ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากไปถ่ายทุกปี...ต้นไม้สีชมพู พญาเสือโคร่ง

สวัสดีอีกครั้งครับ วันนี้ก็จะมาเปิดกระทู้ชวนกันไปเที่ยวอีกสักกระทู้ครับ 
แต่เป็นการชวนเที่ยวล่วงหน้าหลายเดือนอยู่นะครับ เพราะทริปนี้ ปีนึงมีได้แค่ช่วงเวลาเดียว (แต่หลายที่...)
ทริปนี้จะพาไปชม "ต้นไม้สีชมพู พญาเสือโคร่ง..." กันครับ

ตั้งแต่เริ่มถ่ายรูปมา การออกทริปไปถ่ายพญาเสือโคร่งในช่วงหน้าหนาว
เป็นอะไรที่ตั้งใจอยากจะไปให้ได้ แต่กว่าจะได้ในแต่ละปีนั้น ช่างมีอุปสรรคยิ่งนัก 
ทั้งการหาเวลา หาทีม...ทำให้นานปีทีหนจะได้ไปเยือนสักครั้ง
และในปีนี้มีเวลาแล้ว เรื่องทีมไม่จำเป็นล่ะ หลังๆตั้งแต่เพื่อนๆหาเวลาได้ยากขึ้นด้วยหน้าที่การงาน และครอบครัว
การเดินทางท่องเที่ยวของผมในช่วงหลัง จึงเป็นการท่องเที่ยวตัวคนเดียวซะส่วนใหญ่
เพื่อนที่สำคัญที่สุดของทริป คือ กล้องถ่ายภาพ...

ในช่วงต้นปี 2565 ทำการเช็คข่าวอยู่ตลอดเวลาว่า พญาเสือโคร่งในแต่ละที่เริ่มบานกันรึยัง
บานมาก บานน้อย สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะวางแผนเดินทาง
แต่ด้วยการเดินทางคนเดียว ประกอบกับขับรถไปเอง เลยเลือกสถานที่ที่สะดวกหน่อย
ปีนี้เลยปักหมุดที่หลักๆไว้ที่ ขุนวาง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเดินทางสะดวก ไม่ต้องไปต่อรถ แถมกางเต็นท์ได้ด้วย
แต่หน้าหนาวปีนี้ กับมีสายฝน...ทำให้เกินความลังเลใจ เพราะเกรงว่าดอกจะโรย จะช้ำ ไปหมดเพราะสายลม สายฝน
แต่ด้วยความที่ตั้งใจไว้แล้ว แถมไม่รู้ว่าปีไหนจะว่างไปได้อีก เลยตัดสินใจเก็บของโยนใส่รถอีกครั้ง
กล้องพร้อม เลนส์พร้อม เต็นท์พร้อม ก็ออกเดินทางกัน...

ผมออกเดินทางจากแจ้งวัฒนะตอนประมาณ 3 ทุ่ม กะว่าขับไปเรื่อยๆ ง่วงตอนไหน นอนตอนนั้น 
ถ้าไหวก็น่าจะไปทันแสงเช้าที่ดอยอินทนนท์พอดี ช่วงที่เดินทางไปนั้น ทางภสคเหนือก็ยังมีฝนอยู่บ้าง
ขับไป พักไป แอบจอดปั๊มหลับไปบ้าง สุดท้ายก็มาถึง จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น (ทางเข้ากิ่วแม่ปาน) ตอนตีห้าครึ่งพอดี
ไหนๆมาถึงแล้ว แทนที่จะนอนต่อ ขอเดินออกมารับลมสักหน่อย...
ออกมายืนได้แป๊ปนึง น้ำมูกเริ่มย้อยเลยครับ ด้วยอุณหภูมิในวั้นนั้นอยู่ประมาณ 6 องศา
จากอากาศร้อนๆในเมืองบางกอก มาเจอเลขตัวเดียวที่อินทนนท์ ปรับตัวกันไม่ทันนเลยทีเดียว
แต่ก็นะ มาถึงที่แล้ว ยังไงก็ต้องขอเก็บภาพแสงแรกสักหน่อย
เพียงเเต่ด้วยฟ้า ฝน ไม่เป็นใจ วันนั้น (และทั้งทริป) ไม่สามารถถ่ายแสงแรกได้เลย
เนื่องจากฟ้าปิด หมอกฟุ้งหนา และเมฆฝน 
เอาจริงๆ ทริปเที่ยวหน้าหนาวครั้งนี้ กับเจอฝนทุกวัน...เฮ้อ แสงสวยๆของฉ้านนนนน...
ก็เลยเก็บช่วงแสงแรกมาตามอัตถภาพไปสักหน่อย


เสร็จจากเก็บแสงเช้า ก็หาอะไรรองท้องกันนิดหน่อย ก็เคลื่อนตัวเองไป ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ 
ผมตั้งใจจะกางเต็นท์นอนที่นี่ เพือถ่ายพญาเสือโคร่งแสงเช้า แสงเย็นให้เต็มที่
และเป็นคืนเดียวที่วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะนอนที่ไหน คืนที่เหลือ ก็ว่าไปตามอารมณ์ล่ะกัน
หลังจากติดต่อ และกางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินถ่ายรูปเล่นตามที่หวังไว้
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ฟ้าปิดทั้งวัน เลยไม่ได้ภาพตามที่หวังไว้
ทั้งวันที่ไปถึง และวันรุ่งขึ้น เจอแสงแดดส่องรวมๆกันไม่ถึง ชม. แถมเจอฝนถล่มอีกต่างหาก
แต่ก็พอได้ภาพมาบ้าง ผมรวบยอดลงภาพพญาเสือโคร่งที่ขุนวางยาวๆเลยล่ะกันครับ

สำหรับทริปนี้ พญาเสือโคร่งอาจจะไม่ได้พีคมาก แถมฟ้าก็ปิดเป็นส่วนใหญ่
แต่ความสุขของการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศเย็นๆ และได้ถ่ายภาพก็ยังสร้างความสุขได้เสมอ
ผมอยู่นอนที่นี่ 1 คืน และอีกคืนก็ไปกางเต็นท์นอนอยู่ที่จุดกางเต็นท์ อช ดอยอินทนนท์
เพราะอากาศดีๆ ทำให้ผมไม่อยากย้ายไปไหนเลยครับ และหวังว่าจะขึ้นไปลุ้นแสงแรกอีกครั้ง 
แต่ก็เฟลจริงๆ สำหรับทริป ไม่ได้ทั้งแสงเช้า แสงเย็นงามๆเลย
แต่ก็แอบสงสัยอยู่นิด คนมากางเต็นท์ที่นี่ เค้ากลับไปอาบน้ำที่บ้านกันรึยังไง
เพราะตอนผมไปอาบ น้ำเย็นมากๆ เย็นจนเหมือนเข็มทิ่มเลยทีเดียว
ในคืนนั้น ก็นอนคิดต่อว่า พรุ่งนี้จะไปนอนไหนดี เพราะยังไม่อยากกลับ อยากอยู่กับอากาศหนาวๆต่ออีก เลยปักหมุดจะเดินทางไปเชียงดาว นอนดูภูเขาสักคืนต่อดีกว่า

ด้วยความที่เช้าเฟลกับแสงแรก ก็เลยเเวะเก็บบรรยากาศข้างทางมาสักหน่อยครับ


ตื่นเช้ามาเก็บเต็นท์ หามื้อเช้าลงท้อง แล้วจึงแวะหากาแฟเติมพลังสักหน่อย
ระหว่างทางลงจากดอนอินทนนท์เห็นที่แม่กลางหลวงมีโรงคั่วกาแฟอยู่
ที่นี่ จะมีกาแฟให้ชิม และมีความรู้เกี่ยวกับกาแฟให้ศึกษา
ใครสนใจเมล็ดกาแฟไทย ลองแวะไปกันได้นะครับ ที่ Pati Non โรงคั่วกาแฟบ้านแม่กลางหลวง


หลังจากดื่มด่ำกับกาแฟที่นี่ ผมก็เดินทางต่อ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ดอยหลวงเชียงดาว
แต่ก็ยังไม่รู้เลย ว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน 555
เดี๋ยวไปถึงค่อยว่ากัน แต่ระหว่างทาง นึกถึงเมนู Gravity ของร้าน Asama Cafe
ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ขอแวะไปรื้อฟื้นความหลังซะหน่อยครับ


เสร็จแล้ว ก็รีบเดินทางต่อเพื่อไปสำรวจที่พักว่า คืนนี้จะนอนที่ไหน
พร้อมความคาดหวังว่าจะเก็บแสงเย็น กับดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งก็ได้ภาพมานิดหน่อยระหว่างหาที่พัก


หลังจากตะเวณหาที่พัก สุดท้ายผมเลือกที่จะนอนที่ ashi guesthouse chaingdao
เพราะคืนนี้ต้องการที่พักที่สะดวก สบาย เพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนต้องเดินทางยาวๆในขากลับ
แต่ความหวังที่จะถ่ายทางช้างเผือก และแสงเช้ากับดอยหลวงก็ต้องมลายไปอีกครั้ง 
เพราะเจอฝนถล่ม และผมก็ขอปิดทริปนี้ด้วยภาพจากดอยหลวงเชียงดาวเลยล่ะกันนะครับ


สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาตามอ่าน ตามชมภาพกันอีกครั้งนะครับ
เมืองไทยยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ที่เที่ยวสงบๆ อีกมากมายให้เราไปเติมพลังให้กับชีวิตกันอยู่
หวังว่า กระทู้นี้จะกระตุ้นต่อมท่องเที่ยวของทุกท่านได้บ้างนะครับ
และหากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ...




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่