คิดถึงเขา ก็ไปหาเขา ถึงแม้ไม่มีคำว่าเรา ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี...

วันนี้จะมานำเที่ยวเหนืออีกรอบ ซึ่งจะเป็นกระทู้เคลียร์ทริปเก่าๆอันสุดท้าย ก่อนจะหยุดพาไปเที่ยวกันยาวๆ
เพราะหลังจากนี้ไม่น่าจะมีเวลาไปไหนอีกนานเลยครับ
รอบนี้เป้าหมายของผมคือไปชมทิวเขางามๆ ที่แม่ฮ่องสอนกัน กับ

“คิดถึงเขา ก็ไปหาเขา ถึงแม้ไม่มีคำว่าเรา ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี...”


หลังจากเก็บเนื้อเก็บตัวเนื่องจากสถานการณ์โควิดมานาน เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย(ในช่วงนั้น)
ก็ได้เวลาที่จะออกเดินทางไปเติมพลังให้กับชีวิตบ้าง จุดหมายปลายทางที่วางไว้ในรอบนี้ คือ จ.แม่ฮ่องสอนครับ
แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่ต้องยอมรับกันตรงๆว่า การจะเดินทางไปนั้น ค่อยข้างใช้เวลาเยอะพอสมควร
แต่ก็เป็นเมืองแห่งขุนเขาที่น่าไปเยือนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
และเมื่อผมได้สบโอกาสแล้ว ผมจะพลาดได้อย่างไร ต้องรีบไปเก็บกระเป๋า หิ้วกล้องออกตะลุยกันดีกว่า
ทริปนี้ เหมือนเดิมครับ ออกเดินทางคนเดียว ขับรถไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง
ผมออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด (ช่วงกลางเดือนตุลา) เป้าหมายแรกของผมคือ อ.ปายครับ
เดิมที ผมตั้งใจไปถ่ายนาขั้นบันไดที่ป่าบงเปียง แต่เช็คกับสถานที่แล้ว หมู่บ้านปิดไม่ให้เข้าครับ
ผมเลยต้องเบี่ยงหัวรถไปที่ อ.ปาย แทน ออกแต่เช้ามืด บ่ายแก่ๆก็ถึง
เนื่องจากเดินทางมาไกลเอาเรื่อง ผมเลยหาที่พัก แล้วออกไปถ่ายแสงเย็นที่ปาย แคนยอน เพียงจุดเดียวครับ


ปาย ในช่วงที่ผมไปนั้น ค่อนข้างเงียบเหงาเลยทีเดียว แต่สำหรับผม การได้อยู่กลางธรรมชาติสงบๆ มันดีที่สุดแล้วครับ
ผมเลือกที่จะปักหลักถ่ายรูปที่นี่เพียงที่เดียว ตั้งแต่เย็นๆ ยันฟ้าปิดเลยทีเดียวครับ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะตะลอนๆไปต่อ


ช่วงนี้ดีหน่อย ทางช้างเผือกมาแต่หัวค่ำ ไม่ต้องลำบากอดนอนรอ ถ่ายสักนิดให้พอสุขใจก็กลับออกมาเพื่อไปหาอะไรลงท้อง
ระหว่างทางผ่านสะพานประวัติศาสตร์พอดี ถึงไม่ได้เปิดไฟก็เถอะ ขอลงไปซักภาพสักหน่อยครับ


คืนนี้กลับไปนอนหลับเอาแรงให้เต็มที่ เพราะเป้าหมายหลักของทริปนี้อยู่ในวันพรุ่งนี้ที่ อ.ปางมะผ้าครับ
ตื่นเช้ามา ก็ออกสำรวจเมืองปายกันสักหน่อย พร้อมหามื้อเช้ารองท้องด้วย
ผมเลยเดินทางขึ้นไปที่จุดชมวิวหยุนไหลครับ เพื่อรับอากาศดีๆ วิวสวยๆสักหน่อย


หลังจากเติมพลังเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปเพื่อไปยังที่พักในคืนนี้ที่ บ้านจ่าโบ่ ครับ 
ที่นี่ผมติดต่อที่พักล่วงหน้าไว้แล้ว จาก อ.ปาย ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานมากจนเกินไป
ผมก็ถึงบ้านพักของร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ อากาศที่จุดนี้ แตกต่างกับที่ ปาย เยอะเลยครับ
ที่นี่ เย็นกว่าพอสมควร การเดินทางก็ไม่ได้ยากอะไรนัก ขนของเข้าบ้าน แล้วก็นั่งพักผ่อนไปครับ


วิวสวย อากาศดี นั่งแล้วเพลินมากๆ ส่วนเย็นวันนี้ จะไปล่าเเสงเย็นที่กิกอคอกันครับ
กิกอคอ จะอยู่ห่างจากบ้านจ่าโบ่ไม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง
ที่นี่เหมาะกับชมวิวพระอาทิตย์ตก แสงสวยๆ กับทิวเขากว้างใหญ่


และแล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจระหว่างถ่ายรูปเล่น เพื่อรอแสงเย็น ฝนก็กระหน่ำมาอย่างนักเลยครับ
ทำได้แต่ยอมรับสภาพ ว่าวันนี้อดถ่ายเเสงเย็นสวยๆเสียแล้ว และต้องกลับไปตั้งหลักรอถ่ายแสงแรกที่บ้านจ่าโบ่จะดีกว่า


มื้อเย็นวันนี้ รวมกับค่าที่พักบ้านจ่าโบ่แล้วครับ และด้วยความโซ เพราะวันนี้ทั้งวัน ได้มื้อเช้าไปแค่มื้อเดียว
อาหารเซ็ทนี้ ก็ถูกเสกลงท้องเหลือแต่จานเปล่าในพริบตา
ปล.น้ำพริกอร่อยมากครับ

กินอิ่ม อาบน้ำสบายตัวก็ออกมานั่งรับลมดูดาว ถ่ายภาพไปครับ


วันนี้รูปไม่เยอะ ค่อยๆทะยอยทำภาพ นอนฟังเพลงไป ไม่นานก็หลับป๋อย
เพื่อที่จะตื่นแต่เช้ามาล่าแสงแรกกัน ^^
ตื่นเช้าแค่ไหน ถามใจเธอดู...


และแล้ว แสงแรกก็มาเยือน ไม่ต้องไปไหนไกลเลยครับ นั่งชมที่ระเบียงห้องนี่แหละ
วิวหลักล้านจริงๆ


ประทับใจที่นี่มากครับ วิวสวย อากาศดี อาหารอร่อย ในใจแอบคิด นอนต่ออีกคืนดีมั้ย
แต่สุดท้าย ด้วยความที่อยากจะชะโงกไปปางอุ๋งสักหน่อย ก็ตัดสินใจเก็บของ เพื่ออกเดินทางต่ออีกครั้งครับ

เอาเข้าจริงๆ พอเดินทางโค้งเยอะๆ ติดๆกันหลายวัน ก็เหนื่อนเหมือนกันแหะ
รึอาจจะเพราะเมื่อวานโดนฝนที่กิกอคอ ทำให้มีอาการเพลียๆ ขับรถแล้วรู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกันครับ
แต่ก็ยังไหว สำหรับไปส่องหาอาหารจากบ้านรักษ์ไทย ก่อนที่จะเข้าไปค้างคืนที่ปางอุ๋งกัน

มาปางอุ๋ง ในครั้งนี้ มาเพื่อเสพความสวยงามของธรรมชาติ และความสงบกัน
ช่วงที่มานั้น ไม่ใช่ช่วงพีคที่อากาศจะหนาว หรือมีหมอกเหนือน้ำสวยๆให้ถ่ายภาพ
แต่สุดท้ายก็ยังได้ความสงบ และสวยงามจากที่นี่อยู่ดี


สุดท้ายนี้ ผมว่า การเดินทางออกไปรับธรรมชาติทุกครั้ง มันช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้เป็นอย่างดี
ชีวิตคนเราเผชิญปัญหา ความโหดร้ายมากมายหลายอย่างก็จริง
แต่ก็ยังมีมุมสวยงามเปิดรอเอาอยู่เสมอ ขอเพียงเรากล้าที่จะออกไปสัมผัส


สำหรับทริปนี้ของผม ก็คงจะจบลงที่ปางอุ๋งนี่แหละครับ
หลังเดินร่ำลากับแสงเช้าที่ปางอุ๋งแล้ว ผมก็ออกเดินทางกลับ 
แต่ในรอบนี้ผมเลือกที่จะพักอีกสักคืนที่ ลำปาง ไม่ยิงยาวกลับ กทม. ในทันที
เพื่อความปลอดภัยของตัวเองครับ
และในปี 2565 นี้ ก็หวังไว้ว่า ตัวเองจะมีทริปได้ออกเดินทาง สัมผัสธรรมชาติ เก็บภาพมาฝากกันได้อีก
ขอขอบคุณที่ติดตามชม ตามอ่านกันนะครับ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่