[SR] บางตะบูน-ชะอำความเร็วสูง ทริปเช้าเย็นกลับความเร็วสูงสไตล์ผม



    นี่คือทริปทางไกลทริปแรกของผมในปี 65 นี้ แม้จะเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับ แต่ความประทับใจจากสิ่งที่ได้เจอนั้นคับแก้ว ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ได้ป่ะปนกันไป ซึ่งแน่นอนว่า เดี๋ยวมาโม้ให้ฟัง เหมือนเดิม อิ_อิ

    สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ทริปนี้เป็นทริปชะอำอีกทริปหนึ่งของผม ถึงทริปบางตะบูน-ชะอำเกือบทุกทริปผมจะสามารถคคาดการณ์ว่าจะได้เจออะไรบ้าง แต่ในทุก ๆ ทริปจะมีส่วนเรื่องราวต่างกันไป ซึ่งแน่นอนว่าทริปนี้ก็เช่นกัน จะเป็นยังไง ไปชมกันครับ



ดีดขึ้นมาจากเตียงตอนเช้ามืด ผมตั้งใจไว้ว่าทริปนี้จะต้องได้เห็นพระอทิตย์ขึ้นที่ปากอ่าวบางตะบูน จึงต้องแหกขี้ตาตั้งแต่ตี 4 ออกจากบ้านมาซักพัก ผมก็แวะเติมเต็มถังที่ป.ต.ท.ในเส้นสาย 4 จากบ้านผม เราสามารถวิ่งลงใต้ได้จาก 2 ทาง คือวิ่งเส้นทางหลัก วิ่งเส้นกาญจนาฯ ก่อนมาเข้าหมายเลข 35 แถว ๆ แสมดำ หรือวิ่งทางลัด จากทางพุทธมลฑลสาย 4 แล้วไปบรรจบกับหมายเลข 35 ที่ตัวเมืองสมุทสาคร ทริปนี้ผมเลือกเส้นที่ 2 เพราะเส้นหลักรถบรรทุกเยอะ และช่วงแสมดำถึงตัวเมืองสมุทรสาครเป็นช่วงที่มีการก่อสร้างอยู่ด้วย



วิ่งเส้นหมายเลข 35 พอลงจากสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ผมก็มองหาปั้มป.ต.ท.แรกที่จะเจอ ป.ต.ท.นี้คือป.ต.ท.คลองโคน ถัดจากปั้มก็เป็นถนนเล็ก ๆ ถนนเส้นนี้คือทางหลวงหมายเลข 2021 เป็นต้นทางของถนนที่เชื่อมโครงข่ายถนนริมทะเลตั้งแต่คลองโคนไล่มาจนถึงชะอำ เมื่อมาถึง ก็จอดพักรถซักแป้บ แล้วลุยต่อ



ขับตามทางมาเรื่อย ๆ โค้งเยอะ ทำความเร็วไม่ได้มาก แต่เราเที่ยว จะรีบทำไม ชิลไปเรื่อย ๆ ดีกว่า จนกระทั่งถึงหัวโค้งที่มีลูกกลิ้งกันรถสไลด์ เป็นสัญญาณว่า เรามาถึงสะพานข้ามอ่าวบางตะบูนแล้ว และนี่คือสิ่งที่ผมได้เห็น



ค่อยคุ้มกับที่อุตส่าตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่หน่อย



ช่วงก่อนถึงอ่าวบางตะบูน สองข้างทางจะเป็นวังกุ้งวังหอย แต่เมื่อผ่านอ่าวบางตะบูนเข้าเขตเพชรบุรี นาเกลือคือสิ่งที่จะได้เห็น ตามนาเกลือพวกนี้ เราจะได้เห็นนกน้ำนา ๆ ชนิด อย่างนกสติ้น นกปากซ่อม นกกระยาง แต่ไม่ค่อยเห็นกาน้ำ คงเป็นเพราะน้ำไม่ลึก แต่ที่ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองคือ นกตะกรุม ไม่แน่ใจว่านกตะกรุมหรือนกตะกราม แต่ไม่ใช่นกกระยางแน่ เขาตัวใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่า หัวแดง คอเหลือง อยู่ท่ามกลางฝูงนกกระยาง ซึ่งแน่นอนครับว่า ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เสียดายมาาาาาากกกกกกกกกกกกก



นาเกลือแปลงนี้ เกลือได้ที่แล้ว 



ดูท้องฟ้าสิ 



ไปตามทางเรื่อย ๆ ด้วยความที่ถนนเส้นนี้เป็นถนนท่องเที่ยว เราก็จะได้เห็นจุดชมวิว เลนซ์จักรยาน และป้ายเตือนระวังจักรยานประปรายตลอดทาง



แปลงนี้คงได้ที่แล้ว



ขับมาเรื่อย ๆ ก็มาหยุดอยู่ที่วัดปากนอกทะเล วัดนี้มีอุโบสถเรือสำเภา ลำเบ่อเริ่ม



เช็คอิน



ขับมาเรื่อย ๆ เราก็จะมาถึงจุดที่ท่อส่งแก๊ศจากทะเลขึ้นฝั่ง ซึ่งแน่นอนคครับว่า ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกละ



ขับต่อมาซักพัก ก็มาถึงฟาร์มทะเลตัวอย่าง ที่นี่สาธิตการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นและการเลี้ยงปลาทะเลหลายอย่าง และที่สำคัญ มีวิวริมทะเลที่บรรยากาศดีมาาาาาาากกกกกกกกก



อ่านป้ายที่ติดไว้ เขาแนะนำให้เลี้ยงปลานวลจันทร์ต่อจากการเลี้ยงกุ้ง เพราะอาหารกุ้งที่ตกข้างทำให้สารอาหารมากเกินแล้วสาหร่ายก็จะเกิดขึ้น เขาเลยให้เลี้ยงปลานวลจันทร์ต่อเพราะปลานวลจันทร์กินสาหร่าย ซึ่ง ได้ผลยังไง อันนี้ผมไม่รู้ครับ



รู้แค่ว่า วิวสวยจังเลย



ตอนนั้นแดดยังไม่ออกจัดนัก บรรยากาศดีมาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกกกก



บ่อน้ำข้าง ๆ ผมเห็นผิวน้ำกระเพื่อมไม่หยุด มองลงไปเห็นฝูงปลากระบอกว่ายตอมสำหร้ายที่ขึ้นบนไม้



ขากลับออกมา แวะดูปลาในอ่างซะหน่อย ที่เห็นอยู่ในนี้คือเก๋าตุ๊กแกไซส์ฝ่ามือ



ถัดมาเป็นอ่างเลี้ยงปลาแนวปะการัง พวกปลาการ์ตูนอะไรทำนองนั้น แต่ผมโฟกัสอะไรของผมเนี่ย เบลอเละเลย



ขับต่อฟาร์มตัวอย่างมาไม่นาน ก็มาถึงจุดชมวิวชายทะเลบางแก้ว มีจุดเด่นเป็นดอนที่อยู่ตรงนั้น ในยามน้ำขึ้นก็จะดูเหมือนเป็นเกาะเล็ก ๆ



จุดหมายต่อไปคือจุดชมวิวหาดทรายเม็ดแรก ซึ่งก่อนจะถึงเราก็จะได้เห็นปากคลองที่เต็มไปด้วยเรือประมง



แต่นี่คือสิ่งที่ผมเห็นในวันนั้นครับ ได้แค่ถอนหายใจ กลับรถ แล้วขับออกมา ผมวิเคราะห์เล่น ๆ ชายทะเลเพชรบุรียังคงเป็นธรรมชาติ จึงเหมือนเอื้อโอกาสให้สามารถแพ่วรกถางพง สร้างนั่นสร้างนี่ได้อีกเยอะ แต่นี่คือสิ่งที่จะต้องเจอ และการสร้างสิ่งปลูกสร้างริมทะเล นั่นคือการทำลายชายฝั่งที่ชัดเจนที่สุด คนรุ่นก่อนหน้านี้สร้างเขื่อนหิน เพื่อหวังกันแรงคลื่นที่จะมากัดเซาะชายฝั่ง แต่ การสร้างเขื่อนหินพวกนั้นแหละครับที่ยิ่งเร่งกระบวนการกัดเซาะให้เร็วขึ้นอีก เพราะในจุดที่เว้นให้คลื่นเข้าได้นั้น คลื่นจะแรงกว่าเดิม พูดง่าย ๆ คือเหมือนกับเราบีบสายยาง แล้วน้ำที่พุ่งออกมาแรงขึ้นนั่นแหละครับ วิธีเดียวที่จะรักษาแนวชายฝั่งได้ คือการเว้นชายหาดไว้ ไม่รุกล้ำไม่มากกว่านี้ รวมถึงไม่แพ่วถางป่าโกงกาง เพราะชายหาดและป่าโกงกางคือเกราะป้องกันที่แท้จริงของชายฝั่ง ถึงแม้ที่ชายทะเลอ่าวไทยตอนบนจะมีการทีเขื่อนไผ่เพื่อชลอแรงคลื่น ใช่ครับ มันได้ผล เขื่อนไม้ไผ่ชลอคลื่นได้จริง และสันดอนก็เกิดขึ้นช้า ๆ แต่ ผมมองว่ามันก็ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอยู่ดี เพราะป่าโกงกางก็ยังคงถูกบุกรุกเรื่อย ๆ และเขื่อนไม้ไผ่ก็ผุพังลงทุกวัน ๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนเรื่อย ๆ ฉนั้น วิธีเดียวที่จะรักษาชายฝั่งไว้ คือการเว้นระยะจากชายหาดและยุติการแพ่วถางป่าโกงกาง 



ขับมอไซค์ออกมา หวังในใจลึก ๆ ขอร้อง ที่หมายที่เหลือของวันนี้ อย่าลงเอยแบบนี้เลยนะ จุดหมายต่อมาคือหาดเจ้าสำราญ



แดดเริ่มออกแล้ว ก็ได้บรรยากาศแบบทะเลจริง ๆ แดดร้อน แต่ก็ได้ลมทะเลพัดให้หายร้อน



ด้วยความที่ยังเช้าอยู่ คนลงหาดก็เลยน้อย 



เห็นหินโดนคลื่นซัด ความอาร์ทจึงบังเกิด



ริมทะเล ต้นสนเยอะ



ฟิล์มหมดพอดี เปลี่ยนฟิล์มแป้บ



วางบนหนามเตย เกินเข้าไป 2 รู แล้วปิดฝา ยิงชัตเตอร์ทิ้งไป 2 ครั้ง OK พร้อมลุย
ชื่อสินค้า:   วนอุทยานเขานางพันธุรัต
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่