันนี้มาใส่ใจอีกเลย คิดแค่ว่าเป็นความฝันธรรมดาๆ ฝันนึง 
 
               จนกระทั่งเริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับขันเงิน หลังจากที่ฝันเห็นน้องได้สองวัน จู่ ๆ ไอ้โบ้ หมาของออฟฟิศที่ปกติมักจะชอบมาเล่นกับขันเงินนั้น ทันทีที่เห็นขันเงินเดินมา ไอ้โบ้ก็มองไม่วางตาพร้อมกับส่งเสียงขู่เบาๆ ออกมา ซึ่งในตอนแรกนั้น ขันเงินคิดว่าไอ้โบ้คงจะงอนที่ขันเงินเห็นไอ้โบ้แล้วไม่เดินมาหา ขันเงินเลยเดินไปหาไอ้โบ้กะว่าจะลูบหัวเล่นก่อนเข้าออฟฟิศเหมือนอย่างเคย 
 
               แต่ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ ไอ้โบ้ก็เริ่มเห่าเสียงดังใส่จนขันเงินตกใจและตะโกนถาม “เป็นอะไรเนี่ย!!!” สองมือก็พยายามเอื้อมไปลูบหัวกะทำให้ไอ้โบ้สงบลง แต่ไอ้โบ้ที่ตอนนี้ไม่ได้ให้ความเป็นมิตรกับขันเงินเลยนั้น พอเห็นขันเงินยื่นมือเข้ามาก็กัดมือขันเงินจนเลือดออก ความเจ็บทำให้ขันเงินตกใจและรีบชักมือกลับมาทันทีพร้อมกับถอยห่างออกมา 
 
               ในตอนนี้เริ่มมีพี่ๆ ในออฟฟิศออกมาดูและถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพอขันเงินเล่าให้ฟัง พี่ๆ ต่างก็พากันสงสัย เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าไอ้โบ้ชอบขันเงินมากที่สุด แต่ทำไมวันนี้กลับกลายเป็นทำร้ายกันจนเลือดตกยางออก
 
               หลังทำแผลและฉีดยาเรียบร้อยแล้ว พี่ในออฟฟิศคนนึงก็ถ่ายรูปไอ้โบ้ที่ตอนนี้กลับมาสงบนิ่งและอารมณ์ดีส่งมาให้ขันเงินดู ขันเงินก็ได้แต่สงสัยในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้โบ้ ทำไมอยู่ ๆ ขึ้นได้ไม่ชอบกันแล้ว พี่คนที่ทำแผลให้ขันเงินได้แต่ปลอบใจว่าไอ้โบ้อาจจะกำลังหงุดหงิดอยู่ แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ขันเงินเดินไปหาพอดีหรือเปล่า ซึ่งตอนแรกขันเงินก็เห็นด้วยกับความคิด ตอนเลิกงานขันเงินก็เลยเอาขนมที่ไอ้โบ้ชอบกินออกมา กะเอามาง้อขอคืนดี 
 
               แต่ไอ้โบ้ที่ปกติเห็นขนมนี้ทีไรมักจะวิ่งมาหมอบดีใจ พอเห็นขันเงินเดินเข้ามาใกล้ก็กระหน่ำใส่ไม่ยั้ง พร้อมกับแยกเขี้ยวเตรียมจะพุ่งเข้ามากัดจนขันเงินรู้สึกกลัวขึ้นมา ขันเงินมองไอ้โบ้อย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับโยนขนมในมือไปให้ แต่ไอ้โบ้ก็ไม่สนใจขนมนั้นเลย เอาแต่มองมาทางขันเงินแล้วก็เห่าไม่หยุด ขันเงินได้แต่ยอมแพ้ในใจแล้วเดินออกไปให้ห่างจากไอ้โบ้ เหมือนรู้ว่าขันเงินห่างออกไปแล้ว ไอ้โบ้ก็หยุดเห่าแล้วก็วิ่งไปคาบขนมมากินอย่างเอร็ดอร่อย นั่นยิ่งทำให้ขันเงินอดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ และเลือกที่จะไม่ใส่ใจไอ้โบ้อีกเลย
 
               เรื่องแปลกเรื่องที่สองเกิดขึ้นตอนทีมของขันเงินต้องอยู่ทำโปรเจคจนดึก ด้วยความที่ทุกคนมั่วแต่ยุ่งอยู่กับโปรเจค เลยไม่มีใครอยากออกไปกินข้าวเย็นข้างนอก เลยเลือกวิธีสั่งข้าวผ่านแกร๊บ โดยตอนที่แกร๊บนำข้าวมาส่ง ขันเงินเป็นคนอาสาออกไปรับข้าวให้เอง 
 
               ทุกๆ อย่างปกติมาก จนตอนที่แกร๊บกำลังจะกลับนั้น แกร๊บมองเลยไปข้างหลังของขันเงินแล้วเอ่ยปากชมว่า “ลูกพี่น่ารักดีนะครับ” แกร๊บพูดจบก็ส่งยิ้มไปให้ข้างหลังก่อนจะขับรถออกไปโดยทิ้งให้ขันเงินยืนงงอยู่คนเดียว เพราะขันเงินเดินออกมาแค่คนเดียวและที่สำคัญ ทีมทำโปรเจคของขันเงินไม่มีใครมีลูกและถึงจะมี ด้วยเวลาขณะนี้ก็คงไม่มีใครพามาลำบากด้วยแน่ๆ เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้ออฟฟิศจะมีเด็กมาวิ่งเล่น
               
                แล้ว ‘ลูก’ ที่แกร๊บพูดถึงคือใคร...? 
 
               ขันเงินมองไปตามจุดที่แกร๊บมองไปเมื่อกี้ ก็ไม่เห็นมีใครหรือมีอะไรที่ชวนให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นเด็กเลยสักอย่าง เพราะหน้าออฟฟิศก็มีแค่ประตูบานนึงเดี่ยว ๆ กับผนังตึกโล่งๆ ไม่ได้มีกระถ่างต้นไม้หรืออะไรมาวางประดับไว้เลยสักอย่าง 
 
               ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้ที่แกร๊บเห็นคืออะไร...? 
 
               คิดถึงตรงนี้ ขันเงินก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เลยรีบวิ่งกลับเข้าไปข้างในทันที หลังจัดการเคลียร์งานปิดโปรเจคเสร็จ ในตอนที่ทุกคนกำลังเตรียมจะแยกย้ายกันกลับบ้าน อยู่ ๆ ทุกคนในทีมก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะดังขึ้นมาพร้อมกัน 
 
               หากได้ยินแค่คนเดียวก็คงเป็นอาการของคนหูฝาด แต่นี่กลับได้ยินกันทุกคนและได้ยินพร้อมกันอีก ขันเงินและคนในทีมมองหน้ากันนิ่งๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากออฟฟิศแบบตัวใครตัวมัน ขันเงินที่วิ่งช้าที่สุดเลยต้องกลายเป็นคนรับผิดชอบล็อคกุญแจประตูออฟฟิศ ขันเงินได้แต่ร้องไห้ในใจ มือก็รีบคว้าแม่กุญแจมาล็อคปิดประตูอย่างรวดเร็ว กลัวก็กลัว แต่ก็ต้องปิดประตูให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากโดนบอสด่า ถ้าเกิดบอสมาพรุ่งนี้แล้วเห็นว่าทีมของขันเงินปิดออฟฟิศไม่เรียบร้อย 
 
               พอปิดเสร็จและเช็คดูจนเรียบร้อยแล้วขันเงินก็รีบวิ่งไปที่รถและขับกลับบ้านในทันที เช้าวันถัดมาคนในทีมของขันเงินก็ถกกันถึงเรื่องที่เจอเมื่อคืน โดยคนนึงในทีมของขันเงินมีคุณป้าเป็นทรงเจ้า หลังจากเกิดเรื่องก็เลยเอาไปถามกับคุณป้า ซึ่งคำตอบที่ได้มาทำเอาทุกคนพากันขนลุก โดยคุณป้าบอกว่ามีคนในทีมคนนึงพาสิ่งที่ไม่ควรพามาอยู่ด้วย ถึงตอนนี้ทุกคนได้แต่มองหน้ากันแล้วปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวเอง 
 
               ในทีมนับรวมขันเงินด้วยมีทั้งหมดสี่คน ขอเรียกคนในทีมอีกสามคนว่า หนึ่ง สอง และสาม หนึ่งคือคนที่มีคุณป้าเป็นทรงเจ้า พอเห็นทุกคนเริ่มเถียงเริ่มโบ้ยให้กัน หนึ่งเลยตัดปัญหาพูดขึ้นมาว่า “เถียงกันแบบนี้วันนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าใคร”หนึ่งหันมามองหน้าขันเงินแว๊บหนึ่งก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า “เรื่องเมื่อคืนที่เจอก็ใช่ว่าจะเจอกันอีก เพราะงั้นเลิกเถียงกันแล้วไปทำงานกันได้แล้ว” ทุกคนเลยแยกย้ายกันไปทำงานต่อ 
               
               ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่หนึ่งพูดว่า เรื่องที่เจอเมื่อคืน ใช่ว่าจะเจออีก... เพราะในคืนนี้ แม้ไม่ต้องอยู่ทำโปรเจคกันดึกดื่น พอตอนเลิกงานฟ้าก็มืดแล้วพอดี แต่ก็ไม่มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นนอกจากเรื่องที่ไอ้โบ้เห่าเสียงดังทุกครั้งที่เห็นขันเงินเดินเข้ามาใกล้ ที่กลายเป็นเรื่องแปลกประจำออฟฟิศไปเรียบร้อยแล้ว  
 
               ก่อนนอน ขันเงินรู้สึกติดใจในคำพูดของคุณป้าของหนึ่ง ไหนจะแววตาแปลกๆ ของหนึ่งตอนที่มองหน้าตัวเองก่อนจะพูดตัดจบ คิดไปคิดมาขันเงินก็เริ่มคิดย้อนไปวันที่เกิดเรื่องถึงคำพูดแปลกๆ ของแกร๊บ แล้วก็เริ่มคิดขึ้นมาว่า 
 
               หรือคนที่คุณป้าของหนึ่งหมายถึงจะเป็นตัวเอง... 
 
               คิดถึงตรงนี้ขันเงินก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมาอีกว่า
 
               อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรพามาอยู่ด้วย แต่ขันเงินดันพามาแบบที่คุณป้าของหนึ่งหมายถึง...? 
 
               แล้วขันเงินก็นึกถึงฝันที่เห็นน้องขึ้นมา คำถามของน้องที่ถามขันเงินในฝัน แล้วขันเงินดันตอบตกลง... 
 
               ถึงตรงนี้ ขันเงินก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ คิดไว้ว่าพรุ่งนี้คงต้องไปถามเอาจากหนึ่งตรงๆ ซึ่งเช้าวันถัดมา ขันเงินก็ได้ถามหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองสงสัย และเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ 
 
               คนที่คุณป้าของหนึ่งพูดถึงคือตัวของขันเงินเอง!!! 
 
               โดยหนึ่งแนะนำว่าวันนี้หลังเลิกงานให้ขันเงินลองไปถามคุณป้าถึงวิธีแก้ไขเรื่องนี้ดู ซึ่งขันเงินก็ตกลง พอเลิกงาน ทั้งหนึ่งและขันเงินก็พากันไปหาคุณป้าของหนึ่ง
 
               ทันทีที่คุณป้าเห็นหน้าขันเงิน ก็ถามขึ้นมาทันทีเลยว่า ‘เจอน้องได้ยังไง’ ขันเงินเลยเล่าเรื่องความฝันของตัวเองให้คุณป้าฟัง พอคุณป้าฟังจบ ก็พูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ในฝันก็ตาม แต่การที่เราตอบตกลง นั่นหมายความว่าเราอนุญาตให้อะไรก็ไม่รู้มาอยู่กับเรา แล้วอะไรพวกนี้ก็มักจะเป็นสิ่งไม่ดีและไม่ยอมไปจากเราง่ายๆ ด้วย” ฟังถึงตรงนี้ขันเงินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเครียดและกลัวขึ้นมา เลยรีบถามถึงวิธีแก้ 
 
               คุณป้าก็บอกว่าวิธีแก้อ่ะมันมี แต่อยู่ที่ว่าไอ้สิ่งที่ตามมาอยู่ด้วยจะยอมไปดีๆ มั้ย โดยขั้นแรกคุณป้าให้ขันเงินไปหาตุ๊กตาเด็กผู้หญิงรูปทรงเหมือนที่เห็นอยู่ตามศาลตายายมาหนึ่งตัว แล้วเดี๋ยวคุณป้าจะลองทำพิธีทรงเจ้าให้ ว่าน้องจะยอมปล่อยขันเงินไปมั้ย 
 
               ซึ่งรายละเอียดของพิธีนี้ ตัวขันเงินไม่ได้เล่าไว้ว่าเป็นยังไง บอกแค่ว่า กว่าน้องจะยอมปล่อยขันเงิน ขันเงินต้องซื้อตุ๊กตาเด็กผู้หญิงใหม่ถึงหกครั้ง โดยในแต่ละครั้งหลังคุณป้าทำพิธีเสร็จนั้น คอของตุ๊กตาจะหักออกมาจนหัวหลุด ซึ่งคุณป้าบอกว่านี่คือสัญญาณที่บอกว่าน้องไม่ยอมที่จะปล่อยขันเงินไป และไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายคุณป้าทำเช่นไร น้องถึงได้ยอมปล่อยขันเงิน โดยภายหลังหนึ่งมาเล่าให้ขันเงินฟังว่าตุ๊กตาเด็กตัวนั้น คุณป้านำไปถวายให้กับวัดๆ หนึ่งที่คุณป้านับถือ
 
               ตัวของสองและสามเองก็มาเล่าให้ขันเงินฟังทีหลังอีกด้วยว่าช่วงที่ทำโปรเจคกันจนอยู่ดึกๆ มีอยู่ช่วงนึงที่ทั้งสองคนเห็นว่า เงาสะท้อนของขันเงินไม่ได้มีแค่ขันเงินแค่เงาเดียว แต่มีเงาเหมือนเป็นเงาของเด็กยืนอยู่ใกล้ๆ กับเงาของขันเงินด้วย ซึ่งตอนที่หนึ่งบอกว่าคุณป้าบอกว่ามีคนในทีมคนนึงพาสิ่งที่ไม่ควรพามาอยู่ด้วย สองและสามก็รู้ทันทีว่าคนๆ นั้นต้องเป็นขันเงินอย่างแน่นอน แต่เพราะไม่อยากทำให้ขันเงินรู้สึกกลัว เลยแกล้งทำเป็นเกี่ยงโบ้ยใส่กันไปมาแทน
 
               ซึ่งพอหลังจากจบเรื่องนี้ ไอ้โบ้ที่เอาแต่เห่าใส่ขันเงินทุกครั้งก็กลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้า คือวิ่งมาเล่นมาเลียมือขันเงินเหมือนอย่างเคย แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้กันเพียงแค่ในทีมของขันเงินเท่านั้น 
 
- จ บ  -

ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เรื่องนี้เพื่อนเราให้ 3.5 กะโหลกค่ะ บอกว่าหลอนแบบกลางๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่