แบบนี้ควรจะต้องจัดการยังไงต่อหรอครับ

เรื่องราวนี้อาจจะยาวนีดนึงนะครับเรื่องมันเกิดจากว่าตอนผมอยู่ป.6อ่ะครับผม เป็นเด็กเรียนแบบเด็กหน้าห้องอ่ะครับเรียนดีตลอดจนมาถึงช่วงที่จะเข้าม.1   บ้านเราก็บอกว่าสอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่นึงแถวลาดพร้าวครับ ซึ่งที่บ้านอยากให้เราเข้าเพราะใกล้บ้านซึ่งเราก็ไม่ได้อยากเข้านะครับ แต่ในเมื่อที่บ้านอยากสอบเราก็เข้าเรียนให้ครับ พอสอบเข้าได้นะครับเราก็เรียนไปจนมาถึงช่วงม.2ครูในโรงเรียนเขาจะเป็นประเภทสอนในห้องไม่ค่อยเต็มที่แล้วไปสอนพิเศษข้างนอกเอาซึ่งมันทำให้เราเกรดบางวิชาอย่างอังกฤษอ่ะครับ ที่ครูไปสอนพิเศษข้างนอกหรือสังคมอ่ะครับเกรดเราแย่เพราะเราเป็นประเภทไม่ยอมที่จะก้มหัวให้ใคร ถ้าเราไม่อยากทำซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการเกรดด้วยวิธีสกปรกจากครูพวกนี้อ่ะครับซึ่งพอเราอธิบายให้ที่บ้านฟังเขา ก็หาว่าเราชอบมีปัญหาหรือคติกับครูจนวันนึงเขาไปเห็นเองว่าที่เราพูดไปเรื่องจริง ถึงจะเชื่อผมก็คิดอยู่เลยว่าไม่รอเข้ามหาลัยไปก่อนเลยค่อยเชื่อที่เราพูดอ่ะ แล้วต่อมาครับเพราะตอนมาช่วงม.ปลายที่บ้านเรื่มมายัดค่านิยมใหม่อีกครับซึ่ง ไม่รู้ว่าไปมีใครไปยัดเยียดความคิดแบบนี้ให้เขาให้เขาไหมนะครับ ซึ่งเนื่องจากลุงของผมเขาเปิดสอนพิเศษอยู่อ่ะครับแล้วทุกวันนี้เราก็ไปเรียนสถาบันสอนของเขาอยู่นะครับ แล้วเหมือนกับว่าลุงเราอ่ะครับจะเป็นหลานของปู่เรานะครับซึ่งเหมือนเขาบอกว่าผมอ่ะครับเรียนแผนวิทย์คณิตไม่ไหวหรอกมันหนักไปเรียนศิลป์คำณวณแล้วที่บ้านเราก็เรียนคุยว่าถ้าแผนนี้จะเป็นอะไรได้บ้านที่นั้นก็เลยดูแล้วบอกว่าน่าจะครูแล้วเหมือนที่บ้านดันเห็นด้วยแล้วเขาบอกประมาณ ว่าผมน่าจะเรียนครูเพราะเรียนเก่งผมก็เลยรู้สึกว่าอิหยังว่ะคนเรียนเก่งมันต้องไปครูทุกคนเลยหรือไง ไม่งั้นโลกนี้ก็ไม่ต้องมีอาชีพอื่นล่ะครับ เรียนเก่งก็เป็นครูไปให้หมดเลยสิแล้ว เราเคยจะเข้าบัญชีเพราะผมชอบเรียนเลขครับที่บ้านเขาบอกว่าเรียนทำไมเดี่ยวนี้ตกงานกันเยอะแยะ ผมบอกว่างั้นถ้าบริหารแม่บอกว่าพอเลยเรียนครูอ่ะดีแล้วซึ่งผมก็เลยแบบเออๆครูก็ได้ว่ะ เเล้วพอตอนนี้ช่วงม.5บอกที่บ้านว่าอยากเป็นติวเตอร์มากกว่าครูที่บ้านบอกว่ามันไม่แน่นอน ถ้าไม่มีใครจ้างก็ไม่มีงานเป็นครูเหอะสวัสดิการดี มีอะไรสักอย่างอ่ะครับเขายกข้อดีมาแบบมากมายเลยครับแล้วแถมเราเคยคุยกับเขาด้วยครับเรื่องหมอว่าบ้านไหนได้ลูกหลานเป็นหมอ คงสบายนะเขาบอกว่าหมอรักษาคนตายโดนฟ้องติดคุกนะเป็นทันตแพทย์ดีกว่ารักษาพลาดก็แค่ฟัน ไม่ใช่ชีวิตคนแล้วสิ่งที่ทำให้รู้สึกเซ็งสุดเลยครับ คือเนื่องจากยุคนี้การแข่งขันมันสู้อ่ะครับมันก็ต้องมีการเรียนพิเศษบ้างเราก็เลยขอเงินไปเรียนพิเศษเสริมอังกฤษ บ้างซึ่งผมก็ไม่ได้ชอบอังกฤษสักเท่าไรนะครับแต่ถ้าต้องการให้เรียนเพื่อสอบเข้าครูผมก็จัดให้ครับ แต่ราคาคอร์ส2900บาทผมต้องชักเงินที่ผมทำงานออกมา2000 แล้วพ่อออก400บาท ปู่ออก500บาท ผมก็เลยคิดว่าผมยอมฝืนทำเพื่อให้เขาสบายใจขนาดนี้แล้วผมต้องมาเสียเงิน2000อีกแล้วผมมีเพื่อนอ่ะครับที่เข้าอยากเข้าเรียนมนุษย์ศาสตร์ของจุฬา ซึ่งพ่อแม่เขาออกค่าเรียนพิเศษค่าหนังสืออะไรให้เสร็จเลย ตัดมาที่ของผมขนาดค่าหนังสือเล่มล่ะ200ยังต้องออกเองซึ่งที่ผมไม่ของเบินจากเขานะครับ เพราะผมคิดว่าถ้าเขาอยากออกคงออกให้เองนะครับซึ่งผมพยายามจะไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วนะครับ แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆครับผม เลยอยากจะถามว่าครอบครัวเราเขาบ่งการชีวิตเรามากเกินไปหรือเราที่เรื่องมากเกินไปครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เราว่าเป็นคุณที่ยอมเขาเองมากกว่านะคะ แต่ครอบครัวก็ถามจี้มากเกินไป ถ้าเราไม่ชอบอะไรแบบนี้จริงๆ เราควรแสดงออกให้ชัดเจนและมีจุดยืนเป็นของตัวเองว่า"เราอยากเรียนแบบนี้! คณะนี้!" ถ้าเขาไม่ฟังก็ลองย้อนไปเลยว่า"ทีเมื่อก่อนอยากให้เรียนครูเพราะมั่นคงอย่างงั้นอย่างงี้ พอทีนี้ไม่อยากให้เรียนเพราะเงินน้อย ไม่มั่นคง ไม่ใช่ว่าพอจะขึ้นมหาลัยก็คงจะเปลี่ยนคณะให้อีกนะ" ถ้าเขาท้วงหลายๆรอบก็ตอบกลับแบบเดิมและยืนยันความคิดตัวเองว่าอยากเรียนคณะอะไรไปหลายๆรอบเลยค่ะ เขาก็คงจะเลิกถามเราไปเองเพราะเราไม่ยอมตามน้ำไปกับเขาด้วย แต่ถ้าสุดจะทนจริงๆก็พูดประโยคนี้ไปเลยค่ะ "อย่าเอาความฝันของตัวเองมาโยนและยัดเยียดให้คนอื่นทำเพียงเพราะตัวเองทำมันไม่ได้และไม่มีปัญญาทำให้มันถึงสิ่งที่ตัวเองอยากจะเป็น เพราะคนอื่นเขาก็มีความฝันที่อยากจะทำเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น"
ปล.การเรียนเพิ่มไม่ได้มีแค่ต้องไปเรียนพิเศษเท่านั้นนะคะ มันยังมีการเรียนที่ฟรีและไม่เสียเงินอยู่ก็คือกูเกิ้ลกับยูทูป เดี๋ยวนี้มีคุณครูและอาจารย์เก่งๆหลายคนเลยที่ทำคลิปสอนลงยูทูป ในแอพที่ใช้เรียนหลายๆแอพก็ฟรีค่ะ อย่างที่เราใช้อยู่ก็clearnote ที่จะมีคนมาจดสรุปและแชร์ความรู้ต่างๆให้กันและกัน มีแนวข้อสอบเข้ามหาลัยอะไรแบบนี้ก็มีเหมือนกันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่