คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ขอตอบปัญหาของคุณก่อนนะคะที่ถามว่า..."แต่ค่าที่ไม่ลดลง ทำให้ร้านพี่สาวผมเดือดร้อนมาก ควรขอให้ใครช่วยดีครับ"
-คนที่จะสามารถช่วยได้ คือ ผอ.คนใหม่ค่ะ...แต่! ทั้งนี้ทั้งนั้น พ่อค้าทุกร้านต้องรวมตัวกันเพื่อต่อรองกับ ผอ.นะคะ "เน้น ว่าทุกร้าน"
คือต้องต่อรองว่า ขอลดค่าเช่า ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ บางทีเด็กสลับชั้นกันมาเรียน ยิ่งทำให้ขายได้น้อยลง ดังนั้น ถ้าผอ.่และครูๆ คิดในแง่ความเป็นจริงต้องลดค่าเช่าค่ะ ไม่ใช่ขึ้นราคา...
..แต่! ในแง่ความจริง มันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพราะเราเอง เคยเป็นทั้งครูในโรงเรียน และเคยเป็นแม่ค้าขายข้าวในโรงเรียนด้วย
**ในแง่ความเป็นครูที่เคยมีหน้าที่ดูแลร้านอาหารในโรงเรียน
- ผ่านมาสารพัดค่ะ ตามผอ.แต่ละคน บางคนเน้นนโยบายแบบคุณว่า คือลดขยะ ห้ามเด็กนำอาหารจากบ้านมาทาน ห้ามแม้กระทั่งครูด้วยกันเอง
คือห้ามสั่งอาหารจากข้างนอก สุดท้าย เละตุ้มเป๊ะ
**เรา ในตำแหน่งแม่ค้าขายอาหารในโรงเรียน ( 2 ปีก่อน ช่วงโควิดเนี่ยแหละ) เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนะคะ เด็กประมาณ 3-4 พันคน
(ยื่นซองประมูลค่ะ ใครสูงสุดได้ขาย มีร้านอาหารเฉพาะข้าว+ก๋วยเตี๋ยว+อาหารจานเดียว ประมาณ 20 ร้าน ไม่นับของว่างและน้ำต่างๆนะคะ
โรงเรียนกำหนดให้ขาย จานละ 20 บาท )
-เด็กสลับกันมาเรียนค่ะ เฉลี่ย วันละประมาณ พันกว่าคน ในขณะที่แม่ค้า ยี่สิบกว่าร้าน ราคาประมูลขั้นต่ำสุดต่อปี 35000 บาท
(หักยอดขายรายวันอีก วันละ 10 เปอร์เซ็น ไม่เกี่ยวกับยอดประมูล)
คุณลองคิดดูว่า..แต่ละร้าน ต้องขายให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะพอได้กำไรจากเงินประมูลนั้น (แถมขายได้โดนหักอีก 10 เปอร์ด้วย)
....แม่ค้าแต่ละร้านบ่นไม่ไหว ปรึกษากันว่า ขอขึ้นราคาข้าวเหอะ เป็นจานละ 25 บาทดีกว่า
....นัดหมายกันดิบดีค่ะ ว่าต้องสู้ละนะ ไม่งั้นพวกเราตายแน่ มีการรวมหัวกันว่า ปีต่อไป เราจะยื่นซองกันแค่ หมื่นห้าพอนะ ทุกคนต้องร่วมมือกัน
สรุป...พอครูฝ่ายบริการมาประชุมแม่ค้า...แม่ค้าพ่อค้าทุกคนเงียบกริ๊บ ไม่กล้าแม้จะพูดสักคำ กลัวครูกันหัวหดมาก มีแต่เราแหละที่พูดคนเดียว
สุดท้าย ทางโรงเรียนไม่ยอมนะคะ ยืนยันราคาเดิม ใครอยู่ได้ก็อยู่...อยู่ไม่ได้ก็ออก เดี๋ยวมีคนใหม่เข้ามาแน่ เพราะใครๆก็อยากขาย เนื่องจาก
เด็กเยอะ (ขอบอกว่า โรงเรียนใจดำนะ เพราะเด็กมาเรียนลดลง แต่ราคาประมูลแพงขึ้น ...ทีนี้ก็ต้องวัดใจแม่ค้ากันละ ว่าจะลดขนาดอาหาร
ให้เหลือขนาดไหน เพื่อให้พอต้นทุน+กำไร)
...เราเองไม่มีปัญหานะคะ อยู่ได้แหละ เพราะเด็กขนาดนี้ ถ้าเราทำอาหารดีๆ อร่อยๆ เหมาะกับคุณภาพ เราขายได้วันละ 100 กว่าจาน เราก็อยู่ได้นะ
จริงๆ ร้านเราขายดีนะคะ เราให้เด็กเยอะด้วย ตักแบบมือหนัก ...อาหารเราจะขายหมดตั้งแต่ 11.30 น. กลับบ้านก่อนร้านอื่นๆ
เราไม่เคยได้ขายเด็ก ม.ปลายตอนเที่ยงเลยค่ะ อาหารหมดก่อนทุกวัน แต่เราทำเพิ่มไม่ไหว เพราะทำกันแค่สองคนกับแฟน เลยทำได้เท่านี้เอง
....****
เชื่อเถอะค่ะ ถ้าพี่คุณเห็นว่าไม่ไหว เดี๋ยวเค้าก็ต้องออกมาเอง ...แต่ถ้าไหวเพียงแต่ได้กำไรลดลง ถ้าพี่คุณคิดแล้วว่าอยู่ตรงนี้ดีกว่าออกไปหาที่ใหม่
สุดท้าย "เค้าก็อยู่ที่เดิมค่ะ" เหมือนแม่ค้าร้านอาหารในโรงเรียนที่เราอยู่เปี๊ยบ...บ่นๆๆ กันเข้าไป สุดท้ายไม่เห็นใครยอมออกสักคน
**** ขายอาหารในโรงเรียน เราต้องมองเด็กเหมือนลูกหลานอยู่แล้วเนาะ ขาดทุนบ้าง เสมอตัวบ้าง กำไรบ้าง เด็กอ้อนขอเพิ่มอีกสารพัด
ก็ทำกันไปค่ะ ...ดีกว่าอยู่เปล่าๆ หรือไปเริ่มต้นใหม่ในที่อื่นๆ
-คนที่จะสามารถช่วยได้ คือ ผอ.คนใหม่ค่ะ...แต่! ทั้งนี้ทั้งนั้น พ่อค้าทุกร้านต้องรวมตัวกันเพื่อต่อรองกับ ผอ.นะคะ "เน้น ว่าทุกร้าน"
คือต้องต่อรองว่า ขอลดค่าเช่า ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ บางทีเด็กสลับชั้นกันมาเรียน ยิ่งทำให้ขายได้น้อยลง ดังนั้น ถ้าผอ.่และครูๆ คิดในแง่ความเป็นจริงต้องลดค่าเช่าค่ะ ไม่ใช่ขึ้นราคา...
..แต่! ในแง่ความจริง มันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพราะเราเอง เคยเป็นทั้งครูในโรงเรียน และเคยเป็นแม่ค้าขายข้าวในโรงเรียนด้วย
**ในแง่ความเป็นครูที่เคยมีหน้าที่ดูแลร้านอาหารในโรงเรียน
- ผ่านมาสารพัดค่ะ ตามผอ.แต่ละคน บางคนเน้นนโยบายแบบคุณว่า คือลดขยะ ห้ามเด็กนำอาหารจากบ้านมาทาน ห้ามแม้กระทั่งครูด้วยกันเอง
คือห้ามสั่งอาหารจากข้างนอก สุดท้าย เละตุ้มเป๊ะ
**เรา ในตำแหน่งแม่ค้าขายอาหารในโรงเรียน ( 2 ปีก่อน ช่วงโควิดเนี่ยแหละ) เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนะคะ เด็กประมาณ 3-4 พันคน
(ยื่นซองประมูลค่ะ ใครสูงสุดได้ขาย มีร้านอาหารเฉพาะข้าว+ก๋วยเตี๋ยว+อาหารจานเดียว ประมาณ 20 ร้าน ไม่นับของว่างและน้ำต่างๆนะคะ
โรงเรียนกำหนดให้ขาย จานละ 20 บาท )
-เด็กสลับกันมาเรียนค่ะ เฉลี่ย วันละประมาณ พันกว่าคน ในขณะที่แม่ค้า ยี่สิบกว่าร้าน ราคาประมูลขั้นต่ำสุดต่อปี 35000 บาท
(หักยอดขายรายวันอีก วันละ 10 เปอร์เซ็น ไม่เกี่ยวกับยอดประมูล)
คุณลองคิดดูว่า..แต่ละร้าน ต้องขายให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะพอได้กำไรจากเงินประมูลนั้น (แถมขายได้โดนหักอีก 10 เปอร์ด้วย)
....แม่ค้าแต่ละร้านบ่นไม่ไหว ปรึกษากันว่า ขอขึ้นราคาข้าวเหอะ เป็นจานละ 25 บาทดีกว่า
....นัดหมายกันดิบดีค่ะ ว่าต้องสู้ละนะ ไม่งั้นพวกเราตายแน่ มีการรวมหัวกันว่า ปีต่อไป เราจะยื่นซองกันแค่ หมื่นห้าพอนะ ทุกคนต้องร่วมมือกัน
สรุป...พอครูฝ่ายบริการมาประชุมแม่ค้า...แม่ค้าพ่อค้าทุกคนเงียบกริ๊บ ไม่กล้าแม้จะพูดสักคำ กลัวครูกันหัวหดมาก มีแต่เราแหละที่พูดคนเดียว
สุดท้าย ทางโรงเรียนไม่ยอมนะคะ ยืนยันราคาเดิม ใครอยู่ได้ก็อยู่...อยู่ไม่ได้ก็ออก เดี๋ยวมีคนใหม่เข้ามาแน่ เพราะใครๆก็อยากขาย เนื่องจาก
เด็กเยอะ (ขอบอกว่า โรงเรียนใจดำนะ เพราะเด็กมาเรียนลดลง แต่ราคาประมูลแพงขึ้น ...ทีนี้ก็ต้องวัดใจแม่ค้ากันละ ว่าจะลดขนาดอาหาร
ให้เหลือขนาดไหน เพื่อให้พอต้นทุน+กำไร)
...เราเองไม่มีปัญหานะคะ อยู่ได้แหละ เพราะเด็กขนาดนี้ ถ้าเราทำอาหารดีๆ อร่อยๆ เหมาะกับคุณภาพ เราขายได้วันละ 100 กว่าจาน เราก็อยู่ได้นะ
จริงๆ ร้านเราขายดีนะคะ เราให้เด็กเยอะด้วย ตักแบบมือหนัก ...อาหารเราจะขายหมดตั้งแต่ 11.30 น. กลับบ้านก่อนร้านอื่นๆ
เราไม่เคยได้ขายเด็ก ม.ปลายตอนเที่ยงเลยค่ะ อาหารหมดก่อนทุกวัน แต่เราทำเพิ่มไม่ไหว เพราะทำกันแค่สองคนกับแฟน เลยทำได้เท่านี้เอง
....****
เชื่อเถอะค่ะ ถ้าพี่คุณเห็นว่าไม่ไหว เดี๋ยวเค้าก็ต้องออกมาเอง ...แต่ถ้าไหวเพียงแต่ได้กำไรลดลง ถ้าพี่คุณคิดแล้วว่าอยู่ตรงนี้ดีกว่าออกไปหาที่ใหม่
สุดท้าย "เค้าก็อยู่ที่เดิมค่ะ" เหมือนแม่ค้าร้านอาหารในโรงเรียนที่เราอยู่เปี๊ยบ...บ่นๆๆ กันเข้าไป สุดท้ายไม่เห็นใครยอมออกสักคน
**** ขายอาหารในโรงเรียน เราต้องมองเด็กเหมือนลูกหลานอยู่แล้วเนาะ ขาดทุนบ้าง เสมอตัวบ้าง กำไรบ้าง เด็กอ้อนขอเพิ่มอีกสารพัด
ก็ทำกันไปค่ะ ...ดีกว่าอยู่เปล่าๆ หรือไปเริ่มต้นใหม่ในที่อื่นๆ
แสดงความคิดเห็น
โรงเรียนสั่งห้ามนำอาหารเข้ามาในโรงเรียน ผลสุดท้าย ผอ.โดนไล่ออก
และก่อนหน้านี้มีการขึ้นค่าที่ เช่าร้านอาหารที่เข้ามาขายในโรงเรียน ร้านค้าจึงร้องเรียนให้ห้ามนักเรียนนำข้าวอาหารมาเองเพื่อจะได้ขายได้มากขึ้นชดเชยค่าที่ที่ขึ้นราคา
จึงมีการประชุมกัน และให้ยกเลิก น้ำดื่มฟรี เพื่อประหยัดงบโรงเรียน และนักเรียนได้ไปอุดหนุนน้ำขวดจากร้านค้า ที่ได้ผลกระทบกับการเก็บค้าที่เพิ่มขึ้น และได้ห้ามนักเรียนนำอาหารเข้ามาในโรงเรียน ซึ่งพวกโรงแรม ห้าง ร้าน ก็ใช้กฏนี้สำเร็จ แต่ โรงเรียน เจอนักเรียนไปฟ้องผู้ปกครอง แล้วเกิดการรวมตัวกันจนเรื่องไปถึงผู้ใหญ่ ผอ.โดนไล่ออก น้ำดื่มฟรีกลับคืนมา นักเรียนนำข้าวกล่องมาได้เช่นเดิม แต่ค่าที่ไม่ลดลง ทำให้ร้านพี่สาวผมเดือดร้อนมาก ควรขอให้ใครช่วยดีครับ