คือบ้านเรามีกันอยู่ 5 คน พ่อ แม่ พี่สาว น้องสาว และเรา ที่เป็นลูกคนกลาง พี่สาวเราเป็นลูกแท้ๆของแม่คนปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ลูกของพ่อคนปัจจุบัน น้องสาวเราเป็นลูกแท้ๆของพ่อกับแม่คนปัจจุบัน เราเป็นเด็กที่พ่อแม่เอามาเลี้ยง เป็นลูกของพี่ชายแม่ ซึ่งเขามีศักดิ์เป็นป้าเรา แต่เราเรียกเขาว่าแม่ เพราะเขาเลี้ยงเรามา สมัยก่อนเราก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่แท้ๆเรามีปัญหาอะไรถึงไม่เลี้ยงเรา เอามาให้พ่อแม่ปัจจุบันเราเลี้ยง พ่อแม่เราแยกทางกัน ต่างคนต่างมีลูกและมีครอบครัวใหม่ เรามาอยู่กับแม่คนปัจจุบันตั้งแต่เล็ก เราไม่รู้ว่าตอนนั้นเราอายุเท่าไหร่ เขาเลี้ยงเราดีมากนะ เลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆของเขาเลย เรารักและผูกพันกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามามากกว่าพ่อแม่แท้ๆ เพราะเราไม่คุ้นเคยหรือพูดคุยกับพ่อแม่แท้ๆเลยสักครั้ง ตอนโตพ่อแม่คนปัจจุบันก็พาไปเจอบ้างที่ กทม. แต่เราก็ไม่อยากไป ด้วยตอนนั้นมันเด็กมาก แม่เคยพูดว่าถ้าเป็นเด็กร้องไห้ขี้แยมาก จะเอาเราไปอยู่กรุงเทพฯ เราก็หยุดร้องเพราะกลัว ไม่ชอบ กทม.อีกเลย เวลาพ่อแม่ปัจจุบันชวนไปกรุงเทพฯก็ไม่อยากไป เพราะกลัวจะโดนทิ้ง เราไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย แม้กระทั้งเพื่อนสนิท จนมีเพื่อนมารู้ความจริงว่าเราไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่คนปัจจุบัน เพราะพ่อแท้ๆเราป่วยติดเตียง กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด เขามีปัญหากับครอบครัวใหม่ น่าจะเรื่องค่าใช้จ่ายไม่สามารถดูแลพ่อแท้ๆของเราได้ ตอนนั้นเราก็เจอพ่อแท้ๆเรานะ เราเรียกเขาว่าป๊า เราเกร็งๆฝืนๆทำตัวไม่ถูก เพราะเราไม่ได้รู้สึกผูกพันกับเขา ตอนนั้นเราอยู่ประมาณ ม.5-ม.6 เราอยู่กับพ่อแม่ปัจจุบันเราไม่ได้รู้สึกขาดเลย เราเรียนจบ ป.ตรี ช่วงสอบใบประกอบวิชาชีพ พ่อแท้ๆของเราเสียชีวิตพอดี เราร้องไห้หนักมาก อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ไม่รู้ทำไม เราเคยอยากเรียน ICT ม.ศิลปากร นะ เราชอบวิชาคอมพิวเตอร์มาก สอบติด แต่พ่อแม่ไม่ให้เรียน เราเลือกไม่ได้ ก็เลยต้องมาเรียนคณะที่เขาอยากให้เรียนแทน แต่ก็สู้และอดทนเพื่อพ่อแม่ จนจบ ป.ตรี เส้นทางชีวิตเราก็ทำงานไปเรื่อยๆรับราชการ ตอนอยู่ รพ. อยู่วอร์ดให้เงินเดือนพ่อแม่ เดือนละ 10,000 บาท/เดือน (เงินเดือนประมาณ 15,000 บาท รวมค่าเวรอีก 10,000/เดือน ขึ้นเวรหนักตอนนั้น) เราอยู่หอพัก รพ. จะกลับบ้านก็แค่วันหยุด ให้ที่บ้านมารับไปกลับ บางทีก็อยู่หอพักถ้าขึ้นเวร จนเราได้ข้าราชการอยากทำงานอนามัย เพราะมันเบาไม่ต้องเหนื่อยเรื่องเวร ได้มีเวลาให้ครอบครัวด้วย เงินเดือนก็จะลดลงกว่าตอนอยู่วอร์ด รพ. เพราะค่าเวรหายไป มันมีแต่เวรเช้า เราสอบได้เรียนต่อเฉพาะทาง และเรียนจบเฉพาะทาง เราคุยกับพ่อว่า ขอให้เงินพ่อกับแม่ 5,000 บาท ได้ไหม จากที่เคยให้ 10,000 บาท เพราะหนูอยากเก็บตังค์เรียนต่อ ป.โท เรื่องรถยนต์เดี๋ยวหนูซื้อ หลังเรียน ป.โท จบ เพราะเรียนโทที่ กทม. มันไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ พ่อก็โอเคกับเรา ได้ๆ แต่พอมาปัจจุบัน เวลาเราไปทำงานก็ต้องอาศัยรถที่บ้านไปรับส่งตลอด เพราะที่ทำงานกับที่บ้านไม่ไกลกัน เลยไปกลับได้ เรามีใบขับขี่แล้วนะ แต่ยังขับไม่คล่อง แต่คิดว่าขับได้แหละ ถ้าเราค่อยๆไป ต้องช่วยเหลือตัวเองเป็นเสมอ เรารู้ว่าสักวันเราต้องซื้อรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่ใจหนึ่งเราก็อยากเรียนต่อโทก่อนค่อยซื้อรถ แต่พี่สาวเวลาไปส่งเราทำงานหรือไปรับ เขาเหมือนไม่ชอบที่ต้องไปรับส่งเราตลอด พี่สาวเราไม่ได้ทำงาน จบ ปวส. ไม่ได้เรียนต่อ แต่งงานแล้ว แต่ไม่ได้อยู่กินกับสามี ก็ยังต้องพึ่งแม่อยู่ จนแม่กับพ่อเปิดร้านกาแฟเล็กให้ขาย เขาก็ขายได้ประมาณหนึ่ง เราเกิดความไม่สบายใจ มันอึดอัด แต่เราก็เข้าใจเขานะ เขาคงเบื่อเรา แต่พ่อเราให้พี่สาวเราขับไปรับส่ง เพราะพี่สาวไม่ได้ทำงานอยู่บ้าน แม่ก็จะพูดว่าคนเราต้องใช้เงินนะ ถึงเก็บไว้ก็ต้องเอาออกมาใช้ คือแม่พูดลอยๆ ซึ่งเราก็ได้ยิน เพราะเราอยู่ในรถ มีพี่สาว แม่ แล้วก็เรา ตอนเราซื้อของพัสดุมาส่งพี่สาวก็จะมองตลอดว่าสั่งอะไรมา ซื้อของมาเราก็คิดว่าเงินเรา ทำไมต้องมองเราอย่างนั้นด้วย แม่กับพี่สาวเขาไม่ชอบให้เรามีแฟน แต่พ่อเรากับน้องสาวเราเฉยๆนะ เราสงสัยว่า เราควรเพิ่มเงินให้พ่อแม่อีกใช่ไหม เพราะเราคิดว่าที่เราให้เขา 5,000 อีก 5,000 จะเก็บไว้ดาวน์รถ กับเรียนต่อ และค่าเวรก็อยากจะเก็บตังค์ไว้เผื่ออนาคต เราควรทำอย่างไรดี ไม่รู้จะปรึกษาใครดี มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ ที่บ้านแม่เหมือนกลัวว่าพ่อจะเกษียณแล้ว ที่บ้านจะไม่มีเงินใช้ไม่พอ เพราะพ่อทำงานบริษัทเอกชน ปล.เราอายุ 28 ค่ะ
เคยเจอปัญหาภายในครอบครัวกันไหมคะ ไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดให้ใครฟังดี อึดอัดอยู่คนเดียว