อ่าวมาหยากลับมาเปิดแล้ว เกาะพีพีคึกคักพร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว เพียงแค่ได้ยินข่าวนี้ก็ถึงกับต้องวางแผน เตรียมโปรแกรม จัดกระเป๋า เพราะจะมีช่วงเวลาไหนอีกล่ะที่เราสามารถเที่ยวอ่าวมาหยาแบบสวยสุดใจขนาดนี้ เลยเปิดทริปซะ 26 ก.พ. - 2 มี.ค. 65 สดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา
พูดถึงเกาะพีพี อ่าวมาหยา หลายคนอาจรู้ว่าเราสามารถเที่ยวโดยใช้บริการนำเที่ยววันเดย์ทริปจากผู้ประกอบการทั้งในกระบี่หรือภูเก็ต แต่จะให้ดีกว่านั้น ผมคิดว่าการได้ค้างบนพีพีย่อมทำให้เรารู้จักที่นั่นมากขึ้น แถมเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานาน หลังแค่เคยเที่ยวแบบเดย์ทริปอยู่สองสามครั้ง
พีพี (Phi Phi) คือเกาะหินปูนสองเกาะกลางทะเลกระบี่ หมายถึงเกาะพีพีดอน กับเกาะพีพีเล โดยพีพีดอนมีแหล่งชุมชน โรงแรม รีสอร์ทที่พักมากมาย ขณะที่พีพีเล อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทั้งหมด ดังนั้นการเที่ยวพีพีจึงเป็นการพักที่พีพีดอน แล้วค่อยหาเรือหางพาเที่ยวพีพีเลนั่นเอง
ตามมาสิครับ ทริปนี้ผมกับเธอจะพาแบกเป้ไปเที่ยวพีพีกัน ไปดูว่าที่นั่นเป็นอย่างไรกันบ้าง
เริ่มเดินทาง
ทริปนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพราะผมไม่ได้ไปเพียงลำพังจึงวางแผนทริปค่อนข้างละเอียด ไม่ใช่อะไรๆ ก็หาเอาดาบหน้าเหมือนปกติ (ฮา…) เดินทางด้วยเครื่องบิน จองตั๋วเรือข้ามเกาะ และทริปเรือหางยาวล่วงหน้า รวมถึงจองโรงแรมล่วงหน้า
เราบินไฟลท์สิบโมงครึ่งถึงกระบี่เที่ยงนิดๆ ตามฤดูกาลเป็นช่วงเข้าซัมเมอร์แต่ดันผิดคาดเพราะสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกทักทายตั้งแต่เข้าเขตภาคใต้แถมดูท่าคงไม่หยุดง่ายๆ
การข้ามไปเกาะพีพีมีเรือให้บริการหลายแบบหลายจุด บริษัทเรือที่เราจองเป็นสปีดโบ๊ท (จองผ่านเพจ
www.facebook.com/321mr) ไป-กลับ คนละ 1,000 บาท ขึ้นเรือที่ท่าเรือเจ้าฟ้าในตัวเมืองกระบี่ ไม่ไกลจากลานปูดำแลนด์มาร์คของจังหวัด ลงเครื่องแล้วติดต่อชัทเทิลบัส (รถตู้) เข้าเมืองได้เลย คนละ 90 บาท
เราจองตั๋วมาเรียบร้อย ที่เหลือแค่เช็คอินแล้วรอเวลาขึ้นเรือรอบบ่ายสองโมง ใช้เวลาเดินทางไม่เกินชั่วโมงก็ถึงเกาะพีพีดอน ที่ท่าเรืออ่าวต้นไทร
ถึงเกาะพีพีแบบวุ่นวายนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะคนเยอะหรอกครับ แต่เพราะฝนตกนี่แหละ คนจะเข้าจะออกเกาะก็ต้องหลบฝนโปรยปรายกันจ้าละหวั่น
พีพีดอนอาจเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่ แต่เรื่องขนาดชุมชนต้องบอกว่าเต็มรูปแบบ มีทุกอย่างเหมือนเมืองทั่วไป โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ ร้านอาหารทั้งแบบร้านหรู ร้านข้าวแกง อาหารตามสั่ง คาเฟ่ มินิมาร์ท ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม โรงพยาบาล สถานีตำรวจ และอื่นๆ อีกเพียบไม่มีขาด
ที่พักของเราคือ P2 Wood Loft เป็นโรงแรมตึกแถว เดินจากท่าเรือไม่ไกลนัก ติดต่อจองผ่านเพจโรงแรมโดยตรง คืนละพันเศษๆ ไม่มีอาหารเช้า ส่วนหากใครงบน้อยจะหาที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์คืนละประมาณ 500 บาท ก็มีเต็มไปหมด
ห้องพักสบาย มีแอร์ น้ำอุ่น ไดร์เป่าผม มีระเบียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ทีวีจอใหญ่แต่สัญญาณดิจิตอลกระตุกๆ ตามระยะความห่างไกล (ฮา…) เช็คอินเข้าห้อง อาบน้ำอุ่นๆ เปิดแอร์ ทิ้งตัวลงนอน ไม่รู้จะทำอะไรมากกว่านี้เพราะฝนตกนี่นะ
เกาะพีพีแบบนี้เอง
ใกล้เย็นฝนเริ่มเบาเม็ด เราค่อยออกมาเดินสำรวจเกาะพีพีดอน ชุมชนระหว่างอ่าวหลักสองฝั่งคืออ่าวต้นไทรกับอ่าวโละดาลัม มีตรอกซอกซอยเยอะแยะไปหมด แต่เดินหลงสักสองสามครั้งก็จำทิศทางได้แล้ว
พีพีกลับมาคึกคักขึ้นแล้วหลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ แม้โดยรวมยังไม่ฟื้นเต็มร้อย ร้านรวงจำนวนมากปิดตัวลง แต่ถือเป็นสัญญาณดี เห็นผู้คน นักท่องเที่ยว มีความสุขกับการได้มาที่นี่
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องกังวล อย่างที่บอกครับว่ามีร้านอาหารทุกระดับ แม้แต่ แม็คโดนัลด์ เบอร์เกอร์คิง พิซซ่าคอมปะนี ส่วนราคาอาหารจานเดียวตามร้านต่างๆ อยู่ราว 80-100 บาท ยกมาให้แต่ละจานกินกันแบบจุกๆ แถมร้านส่วนใหญ่ยังสามารถสแกนชำระเงิน หรือรับคำละครึ่งอีกด้วย
วันที่สองของเรา ฝนตกหนักตั้งแต่เช้าตามพยากรณ์อากาศบอกเป๊ะ ต้องรอถึงเที่ยงฟ้าจึงค่อยเริ่มคลาย มองเห็นสีฟ้าจางๆ และสัญญาณว่าพายุกำลังใกล้พ้นผ่าน
เราสองคนไม่ได้ทำอะไรมาก โปรแกรมเดิมที่วางไว้วันนี้แค่จะเดินเล่นสำรวจเกาะแบบชิลๆ กันอยู่แล้ว สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจเลยไม่เป็นปัญหา
ฝั่งท่าเรืออ่าวต้นไทร พอมีแดดบางๆ ก็เริ่มสวยขึ้น ฝั่งนี้เป็นจุดหลักในการเดินทางเข้าออกเกาะ เลยคึกคักตลอดเวลา
ส่วนฝั่งนี้คืออ่าวโละดาลัม ชายหาดแปลกตาเพราะน้ำตื้นมาก เป็นฝั่งที่นักท่องเที่ยวจะมาเล่นน้ำ พักผ่อน อาบแดด ริมหาดมีรีสอร์ทและร้านอาหารให้บริการพอสมควร
ตอนเย็นๆ เราเห็นว่าฟ้าเปิดมากขึ้นเลยชวนกันไปนั่งกินข้าวเย็นที่ชูกิจ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรอง ฝั่งอ่าวต้นไทร เห็นว่าสวยดีเป็นระเบียงริมทะเล ไม่ผิดหวังครับ มีอาหารตามสั่งจานเดียวด้วยครับ ตรงนี้ผมแนะนำเลย
[CR] แบกเป้เที่ยว มาหยา-พีพี ชีวิตติดเกาะ 5 วัน 4 คืน
อ่าวมาหยากลับมาเปิดแล้ว เกาะพีพีคึกคักพร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว เพียงแค่ได้ยินข่าวนี้ก็ถึงกับต้องวางแผน เตรียมโปรแกรม จัดกระเป๋า เพราะจะมีช่วงเวลาไหนอีกล่ะที่เราสามารถเที่ยวอ่าวมาหยาแบบสวยสุดใจขนาดนี้ เลยเปิดทริปซะ 26 ก.พ. - 2 มี.ค. 65 สดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา
พูดถึงเกาะพีพี อ่าวมาหยา หลายคนอาจรู้ว่าเราสามารถเที่ยวโดยใช้บริการนำเที่ยววันเดย์ทริปจากผู้ประกอบการทั้งในกระบี่หรือภูเก็ต แต่จะให้ดีกว่านั้น ผมคิดว่าการได้ค้างบนพีพีย่อมทำให้เรารู้จักที่นั่นมากขึ้น แถมเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานาน หลังแค่เคยเที่ยวแบบเดย์ทริปอยู่สองสามครั้ง
พีพี (Phi Phi) คือเกาะหินปูนสองเกาะกลางทะเลกระบี่ หมายถึงเกาะพีพีดอน กับเกาะพีพีเล โดยพีพีดอนมีแหล่งชุมชน โรงแรม รีสอร์ทที่พักมากมาย ขณะที่พีพีเล อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทั้งหมด ดังนั้นการเที่ยวพีพีจึงเป็นการพักที่พีพีดอน แล้วค่อยหาเรือหางพาเที่ยวพีพีเลนั่นเอง
ตามมาสิครับ ทริปนี้ผมกับเธอจะพาแบกเป้ไปเที่ยวพีพีกัน ไปดูว่าที่นั่นเป็นอย่างไรกันบ้าง
เราบินไฟลท์สิบโมงครึ่งถึงกระบี่เที่ยงนิดๆ ตามฤดูกาลเป็นช่วงเข้าซัมเมอร์แต่ดันผิดคาดเพราะสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกทักทายตั้งแต่เข้าเขตภาคใต้แถมดูท่าคงไม่หยุดง่ายๆ
การข้ามไปเกาะพีพีมีเรือให้บริการหลายแบบหลายจุด บริษัทเรือที่เราจองเป็นสปีดโบ๊ท (จองผ่านเพจ www.facebook.com/321mr) ไป-กลับ คนละ 1,000 บาท ขึ้นเรือที่ท่าเรือเจ้าฟ้าในตัวเมืองกระบี่ ไม่ไกลจากลานปูดำแลนด์มาร์คของจังหวัด ลงเครื่องแล้วติดต่อชัทเทิลบัส (รถตู้) เข้าเมืองได้เลย คนละ 90 บาท
เราจองตั๋วมาเรียบร้อย ที่เหลือแค่เช็คอินแล้วรอเวลาขึ้นเรือรอบบ่ายสองโมง ใช้เวลาเดินทางไม่เกินชั่วโมงก็ถึงเกาะพีพีดอน ที่ท่าเรืออ่าวต้นไทร
ถึงเกาะพีพีแบบวุ่นวายนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะคนเยอะหรอกครับ แต่เพราะฝนตกนี่แหละ คนจะเข้าจะออกเกาะก็ต้องหลบฝนโปรยปรายกันจ้าละหวั่น
พีพีดอนอาจเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่ แต่เรื่องขนาดชุมชนต้องบอกว่าเต็มรูปแบบ มีทุกอย่างเหมือนเมืองทั่วไป โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ ร้านอาหารทั้งแบบร้านหรู ร้านข้าวแกง อาหารตามสั่ง คาเฟ่ มินิมาร์ท ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม โรงพยาบาล สถานีตำรวจ และอื่นๆ อีกเพียบไม่มีขาด
ที่พักของเราคือ P2 Wood Loft เป็นโรงแรมตึกแถว เดินจากท่าเรือไม่ไกลนัก ติดต่อจองผ่านเพจโรงแรมโดยตรง คืนละพันเศษๆ ไม่มีอาหารเช้า ส่วนหากใครงบน้อยจะหาที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์คืนละประมาณ 500 บาท ก็มีเต็มไปหมด
ห้องพักสบาย มีแอร์ น้ำอุ่น ไดร์เป่าผม มีระเบียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ทีวีจอใหญ่แต่สัญญาณดิจิตอลกระตุกๆ ตามระยะความห่างไกล (ฮา…) เช็คอินเข้าห้อง อาบน้ำอุ่นๆ เปิดแอร์ ทิ้งตัวลงนอน ไม่รู้จะทำอะไรมากกว่านี้เพราะฝนตกนี่นะ
พีพีกลับมาคึกคักขึ้นแล้วหลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ แม้โดยรวมยังไม่ฟื้นเต็มร้อย ร้านรวงจำนวนมากปิดตัวลง แต่ถือเป็นสัญญาณดี เห็นผู้คน นักท่องเที่ยว มีความสุขกับการได้มาที่นี่
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องกังวล อย่างที่บอกครับว่ามีร้านอาหารทุกระดับ แม้แต่ แม็คโดนัลด์ เบอร์เกอร์คิง พิซซ่าคอมปะนี ส่วนราคาอาหารจานเดียวตามร้านต่างๆ อยู่ราว 80-100 บาท ยกมาให้แต่ละจานกินกันแบบจุกๆ แถมร้านส่วนใหญ่ยังสามารถสแกนชำระเงิน หรือรับคำละครึ่งอีกด้วย
วันที่สองของเรา ฝนตกหนักตั้งแต่เช้าตามพยากรณ์อากาศบอกเป๊ะ ต้องรอถึงเที่ยงฟ้าจึงค่อยเริ่มคลาย มองเห็นสีฟ้าจางๆ และสัญญาณว่าพายุกำลังใกล้พ้นผ่าน
เราสองคนไม่ได้ทำอะไรมาก โปรแกรมเดิมที่วางไว้วันนี้แค่จะเดินเล่นสำรวจเกาะแบบชิลๆ กันอยู่แล้ว สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจเลยไม่เป็นปัญหา
ฝั่งท่าเรืออ่าวต้นไทร พอมีแดดบางๆ ก็เริ่มสวยขึ้น ฝั่งนี้เป็นจุดหลักในการเดินทางเข้าออกเกาะ เลยคึกคักตลอดเวลา
ส่วนฝั่งนี้คืออ่าวโละดาลัม ชายหาดแปลกตาเพราะน้ำตื้นมาก เป็นฝั่งที่นักท่องเที่ยวจะมาเล่นน้ำ พักผ่อน อาบแดด ริมหาดมีรีสอร์ทและร้านอาหารให้บริการพอสมควร
ตอนเย็นๆ เราเห็นว่าฟ้าเปิดมากขึ้นเลยชวนกันไปนั่งกินข้าวเย็นที่ชูกิจ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรอง ฝั่งอ่าวต้นไทร เห็นว่าสวยดีเป็นระเบียงริมทะเล ไม่ผิดหวังครับ มีอาหารตามสั่งจานเดียวด้วยครับ ตรงนี้ผมแนะนำเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้