สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
ตอบตามโลกความเป็นจริง
ในฐานะที่
1.เป็น programmer มาก่อน (เรียกว่าเป็น กรรมกร ที่เขียนโค้ด ก็ไม่ผิด)
2.เป็น team lead, PM ,PO มาก่อน
3.hunt คนมาก่อน (หา candidate , interview , decision)
เชื่อมั้ย ว่าเงินเดือน programmer มันแพงมากนะครับ แต่ก็ยังหาคนได้ยาก บอกเลยว่า เงินเดือนเฉลี่ยในทีมที่ผมดูตอนนี้ เฉียด 6 หลัก ต่ำสุด 48k นะ เป็น เด็กน้อย เขียน program ยัง bug กระจุย ส่งงานยังเบลอๆผิดๆถูกๆอยู่เลย มือเซียน ก็ 6 หลัก ไม่ต้องสงสัยครับ ไม่ต้องถามเยอะ
และในตลาดแรงงาน ระดับ senior ก็แตะ 6 หลักกันทั้งนั้นนะ เริ่มเห็นบางที่ mid ก็เฉียด 6 หลักแล้วก็มีเยอะ ไม่ยาก
แต่ยังหาคนยาก
ทำไม?
1.programmer เป็นเหมือนอาชีพที่ born to be ประมาณหนึ่งเลย คนจะเป็นแล้วเก่งได้ ต้องมีพรสวรรค์ อันนี้ จะฉายแววออกมาได้ชัดมาก
2.แม้ว่าไม่มีพรสวรรค์ แต่ พรแสวง ก็ดันไม่มี เพราะไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น อยากสบาย สบายในที่นี้คือ โค้ดก็ไม่ได้อยากเขียน แต่อยากได้เงิน เพราะมันจะมีคนอีกแบบที่เก่งโคตรๆ คือ คนที่ขี้เกียจ แต่จะอยากเขียนโค้ดมาเพื่อทำงานแทนตัวเองไปซะทุกอย่าง แบบนี้ จะเก่งมาก และทำงานได้หลากหลาย พลิกแพลงได้เก่ง พวกนี้ต้องไม่นับรวม แยกต่างหาก
3.หยุดเรียนรู้ไม่ได้ เนื่องจากอาชีพนี้ มันหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ไม่ได้ ถ้าเรียนรู้จนเก่ง แล้วหยุดเรียนรู้ต่อ เพราะติดหลุมว่า ตรูเก่งแล้ว ผมให้เต็มที่ 3 ปี จะหาที่ยืนได้ยากแล้วครับ ไปที่ไหน คุยก็รู้เลย ว่าเก่าแล้ว ตามไม่ทันแล้ว
4.ไม่อยากเปลี่ยนงานบ่อย เพราะไม่อยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม programmer ส่วนใหญ่นิสัยไม่ค่อยชอบคุยกับคน เพราะคนมันคุยไม่ค่อยรุ้เรื่องและเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดังนั้น การเปลี่ยนงานมันคือต้องตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซึ่งก็ไม่รู้ต้องไปเจออะไรยังไงบ้าง
5.เรียนจบแล้วรู้ตัวว่าไม่ใช่ programmer ย้อนกลับไปข้อ 1
6.ทำงานไปแล้ว รู้ตัวว่าไม่ใช่ programmer ย้อนกลับไปข้อ 1
7.รับความเครียดไม่ได้ , programmer เป็นงานที่ต้องใช้สมองตลอดเวลา ใช้นิ้วมือในการพิมพ์โค้ด แต่สมองต้องคิดไม่หยุด แนวประมาณว่ายก computer มารันในสมอง แล้วก็ค่อยถ่ายทอดกลับไปให้ computer อีกทีนึงนั่นแหล่ะ เพื่อสร้างบางสิ่ง หรือกำหนดให้ computer ทำงานอย่างที่เราต้องการได้ ผมได้คุยคนจำนวนมากที่เคยเขียนโค้ดแล้วเลิกไป เพราะว่ารับความเครียดไม่ไหว ไปถึงขั้นหาหมอเพื่อรับยาเลยนะครับ ไม่ธรรมดา
8.เติบโต cross สาย ก็คือโตจาก programmer ไปเป็นสายบริหารนั่นแหล่ะ ก็ต้องวางมือเรื่องการโค้ดไป
9.ค่านิยมสำหรับ programmer เป็นเพียง 'worker' อันนี้ต้องยอมรับ ว่าเงินเดือน programmer นั้น ต่ำกว่าเงินเดือนสายบริหารมาก เหตุเพราะว่า output programmer มันไม่ได้สร้างเงินด้วยตัวมันเอง แต่มันสร้าง product เพื่อให้สายบริหารเอา product ไปใช้หาเงินต่างหาก มุมมองในตลาดมันเป็นแบบนั้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านอีกนาน
สังเกตุเรื่องนี้ได้จากเมื่อก่อน ประเทศไทย ไม่มี programmer ในตำแหน่งสูงๆ หรือเป็น specialist เลย แต่ปัจจุบันมีตำแหน่งงานนี้เพิ่มมากขึ้นแล้ว และเงินเดือนก็สูงขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกบริษัทจะมีอีกนะ
10.ระบบการศึกษาสร้างคนออกมา แต่ใช้งานไม่ได้จริง อันนี้ไม่นับที่ตัวบุคคลแล้วนะ อยู่ข้อบนๆหมดแล้ว แต่ว่าหลักสูตรการศึกษาหลายที่ มันปรับตามไม่ทันจริง บางที่ปรับแล้ว แต่ก็ยังไม่ทัน คือ framework ตัวนึง มันขึ้น version ย่อยปีละหลายครั้งขึ้น version ใหญ่ 1-2 ปีครั้ง เรียนยังไม่จบปี 4 เลย ก็ใช้ไม่ได้ในตลาดแรงงานแล้วบางที่ผมเห็นหลักสูตรแล้วทึ่งมาก มันคือสิ่งที่ตลาดแรงงานใช้งานกันในตอนนั้นเลย แต่อย่างที่บอก กว่าจะจบ มัน outdate ไปไกลแล้ว คนที่จะไปต่อได้ ก็คือ ไม่ทิ้งเอง ศึกษาต่อมาเองเรื่อยๆ จนเรียนจบนั่นแหล่ะ (ย้อนไปข้อ 1 - 2)
11.สมองไหล, work from home but work for another country นะครับ ไม่ได้สร้าง productivity ให้ไทย แต่รับจ้างบริษัทต่างชาติ ผลิตงานให้ต่างชาติ สบายใจ บริหารจัดการตัวเองได้ ทำงานแบบ"มืออาชีพ" (เข้าใจคำนี้กันระดับไหน?) ดังนั้น ไม่ต้องทำงานให้บริษัทคนไทย ที่ไม่เข้าใจบริบทของ programmer ครับ
ถ้าถามว่า programmer เงินเดือนแพงโคตรๆ มีมั้ย มีครับ แต่ว่าต้องมี skill มากกว่าแค่เขียนโค้ดด้วย แต่ยืนที่เขียนโค้ดนี่แหล่ะ ถ้าถามว่าเงินเดือนเป็นล้านมีมั้ย มีครับ แต่ไม่ใช่คนไทย + ไม่ได้ทำงานบริษัทของคนไทย และไม่ได้ทำงานที่คนไทยอยากให้ทำกัน มันเป็นงานแบบวิจัย ล้ำๆ หรือ product ที่ very early stage ที่ต้องใช้ technology ขั้นสูงๆ ประมาณนั้นครับ ดังนั้น จริงๆก็ไม่ได้น้อยหน้าอาชีพอื่นหรอก ถ้ามันจะไปให้สุดก็ไปได้ แต่อยากไป และ กล้าที่จะไปหรือเปล่า เริ่มต้นที่ภาษาเนี่ย ปราการณ์ด่านแรก ที่กล้าฝ่าไปมั้ย ถ้าได้แล้วมันจะเปิดโลกไปได้อีกเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆๆๆๆๆๆ เกินจะจินตนาการแหล่ะ
ในฐานะที่
1.เป็น programmer มาก่อน (เรียกว่าเป็น กรรมกร ที่เขียนโค้ด ก็ไม่ผิด)
2.เป็น team lead, PM ,PO มาก่อน
3.hunt คนมาก่อน (หา candidate , interview , decision)
เชื่อมั้ย ว่าเงินเดือน programmer มันแพงมากนะครับ แต่ก็ยังหาคนได้ยาก บอกเลยว่า เงินเดือนเฉลี่ยในทีมที่ผมดูตอนนี้ เฉียด 6 หลัก ต่ำสุด 48k นะ เป็น เด็กน้อย เขียน program ยัง bug กระจุย ส่งงานยังเบลอๆผิดๆถูกๆอยู่เลย มือเซียน ก็ 6 หลัก ไม่ต้องสงสัยครับ ไม่ต้องถามเยอะ
และในตลาดแรงงาน ระดับ senior ก็แตะ 6 หลักกันทั้งนั้นนะ เริ่มเห็นบางที่ mid ก็เฉียด 6 หลักแล้วก็มีเยอะ ไม่ยาก
แต่ยังหาคนยาก
ทำไม?
1.programmer เป็นเหมือนอาชีพที่ born to be ประมาณหนึ่งเลย คนจะเป็นแล้วเก่งได้ ต้องมีพรสวรรค์ อันนี้ จะฉายแววออกมาได้ชัดมาก
2.แม้ว่าไม่มีพรสวรรค์ แต่ พรแสวง ก็ดันไม่มี เพราะไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น อยากสบาย สบายในที่นี้คือ โค้ดก็ไม่ได้อยากเขียน แต่อยากได้เงิน เพราะมันจะมีคนอีกแบบที่เก่งโคตรๆ คือ คนที่ขี้เกียจ แต่จะอยากเขียนโค้ดมาเพื่อทำงานแทนตัวเองไปซะทุกอย่าง แบบนี้ จะเก่งมาก และทำงานได้หลากหลาย พลิกแพลงได้เก่ง พวกนี้ต้องไม่นับรวม แยกต่างหาก
3.หยุดเรียนรู้ไม่ได้ เนื่องจากอาชีพนี้ มันหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ไม่ได้ ถ้าเรียนรู้จนเก่ง แล้วหยุดเรียนรู้ต่อ เพราะติดหลุมว่า ตรูเก่งแล้ว ผมให้เต็มที่ 3 ปี จะหาที่ยืนได้ยากแล้วครับ ไปที่ไหน คุยก็รู้เลย ว่าเก่าแล้ว ตามไม่ทันแล้ว
4.ไม่อยากเปลี่ยนงานบ่อย เพราะไม่อยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม programmer ส่วนใหญ่นิสัยไม่ค่อยชอบคุยกับคน เพราะคนมันคุยไม่ค่อยรุ้เรื่องและเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดังนั้น การเปลี่ยนงานมันคือต้องตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซึ่งก็ไม่รู้ต้องไปเจออะไรยังไงบ้าง
5.เรียนจบแล้วรู้ตัวว่าไม่ใช่ programmer ย้อนกลับไปข้อ 1
6.ทำงานไปแล้ว รู้ตัวว่าไม่ใช่ programmer ย้อนกลับไปข้อ 1
7.รับความเครียดไม่ได้ , programmer เป็นงานที่ต้องใช้สมองตลอดเวลา ใช้นิ้วมือในการพิมพ์โค้ด แต่สมองต้องคิดไม่หยุด แนวประมาณว่ายก computer มารันในสมอง แล้วก็ค่อยถ่ายทอดกลับไปให้ computer อีกทีนึงนั่นแหล่ะ เพื่อสร้างบางสิ่ง หรือกำหนดให้ computer ทำงานอย่างที่เราต้องการได้ ผมได้คุยคนจำนวนมากที่เคยเขียนโค้ดแล้วเลิกไป เพราะว่ารับความเครียดไม่ไหว ไปถึงขั้นหาหมอเพื่อรับยาเลยนะครับ ไม่ธรรมดา
8.เติบโต cross สาย ก็คือโตจาก programmer ไปเป็นสายบริหารนั่นแหล่ะ ก็ต้องวางมือเรื่องการโค้ดไป
9.ค่านิยมสำหรับ programmer เป็นเพียง 'worker' อันนี้ต้องยอมรับ ว่าเงินเดือน programmer นั้น ต่ำกว่าเงินเดือนสายบริหารมาก เหตุเพราะว่า output programmer มันไม่ได้สร้างเงินด้วยตัวมันเอง แต่มันสร้าง product เพื่อให้สายบริหารเอา product ไปใช้หาเงินต่างหาก มุมมองในตลาดมันเป็นแบบนั้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านอีกนาน
สังเกตุเรื่องนี้ได้จากเมื่อก่อน ประเทศไทย ไม่มี programmer ในตำแหน่งสูงๆ หรือเป็น specialist เลย แต่ปัจจุบันมีตำแหน่งงานนี้เพิ่มมากขึ้นแล้ว และเงินเดือนก็สูงขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกบริษัทจะมีอีกนะ
10.ระบบการศึกษาสร้างคนออกมา แต่ใช้งานไม่ได้จริง อันนี้ไม่นับที่ตัวบุคคลแล้วนะ อยู่ข้อบนๆหมดแล้ว แต่ว่าหลักสูตรการศึกษาหลายที่ มันปรับตามไม่ทันจริง บางที่ปรับแล้ว แต่ก็ยังไม่ทัน คือ framework ตัวนึง มันขึ้น version ย่อยปีละหลายครั้งขึ้น version ใหญ่ 1-2 ปีครั้ง เรียนยังไม่จบปี 4 เลย ก็ใช้ไม่ได้ในตลาดแรงงานแล้วบางที่ผมเห็นหลักสูตรแล้วทึ่งมาก มันคือสิ่งที่ตลาดแรงงานใช้งานกันในตอนนั้นเลย แต่อย่างที่บอก กว่าจะจบ มัน outdate ไปไกลแล้ว คนที่จะไปต่อได้ ก็คือ ไม่ทิ้งเอง ศึกษาต่อมาเองเรื่อยๆ จนเรียนจบนั่นแหล่ะ (ย้อนไปข้อ 1 - 2)
11.สมองไหล, work from home but work for another country นะครับ ไม่ได้สร้าง productivity ให้ไทย แต่รับจ้างบริษัทต่างชาติ ผลิตงานให้ต่างชาติ สบายใจ บริหารจัดการตัวเองได้ ทำงานแบบ"มืออาชีพ" (เข้าใจคำนี้กันระดับไหน?) ดังนั้น ไม่ต้องทำงานให้บริษัทคนไทย ที่ไม่เข้าใจบริบทของ programmer ครับ
ถ้าถามว่า programmer เงินเดือนแพงโคตรๆ มีมั้ย มีครับ แต่ว่าต้องมี skill มากกว่าแค่เขียนโค้ดด้วย แต่ยืนที่เขียนโค้ดนี่แหล่ะ ถ้าถามว่าเงินเดือนเป็นล้านมีมั้ย มีครับ แต่ไม่ใช่คนไทย + ไม่ได้ทำงานบริษัทของคนไทย และไม่ได้ทำงานที่คนไทยอยากให้ทำกัน มันเป็นงานแบบวิจัย ล้ำๆ หรือ product ที่ very early stage ที่ต้องใช้ technology ขั้นสูงๆ ประมาณนั้นครับ ดังนั้น จริงๆก็ไม่ได้น้อยหน้าอาชีพอื่นหรอก ถ้ามันจะไปให้สุดก็ไปได้ แต่อยากไป และ กล้าที่จะไปหรือเปล่า เริ่มต้นที่ภาษาเนี่ย ปราการณ์ด่านแรก ที่กล้าฝ่าไปมั้ย ถ้าได้แล้วมันจะเปิดโลกไปได้อีกเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆๆๆๆๆๆ เกินจะจินตนาการแหล่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
บริษัทเลือกมากเอง คนพร้อมเรียนรู้มันมีเยอะ แต่ดันพิจารณาผู้สมัครไม่ตรงจุด มันไม่มีใครเขียนได้ทุกภาษา ใช้ tools ได้ทุกตัวหรอก ทุกวันนี้ตั้ง job description มาแล้วก็พยายามหาแต่คนที่ทำได้เกิน 90% ขึ้นไป ซึ่งถามนิดนึงว่ามันจะมีซักกี่คน ใช่ว่าทุกบริษัทมันจะใช้ tech stack เดียวกันหมดซะหน่อย ของที่ตัวเองเทิดทูนบูชา มันก็ใช่ว่าจะดีสำหรับทุกคน
เห็นด้วยกับ คห. 9 อยากได้คนก็เลือกที่ mindset แล้วก็เปิดใจเรื่อง skill set หรือคุณสมบัติอื่นๆบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ต้องมาจำกัดอายุอะไรแล้วยุคนี้ หลายคนเค้าทำภาษานึงมานาน เค้าก็อยากเปลี่ยนไปทำภาษาอื่นบ้างก็มี แต่มันหายากเพราะบริษัทหรือคนสัมภาษณ์มันมองแต่ skill ไม่ได้มอง mindset
แล้วก็เห็นด้วยกับ คห.4 สัมภาษณ์ทั้งปากเปล่าและ coding test แลดูมีระดับมาก ถามยาก ตอบก็ยาก พอได้เข้าไปจริงๆแล้ว โค้ดเดิมโคตรเน่า เฟรมเวิร์คโคตรเก่า รันโปรเจคต์มานานเกินกว่าจะแก้ไข ปัญหาสารพัด เสนอให้เปลี่ยนเป็นของใหม่ก็อ้างนั่นนี่
เห็นด้วยกับ คห. 9 อยากได้คนก็เลือกที่ mindset แล้วก็เปิดใจเรื่อง skill set หรือคุณสมบัติอื่นๆบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ต้องมาจำกัดอายุอะไรแล้วยุคนี้ หลายคนเค้าทำภาษานึงมานาน เค้าก็อยากเปลี่ยนไปทำภาษาอื่นบ้างก็มี แต่มันหายากเพราะบริษัทหรือคนสัมภาษณ์มันมองแต่ skill ไม่ได้มอง mindset
แล้วก็เห็นด้วยกับ คห.4 สัมภาษณ์ทั้งปากเปล่าและ coding test แลดูมีระดับมาก ถามยาก ตอบก็ยาก พอได้เข้าไปจริงๆแล้ว โค้ดเดิมโคตรเน่า เฟรมเวิร์คโคตรเก่า รันโปรเจคต์มานานเกินกว่าจะแก้ไข ปัญหาสารพัด เสนอให้เปลี่ยนเป็นของใหม่ก็อ้างนั่นนี่
ความคิดเห็นที่ 24
มีทั้งคู่ แต่ส่วนใหญ่ที่หายากจะเป็นระดับ senior ครับ พวก junior คือรับเด็กจบใหม่มาเทรน 3 เดือนก็ทำงานได้แล้วทั้งนั้น
ทีนี้พวก senior เนี่ยบริษัทจะไม่คาดหวังให้เขียนโค้ดเท่าไหร่แล้ว คือพวกระดับ senior ส่วนใหญ่ก็เขียน code กันได้ทั้งนั้นนั่นแหละ อาจจะมีการ optimize code ต่างกันบ้าง พวกที่เค้าหาๆ กันแล้วบอกว่าหายากเนี่ยคือเค้าจะเน้นคนที่สามารถวาง architect ได้ด้วย ต้องออกแบบวางโครงสร้างได้ เอา requirement มาแปลงเป็นแบบแผนงานเพื่อเตรียมไปเขียน code ได้ พ่วงด้วยต้องรู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ มีสกิลสาย DevOps ให้เอาพวกโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้งาน สามารถ deploy code และเข้าไปจัดการ database ได้ พูดง่ายๆ คือมันไม่ใช่งานสายเพียว programmer แล้วครับ แต่มันต้องการคนที่เติบโตมาจากการเป็น programmer เข้ามาทำเพราะต้องเข้าใจภาษาและเทคโนโลยีที่ใช้ และต้องทำได้เกือบทุกอย่าง
สรุปคือ programmer หาไม่ยาก แต่ที่เค้าหากันมันไม่ใช่ pure programmer ครับ เค้าต้องการคนที่กึ่งๆ System Engineer(SE) พ่วงด้วย DevOps พ่วงด้วย Database Admin และมีสกิล programming ในภาษาที่บริษัทใช้ในคนเดียว บางทีต้องออกแบบและเขียนเว็บอย่างง่ายสำหรับใช้ภายในได้ด้วย มันเลยหายาก และค่าตัวของพวกที่ทำได้หมดนี่จริงๆ แสนอัพทั้งนั้น เพราะมันระดับเกือบจะซูเปอร์แมนแล้ว ยิ่งถ้าคนที่วาง architect ได้ดีและมีสกิลครบทุกอย่างในระดับที่ใช้งานจริงได้ จ้าง 150K เค้าอาจจะยังไม่อยากรับเลย ความรับผิดชอบมันเยอะมาก
ทีนี้พวก senior เนี่ยบริษัทจะไม่คาดหวังให้เขียนโค้ดเท่าไหร่แล้ว คือพวกระดับ senior ส่วนใหญ่ก็เขียน code กันได้ทั้งนั้นนั่นแหละ อาจจะมีการ optimize code ต่างกันบ้าง พวกที่เค้าหาๆ กันแล้วบอกว่าหายากเนี่ยคือเค้าจะเน้นคนที่สามารถวาง architect ได้ด้วย ต้องออกแบบวางโครงสร้างได้ เอา requirement มาแปลงเป็นแบบแผนงานเพื่อเตรียมไปเขียน code ได้ พ่วงด้วยต้องรู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ มีสกิลสาย DevOps ให้เอาพวกโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้งาน สามารถ deploy code และเข้าไปจัดการ database ได้ พูดง่ายๆ คือมันไม่ใช่งานสายเพียว programmer แล้วครับ แต่มันต้องการคนที่เติบโตมาจากการเป็น programmer เข้ามาทำเพราะต้องเข้าใจภาษาและเทคโนโลยีที่ใช้ และต้องทำได้เกือบทุกอย่าง
สรุปคือ programmer หาไม่ยาก แต่ที่เค้าหากันมันไม่ใช่ pure programmer ครับ เค้าต้องการคนที่กึ่งๆ System Engineer(SE) พ่วงด้วย DevOps พ่วงด้วย Database Admin และมีสกิล programming ในภาษาที่บริษัทใช้ในคนเดียว บางทีต้องออกแบบและเขียนเว็บอย่างง่ายสำหรับใช้ภายในได้ด้วย มันเลยหายาก และค่าตัวของพวกที่ทำได้หมดนี่จริงๆ แสนอัพทั้งนั้น เพราะมันระดับเกือบจะซูเปอร์แมนแล้ว ยิ่งถ้าคนที่วาง architect ได้ดีและมีสกิลครบทุกอย่างในระดับที่ใช้งานจริงได้ จ้าง 150K เค้าอาจจะยังไม่อยากรับเลย ความรับผิดชอบมันเยอะมาก
แสดงความคิดเห็น
Programmer ขาดแคลนจริงๆ หรือเพราะบริษัทตั้งคุณสมบัติเยอะเกิน