เรื่องแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับพิธีกรคู่นี้
ที่สังคมไทยจำได้ดี ก็กรณีนำเสนอข่าว ธนาธรโทรคุยกับทัษิณ
.
ซึ่งเมื่อไม่จริง โป๊ะแตก แทนที่จะมีคำขอโทษ กลับมีแต่คำแถจากสองพิธีกร ว่าเอาข่าวมาจากโซเชียล ไม่ได้มุ่งใส่ร้ายใคร
เป็นการปัดความรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบในการงานหน้าที่ของตัวเอง
ครั่งนี้ก็เช่นเดียวกัน คงไม่มีความรับผิดชอบจากสองพิธีกร
ข่าวทุกข่าว เป็นปกติที่คนทำสื่อ ที่แบกรับเรื่องจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบ
ต้องตรวจสอบข่าว สืบค้นข้อเท็จจริง เพื่อให้ข่าวที่นำเสนอไม่เป็น fake news อันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ
แต่กลับมีการเล่นเล่ห์ อ้างว่าได้ข่าวมา ก็นำเสนอ ไม่มีเจตนา
ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะไม่ใช่การนำเสนอข่าวด่วนทันใด แต่เป็นการตระเตรียมเนื้อหาข่าวออกรายการ
ซึ่งมีเวลาเลือกข่าว เล่นประเด็น ตรวจสอบสืบค้นข้อมูลข้อเท็จจริง หรือหากจำเป็นต้องนำเสนอเร่งด่วน
ข่าวใดไม่เคลียร์ สื่อก็จะยังไม่นำเสนอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือรายการและจรรยาบรรณของสื่อเอง
กี่เรื่อง กี่ครั้งแล้วครับ ที่สื่อสลิ่มปั่นสลิ่มชนด้วย fake news
.
หรือดูรายการ นาทีที่ 16.10
.
ก็เช่นเดิม อ้างว่าได้เนื้อหาข่าวมาจากสื่อสลิ่มอีกทอด แบบไม่รับผิดชอบใด ๆ อย่างเคย
.
ทั้งหมดทั้งมวล ก็แค่เพราะพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความเห็นที่ถูกต้องเหมาะสมก่อนเท่านั้นเอง
จึงเกิดการดิสเครดิตกันยกใหญ่ สร้างกระแสด้านลบต่อยูเครน เพื่อหวังส่งผลให้การแสดงออกของพิธาเป็นความผิดพลาด
และสุดท้าย เมื่อทางการจำต้องแสดงจุดยืนอันถูกต้องเหมาะสมอย่างที่พิธาเคยแสดงไว้
สื่อสลิ่มก็ทำเหมือนไม่เคยด่าพิธา สลิ่มชนก็ยังแถไปมุมนั้นมุมโน้นตามประสาหลิ่มเอย
ความขัดแย้งแตกแยกเกิดขึ้นกับสังคมไทยในเรื่องรัสเซีย - ยูเครน
แค่เพราะสื่อสลิ่มปั่นสลิ่ม เพื่อสร้างความเกลียดชังทางการเมือง เพื่อหวังผลทางการเมือง เท่านั้นเอง
ลอง ๆ ทบทวนดูนะครับสลิ่มทั้งหลาย
กี่เรื่อง กี่ครั้งแล้ว ที่โดนสื่อสลิ่มจูงไปในทางที่ผิด สลิ่มกลายเป็นเหยื่อเพื่อสร้างความขัดแย้งแตกแยกเกลียดชังหรือไม่
เพื่อให้ใครบางคน บางกลุ่ม บางพวก ได้ประโยชน์ทั้งทางการเมืองทางการเงิน จากความขัดแย้งแตกแยกเกลียดชังนี้
.
ด้วยความปรารถนาดี อันเป็นธรรมชาติของคนหล่อ
สลิ่มครับ เห็นไหมครับว่าสื่อสลิ่มนั้นเขาปั่นพวกคุณแค่ไหน
เรื่องแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับพิธีกรคู่นี้
ที่สังคมไทยจำได้ดี ก็กรณีนำเสนอข่าว ธนาธรโทรคุยกับทัษิณ
เป็นการปัดความรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบในการงานหน้าที่ของตัวเอง
ครั่งนี้ก็เช่นเดียวกัน คงไม่มีความรับผิดชอบจากสองพิธีกร
ข่าวทุกข่าว เป็นปกติที่คนทำสื่อ ที่แบกรับเรื่องจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบ
ต้องตรวจสอบข่าว สืบค้นข้อเท็จจริง เพื่อให้ข่าวที่นำเสนอไม่เป็น fake news อันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ
แต่กลับมีการเล่นเล่ห์ อ้างว่าได้ข่าวมา ก็นำเสนอ ไม่มีเจตนา
ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะไม่ใช่การนำเสนอข่าวด่วนทันใด แต่เป็นการตระเตรียมเนื้อหาข่าวออกรายการ
ซึ่งมีเวลาเลือกข่าว เล่นประเด็น ตรวจสอบสืบค้นข้อมูลข้อเท็จจริง หรือหากจำเป็นต้องนำเสนอเร่งด่วน
ข่าวใดไม่เคลียร์ สื่อก็จะยังไม่นำเสนอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือรายการและจรรยาบรรณของสื่อเอง
กี่เรื่อง กี่ครั้งแล้วครับ ที่สื่อสลิ่มปั่นสลิ่มชนด้วย fake news