สรุปในงาน Apple Event Peek performance มีอะไรใหม่บ้าง
1. จากความสำเร็จของ iPhone 13 series งานนี้เปิดตัว 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเขียว สำหรับ iPhone 13 และสีเขียวอัลไพน์ สำหรับ iPhone 13 Pro เปิดสั่งซื้อล่วงหน้าวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม และวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม
2. เปิดตัว iPhone SE เจน 3 หลังห่างจากเจน 2 มาแล้วสองปี ถึงแม้จะดีไซน์เดิม แต่มาพร้อมชิพ A15 Bionic เร็วที่สุดในขณะนี้ , หน้าจอ 4.7 นิ้ว , กระจก Ceramic Shield , RAM 64GB , ROM 128GB/256GB , ระบบปฏิบัติการ iOS 15 , เชื่อมต่อ 5G , ระบบกล้องใหม่ 12MP มาพร้อม Smart HDR 4 และ Deep Fusion , ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้น และระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ที่ด้านล่างหน้าจอ
iPhone SE จะวางจำหน่าย รุ่นความจุ 64GB , 128GB/256GB มีสีมิดไนท์ , สีสตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท
3. เปิดตัว iPad Air 5 มาในรูปแบบดีไซน์เดิมเหมือน iPad Air 4 แต่เพิ่มเติมมาพร้อมชิป Apple M1 เร็วกว่า ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อน 60% ประหยัดพลังงานทำให้มีแบตเตอรี่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และ GPU แบบ 8-core กราฟิกเร็วขึ้นถึง 2 เท่า การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K หลายสตรีมพร้อมกัน การออกในรูปแบบ 3 มิติ และ AR ที่สมจริงยิ่งขึ้น
iPad Air 5 มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว หน้าจอมีความสว่างถึง 500 Nit , รองรับ True Tone และ Touch ID ที่ปุ่ม Power ที่ด้านบนตัวเครื่อง
อัปเกรดกล้องหน้า UltraWide ความละเอียด 12MP มีฟีเจอร์ Center Stage , ถ่ายภาพคมชัด และวิดีโอระดับ 4K , รองรับ 5G , Wi-Fi 6 , เชื่อมต่อพอร์ต USB-C เร็วกว่า 2 เท่า โอนข้อมูลได้สูงสุด 10Gbps/วินาที , รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 , Magic Keyboard และ Smart Folio
มี 5 สี ได้แก่ สีม่วง , สีสเปซเกรย์ , สีชมพู , สีสตาร์ไลท์ ,สีม่วง , สีเขียว และสีน้ำเงิน (สีมาใหม่)
รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ประมาณ 20,900 บาท , ความจุ 256GB ประมาณ 25,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ประมาณ 25,900 บาท , ความจุ 256GB ประมาณ 30,900 บาท
4. Mac Studio ขนาดตัวเครื่องกระทัดรัด ทรงแบบเดียวกับ Mac Mini ดีไซน์ตัวเครื่องอลูมิเนียม กว้าง 7.7 นิ้ว หนา 3.7 นิ้ว , มาพร้อม พร้อมชิป M1 Ultra ใหม่ล่าสุด , CPU เร็วกว่า Mac Pro 60% , GPU เร็วกว่า Mac Pro 80% , หน่วยความจำ 64GB สำหรับชิป M1 Max , หน่วยความจำ 128GB สำหรับชิป M1 Ultra , รองรับ SSD สูงสุด 128GB , สามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K
มีพัดลมระบายอากาศจากล่างขึ้นด้านบน , พอร์ต Thunderbolt 4 ช่อง , พอร์ต Ethernet ความเร็ว 10GB , LAN , HDMI , USB-A 2 พอร์ต , USB-C 2 พอร์ต , Card Reader , ช่องต่อหูฟัง 3.5 , เชื่อมต่อบลูทูธ 5 , รองรับ Wi-Fi 6
Mac Studio (M1 Max) ราคาประมาณ 69,900 บาท
Mac Studio (M1 Ultra) ราคาประมาณ 139,900 บาท
5. Studio Display จอภาพเสริมใหม่ หน้าจอ 5K ขนาด 27 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 600 Nit ,ให้สีสันได้ 14.7 ล้านสี , รองรับ True Tone , สามารถปรับองศาก้มเงยได้ 30 องศา , ปรับหน้าจอเป็นแนวตั้งได้ , มาพร้อมชิป A13 Bionic
กล้องหน้า UltraWid ความละเอียด 12MP , รองรับฟีเจอร์ Center Stage , ชุดไมโครโฟน 3 ตัว , ลำโพงทั้งหมด 6 จุด , ฟีเจอร์ Spatial Audio , รองรับ Dolby Atmos , มีพอร์ต Thunderbolt 4 รองรับการชาร์จไฟ กำลังไฟ 96W , พอร์ต USB-C 3 ช่อง , อุปกรณ์เสริม Magic Keyboard พร้อม Touch ID , Magic Trackpad และ Magic Mouse
Mac Studio วางจำหน่ายในราคา 69,900 บาท
อ้างอิง : gsmarena , Apple
สรุปในงาน Apple Event Peek performance มีอะไรใหม่บ้าง
1. จากความสำเร็จของ iPhone 13 series งานนี้เปิดตัว 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเขียว สำหรับ iPhone 13 และสีเขียวอัลไพน์ สำหรับ iPhone 13 Pro เปิดสั่งซื้อล่วงหน้าวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม และวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม
2. เปิดตัว iPhone SE เจน 3 หลังห่างจากเจน 2 มาแล้วสองปี ถึงแม้จะดีไซน์เดิม แต่มาพร้อมชิพ A15 Bionic เร็วที่สุดในขณะนี้ , หน้าจอ 4.7 นิ้ว , กระจก Ceramic Shield , RAM 64GB , ROM 128GB/256GB , ระบบปฏิบัติการ iOS 15 , เชื่อมต่อ 5G , ระบบกล้องใหม่ 12MP มาพร้อม Smart HDR 4 และ Deep Fusion , ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้น และระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ที่ด้านล่างหน้าจอ
iPhone SE จะวางจำหน่าย รุ่นความจุ 64GB , 128GB/256GB มีสีมิดไนท์ , สีสตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท
3. เปิดตัว iPad Air 5 มาในรูปแบบดีไซน์เดิมเหมือน iPad Air 4 แต่เพิ่มเติมมาพร้อมชิป Apple M1 เร็วกว่า ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อน 60% ประหยัดพลังงานทำให้มีแบตเตอรี่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และ GPU แบบ 8-core กราฟิกเร็วขึ้นถึง 2 เท่า การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K หลายสตรีมพร้อมกัน การออกในรูปแบบ 3 มิติ และ AR ที่สมจริงยิ่งขึ้น
iPad Air 5 มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว หน้าจอมีความสว่างถึง 500 Nit , รองรับ True Tone และ Touch ID ที่ปุ่ม Power ที่ด้านบนตัวเครื่อง
อัปเกรดกล้องหน้า UltraWide ความละเอียด 12MP มีฟีเจอร์ Center Stage , ถ่ายภาพคมชัด และวิดีโอระดับ 4K , รองรับ 5G , Wi-Fi 6 , เชื่อมต่อพอร์ต USB-C เร็วกว่า 2 เท่า โอนข้อมูลได้สูงสุด 10Gbps/วินาที , รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 , Magic Keyboard และ Smart Folio
มี 5 สี ได้แก่ สีม่วง , สีสเปซเกรย์ , สีชมพู , สีสตาร์ไลท์ ,สีม่วง , สีเขียว และสีน้ำเงิน (สีมาใหม่)
รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ประมาณ 20,900 บาท , ความจุ 256GB ประมาณ 25,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ประมาณ 25,900 บาท , ความจุ 256GB ประมาณ 30,900 บาท
4. Mac Studio ขนาดตัวเครื่องกระทัดรัด ทรงแบบเดียวกับ Mac Mini ดีไซน์ตัวเครื่องอลูมิเนียม กว้าง 7.7 นิ้ว หนา 3.7 นิ้ว , มาพร้อม พร้อมชิป M1 Ultra ใหม่ล่าสุด , CPU เร็วกว่า Mac Pro 60% , GPU เร็วกว่า Mac Pro 80% , หน่วยความจำ 64GB สำหรับชิป M1 Max , หน่วยความจำ 128GB สำหรับชิป M1 Ultra , รองรับ SSD สูงสุด 128GB , สามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K
มีพัดลมระบายอากาศจากล่างขึ้นด้านบน , พอร์ต Thunderbolt 4 ช่อง , พอร์ต Ethernet ความเร็ว 10GB , LAN , HDMI , USB-A 2 พอร์ต , USB-C 2 พอร์ต , Card Reader , ช่องต่อหูฟัง 3.5 , เชื่อมต่อบลูทูธ 5 , รองรับ Wi-Fi 6
Mac Studio (M1 Max) ราคาประมาณ 69,900 บาท
Mac Studio (M1 Ultra) ราคาประมาณ 139,900 บาท
5. Studio Display จอภาพเสริมใหม่ หน้าจอ 5K ขนาด 27 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 600 Nit ,ให้สีสันได้ 14.7 ล้านสี , รองรับ True Tone , สามารถปรับองศาก้มเงยได้ 30 องศา , ปรับหน้าจอเป็นแนวตั้งได้ , มาพร้อมชิป A13 Bionic
กล้องหน้า UltraWid ความละเอียด 12MP , รองรับฟีเจอร์ Center Stage , ชุดไมโครโฟน 3 ตัว , ลำโพงทั้งหมด 6 จุด , ฟีเจอร์ Spatial Audio , รองรับ Dolby Atmos , มีพอร์ต Thunderbolt 4 รองรับการชาร์จไฟ กำลังไฟ 96W , พอร์ต USB-C 3 ช่อง , อุปกรณ์เสริม Magic Keyboard พร้อม Touch ID , Magic Trackpad และ Magic Mouse
Mac Studio วางจำหน่ายในราคา 69,900 บาท
อ้างอิง : gsmarena , Apple