สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มันสะท้อนให้เห็นว่าทุกวันนี้ยังมีคนที่ความคิดแบบโลกสวยอยู่มาก เชื่อว่ามีองค์กรระหว่างประเทศ มีกฎบัตรสหประชาชาติ มีข้อตกลงกันต่างๆ มีเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง แล้วจะทำให้ไม่เกิดสงครามขึ้นอีก โลกนี้จะสงบอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมหาอำนาจผู้ครองโลกใฝ่สันติเท่านั้น แต่ถ้ามหาอำนาจต้องการสงครามเองยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งทุกวันนี้ไม่ได้มีแค่รัสเซียเท่านั้นที่ทำให้เกิดสงคราม แต่อเมริกาและบางประเทศที่ร่ำรวยก็สร้างสงครามอยู่ กระนั้นคนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่อเมริกาทำ และพากันไปประณามรัสเซียเต็มที่ จุดนี้ควรต้องถามว่าฝ่ายใดที่ตกต่ำทางมโนธรรมมากกว่ากัน
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าอยากเห็นความเลวทรามกว่านี้ กรุณามองให้ลึกกว่านี้
ว่าตามหลัก ถ้าเราเห็นคนอ่อนแอคนหนึ่ง มีสิทธิชอบธรรมที่จะดำเนินเสรีภาพตามใจปรารถนาได้อยากเต็มที่ โดนคนตัวใหญ่ตัวกว่าต่อยตีกลางถนน และเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยสำนึกและมโนธรรมของคนรอบข้าง มันควรจะกรูช่วยเข้าไปช่วยเหลือคนอ่อนแอ และช่วยกันตีคนตัวใหญ่ใจอันธพาลให้ตายล่าถอยไปใช่มั้ย?
แต่ในการเมืองระหว่างประเทศ ไม่มีมโนธรรมข้อนี้นะ มันมีแต่ผลประโยชน์ของชาติตนเป็นหลัก และมันเป็นความจริง เป็นสัจจะแท้ๆ ของโลกที่เต็มด้วยมนุษย์มากกิเลสแห่งนี้
อย่างยุโรปกับอเมริกา จะส่งคนเข้าช่วยหรือจะทำอะไรกับรัสเซียรุนแรงก็ได้ แต่เขาช่วยยูเคนรมั้ยล่ะ? ก็เปล่าใช่มั้ย สุดท้ายยูเครนก็สู้ตัวคนเดียว แล้วถ้าคิดจะไปสู้กับรัสเซียที่กำลังส่งทหารเข้ามา จะใช้อะไรล่ะ? ถ้าไม่ใช้กำลังของตัวเอง แล้วดูสิ ถ้ายูเครนไม่ใช้อาวุธเข้าสู้จะยันได้นานขนาดนี้มั้ย?
ดังนั้นประเด็นปัญหาในข้อที่ ๑ ที่ว่ากองทัพและอาวุธ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในสงคราม จึงผิดไปจากความเป็นจริง
ส่วนประเด็นที่ ๒ การฑูต การเจรจา ย่อมดำเนินไปบนฐานะที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ ผู้ใหญ่กับเด็ก นายกับบ่าว และเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยขน์ที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย จากมุมมองนี้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ มันใช้ได้กับยูเครนมั้ย? มีความเท่าเทียมตามหลักอุดมคติหรือเปล่า? ยูเครนสามารถทำให้ให้รัสเซียยอมเจรจาดีๆ ด้วยฐานะเท่าเทียมกันมั้ย?
ก็ไม่ใช่มั้ย เพราะดูอย่างไร ในตอนนี้รัสเซียก็ถือแต้มต่อ ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าอำนาจ ซึ่งคำแปลของคำว่าอำนาจหมายถึง อิทธิพลที่จะบังคับให้ผู้อื่นต้องยอมทำตามโดยไม่อาจขัดขืนได้, ความที่สามารถบันดาลให้เป็นไปตามความประสงค์ และตอนนี้ในเมื่อยูเครนไม่ยอม รัสเซียก็ใช้อำนาจบีบเข้าไปเรื่อยๆ จนกว่ายูเครนจะยอม
ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่ ๓ เพราะสิ่งที่เรียกว่ามโนธรรม ไม่อยู่ในสมการนี้
ว่ากันตามตรง ในสงครามครั้งนี้ อเมริกากำลังทิ้งยูเครนด้วยการปล่อยให้รัสเซียเข้ายึดครอง เพื่อจะใช้สิ่งนี้ อ้างความชอบธรรมในการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นหมากต่อไป เพราะการเสียยูเครน ไม่ใช่สิ่งที่อเมริกาจะต้องมาสนใจ เพราะเป้าหมายสำคัญ คือการหาพรรคพวกบ่อนทำลายความมั่นคงของรัสเซียให้ล่มจม และหากอเมริกาทำสำเร็จ รัสเซียจะแยกแตกมากกว่านี้ และถ้ารัสเซียอ่อนแอลง รายต่อไปก็คือจีน
ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าข้างรัสเซียหรืออเมริกานะ เพราะการทำสงครามเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย แต่นี่แหละคือโลกจริงๆ ที่พวกเสรีเกินนิยมในไทยไม่ทันคิด
เพราะถ้าโลกนี้ผู้คนต่างเห็นว่าศีลธรรมคือการกดทับ หลักธรรมคือของไม่มีจริง บุญบาปเป็นของสูญเปล่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเพียงวาทกรรม ระบบความคิดของมนุษย์ก็จะเป็นดั่งสัตว์เดรัจฉาน สิ่งที่เรียกว่ามโนธรรมจะไม่อยู่ในสมการ
และโลกเราก็จะเป็นดั่งยูเครนกับรัสเซียนี่แหละ คือใครมีอำนาจมากกว่าผู้นั้นคือผู้ชนะ
ดังนั้นเรามายึดทางสายกลางอย่างที่เราเคยๆ ทำมากันเถอะ นั่นก็คือ ความคิดร้ายกับคนอื่นห้ามมี แต่ความคิดป้องกันคนอื่นมาทำร้ายต้องมี
ปล.โดยส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าปูตินไม่ปล่อยประธานาธิบดียูเครนให้รอดหรอกนะ เพราะพื้นภูมิที่เป็นตัวตลกเหมือนม้ารองบ่อนของเขา มันทำให้เกิดภาพฮีโร่ตามสูตรหนังอเมริกา ดังนั้นศึกนี้ถ้ารัสเซียแพ้ ปูตินจะโดนจารึกในประวัติศาสตร์ว่าพ่ายศึกให้กับไก่อ่อน และจะโดนอเมริกาเอาเรื่องราวไปทำเป็นหนังฉายได้อีกหลายรอบ
แต่ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าประธานยูเครนตาย อเมริกาก็จะเชิดชูเขาเป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญและเสียสละ เพื่อจะปลุกใจชนชาติอื่นๆ ให้ลุกขึ้นสู้กับรัสเซียอีกครั้ง โดยที่ตัวเองจะยืนอยู่ข้างหลังสุด เก็บงำทุนทรัพย์และผลประโยชน์ เพื่อจะจัดการกับจีนเป็นรายต่อไป
ว่าตามหลัก ถ้าเราเห็นคนอ่อนแอคนหนึ่ง มีสิทธิชอบธรรมที่จะดำเนินเสรีภาพตามใจปรารถนาได้อยากเต็มที่ โดนคนตัวใหญ่ตัวกว่าต่อยตีกลางถนน และเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยสำนึกและมโนธรรมของคนรอบข้าง มันควรจะกรูช่วยเข้าไปช่วยเหลือคนอ่อนแอ และช่วยกันตีคนตัวใหญ่ใจอันธพาลให้ตายล่าถอยไปใช่มั้ย?
แต่ในการเมืองระหว่างประเทศ ไม่มีมโนธรรมข้อนี้นะ มันมีแต่ผลประโยชน์ของชาติตนเป็นหลัก และมันเป็นความจริง เป็นสัจจะแท้ๆ ของโลกที่เต็มด้วยมนุษย์มากกิเลสแห่งนี้
อย่างยุโรปกับอเมริกา จะส่งคนเข้าช่วยหรือจะทำอะไรกับรัสเซียรุนแรงก็ได้ แต่เขาช่วยยูเคนรมั้ยล่ะ? ก็เปล่าใช่มั้ย สุดท้ายยูเครนก็สู้ตัวคนเดียว แล้วถ้าคิดจะไปสู้กับรัสเซียที่กำลังส่งทหารเข้ามา จะใช้อะไรล่ะ? ถ้าไม่ใช้กำลังของตัวเอง แล้วดูสิ ถ้ายูเครนไม่ใช้อาวุธเข้าสู้จะยันได้นานขนาดนี้มั้ย?
ดังนั้นประเด็นปัญหาในข้อที่ ๑ ที่ว่ากองทัพและอาวุธ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในสงคราม จึงผิดไปจากความเป็นจริง
ส่วนประเด็นที่ ๒ การฑูต การเจรจา ย่อมดำเนินไปบนฐานะที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ ผู้ใหญ่กับเด็ก นายกับบ่าว และเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยขน์ที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย จากมุมมองนี้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ มันใช้ได้กับยูเครนมั้ย? มีความเท่าเทียมตามหลักอุดมคติหรือเปล่า? ยูเครนสามารถทำให้ให้รัสเซียยอมเจรจาดีๆ ด้วยฐานะเท่าเทียมกันมั้ย?
ก็ไม่ใช่มั้ย เพราะดูอย่างไร ในตอนนี้รัสเซียก็ถือแต้มต่อ ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าอำนาจ ซึ่งคำแปลของคำว่าอำนาจหมายถึง อิทธิพลที่จะบังคับให้ผู้อื่นต้องยอมทำตามโดยไม่อาจขัดขืนได้, ความที่สามารถบันดาลให้เป็นไปตามความประสงค์ และตอนนี้ในเมื่อยูเครนไม่ยอม รัสเซียก็ใช้อำนาจบีบเข้าไปเรื่อยๆ จนกว่ายูเครนจะยอม
ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่ ๓ เพราะสิ่งที่เรียกว่ามโนธรรม ไม่อยู่ในสมการนี้
ว่ากันตามตรง ในสงครามครั้งนี้ อเมริกากำลังทิ้งยูเครนด้วยการปล่อยให้รัสเซียเข้ายึดครอง เพื่อจะใช้สิ่งนี้ อ้างความชอบธรรมในการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นหมากต่อไป เพราะการเสียยูเครน ไม่ใช่สิ่งที่อเมริกาจะต้องมาสนใจ เพราะเป้าหมายสำคัญ คือการหาพรรคพวกบ่อนทำลายความมั่นคงของรัสเซียให้ล่มจม และหากอเมริกาทำสำเร็จ รัสเซียจะแยกแตกมากกว่านี้ และถ้ารัสเซียอ่อนแอลง รายต่อไปก็คือจีน
ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าข้างรัสเซียหรืออเมริกานะ เพราะการทำสงครามเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย แต่นี่แหละคือโลกจริงๆ ที่พวกเสรีเกินนิยมในไทยไม่ทันคิด
เพราะถ้าโลกนี้ผู้คนต่างเห็นว่าศีลธรรมคือการกดทับ หลักธรรมคือของไม่มีจริง บุญบาปเป็นของสูญเปล่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเพียงวาทกรรม ระบบความคิดของมนุษย์ก็จะเป็นดั่งสัตว์เดรัจฉาน สิ่งที่เรียกว่ามโนธรรมจะไม่อยู่ในสมการ
และโลกเราก็จะเป็นดั่งยูเครนกับรัสเซียนี่แหละ คือใครมีอำนาจมากกว่าผู้นั้นคือผู้ชนะ
ดังนั้นเรามายึดทางสายกลางอย่างที่เราเคยๆ ทำมากันเถอะ นั่นก็คือ ความคิดร้ายกับคนอื่นห้ามมี แต่ความคิดป้องกันคนอื่นมาทำร้ายต้องมี
ปล.โดยส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าปูตินไม่ปล่อยประธานาธิบดียูเครนให้รอดหรอกนะ เพราะพื้นภูมิที่เป็นตัวตลกเหมือนม้ารองบ่อนของเขา มันทำให้เกิดภาพฮีโร่ตามสูตรหนังอเมริกา ดังนั้นศึกนี้ถ้ารัสเซียแพ้ ปูตินจะโดนจารึกในประวัติศาสตร์ว่าพ่ายศึกให้กับไก่อ่อน และจะโดนอเมริกาเอาเรื่องราวไปทำเป็นหนังฉายได้อีกหลายรอบ
แต่ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าประธานยูเครนตาย อเมริกาก็จะเชิดชูเขาเป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญและเสียสละ เพื่อจะปลุกใจชนชาติอื่นๆ ให้ลุกขึ้นสู้กับรัสเซียอีกครั้ง โดยที่ตัวเองจะยืนอยู่ข้างหลังสุด เก็บงำทุนทรัพย์และผลประโยชน์ เพื่อจะจัดการกับจีนเป็นรายต่อไป
แสดงความคิดเห็น
สงคราม รัสเซีย-ยูเครน เผยความตกต่ำ 3 ประการ คุณภาพของคน ได้แค่นี้เองหรือ?
นั่นกลับทำให้ ความตกต่ำถูกเผยออกมา
1 ความตกต่ำทางความรอบรู้
ยังมีคนจำนวนมาก นักวิชาการ กูรู ยังมีความเชื่อว่า กองทัพและอาวุธ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในสงคราม
จึงเชื่อว่า รัสเซียที่มีกองทัพแข็งแกร่ง อาวุธมากมายจะชนะ
การต่อสู้ด้วยอาวุธเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งในสงครามเท่านั้น ปัจจัยแห่งชัยชนะ ที่สำคัญคือ พื้นฐานเศรษกิจรองรับการทำศึก และ ความชอบธรรมในการทำศึก
การโจมตีทางเศรษกิจการค้า กำลังสนับสนุนศึกจะหดหาย
การศึกที่ยืดเยื้อ ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มทวีคูณ
การขาดความชอบธรรมในสงคราม ทำให้ ทหารขาดความสง่า ขาดความภาคภูมิใจ ทำให้ขาดจิตมานะเอาชนะ เจออุปสรรคก็จะถอยร่น
2 ความตกต่ำต่อเสรีภาพ
การมองว่า สงครามนี้ เหมือนผัวเมียแยกทางกัน แล้วเมียไปหาคนใหม่ที่บาดใจผัวเก่า ผัวเก่าจึงเอาเรื่อง
ยูเครนละเมิดสัญญาที่เคยบอกว่าจะไม่เข้ากับ EU จึงต้องโดนแบบนี้
ยึดหลักอำนาจนิยม คือใครมีอำนาจมากกว่าถูกเสมอ
การแนะนำให้เขาไปสิโรราบต่อผู้รุกราน เพื่อแก้ปัญหาเป็นคราวๆไป
ลืมไปแล้วหรือว่ายูเครนคือประเทศหนึ่ง ไม่ว่าการก่อตั้งประเทศจะมีปัจจัยจากอะไร แต่ประเทศนี้เป็นเสรีไม่ได้เป็นเมืองขึ้น หรืออาณานิคมของใคร
การตัดสินใจที่จะประจบประแจง สอพลอต่อประเทศที่มีอำนาจมาก จนลืมนึกถึงผลประโยขน์ของประชาชนต่างหาก จึงเป็นความคิดที่โง่เขลา
การฑูต การเจรจา ย่อมต่างกับการประจบประแจง
การฑูต การเจรจา ย่อมดำเนินไปบนฐานะที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ ผู้ใหญ่กับเด็ก นายกับบ่าว และเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยขน์ที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย
แต่การประจบประแจง เป็นการดำเนินไปบนฐานะ นายกับบ่าว ผลประโยชน์หลักย่อมตกกับฝ่ายที่เป็นนาย ความเสียหายย่อมตกอยู่กับฝ่ายบ่าว
ผลประโยขน์ที่ได้ ราวกับเศษเนื้อที่ถูกโยนลงมาจากโต๊ะอาหารของนาย
3 ความตกต่ำทาง มโนธรรม
นักวิจารย์ บ้างเชียร์รัสเซีย เพราะมีอคติต่ออเมริกา แล้วก็เลยพาลไม่ชอบพวกที่เข้าข้างอเมริกาไปด้วย
อติมาจากการที่อเมริกาสนับสนุน เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน กับพวกที่ทำให้บางกลุ่มขัดใจ
ศัตรูของศัตรูก็คืมิตร ศัตรูของอเมริกา ก็ย่อมเป็นมิตรของคนบางกลุ่มนั้น
เพียงเพื่อความสะใจที่ทำให้อมริกาเสียหายได้
และโดยความสะใจนี่เองทำให้เรามองข้ามความยากแค้นของประชาชนชาวยูเครน ในสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด
ก็เพราะเหตุบ้านแตกสาแหรกขาดของประชาชนยูเครนก็เพราะประเทศนี้ไปเข้าข้างอเมริกา อันนำมาซึ่งความสะใจในอารมณ์ของคนบางกลุ่ม
สะใจจนลืมไปว่า เรากำลังสะใจอย่างไร้เมตตาอยู่บน การเสียชีวิต การพลัดพรากจากถิ่น ของ ประชาชนผู้บริสุทธิ
สะใจจนขาดมโนธรรมสำนึกของความเป็นคนไปจนหมดสิ้น
ขาดแคลนความรอบรู้
ขาดแคลนการยอมรับเสรีภาพ ความเสมอกันของผู้คน
ขาดแคลนมโนธรรม จิตสำนึก
มันสะท้อนถึงอะไร สังคมแบบไหนถึงสามารถผลิตผู้คนแบบนี้ขึ้นมาได้?