ผาสองฤดู อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ | เดินไปอนาคตช้า ๆ ค่อย ๆ สะสมอดีตไปด้วยกัน | 26-27 Feb 2022

เดินไปอนาคตช้า ๆ ค่อย ๆ สะสมอดีตไปด้วยกัน

นอกจากความสวยงามของธรรมชาติ ท้องฟ้า ภูเขา พระอาทิตย์ เชื่อว่าน่าจะมีบางคนแหละ ที่เลือกกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ เพราะหัวใจดันไปรู้สึกบางอย่างกับประโยคด้านบน และสำหรับทริปนี้ เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
ผาสองฤดู หรือ ผาแง่ม เป็นภูเขาสูงเชื่อมต่อกับดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้กับสถานที่สำคัญอย่างศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง ซึ่งกรมวิชาการเกษตรใช้พื้นที่นี้วิจัยและทดลองขยายพันธุ์พืชบนที่สูงเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น หรือที่สายเที่ยวหลาย ๆ คนคุ้นเคยกับที่นี่เนื่องจากเป็นสถานที่สุดฟิน ชมดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ ในช่วงกลางเดือนมกราคมนั่นเอง ใครที่เดินทางช่วงนี้อาจจะเผื่อเวลาเพื่อเก็บบรรยากาศโรแมนติกก่อนจะลุยแบบเต็มสตรีมสักหนึ่งวันกำลังดี

สำหรับทริปนี้ เราใช้บริการเพจนำเที่ยวแสนดี สต๊าฟดี อาหารดี เอาใจใส่ดี ทริปดี ๆ แบบนี้ไปตำกันได้ที่เพจ 'การเดินทางของหอยทาก' นะค้าบ
จุดสตาร์ทของเส้นทางปีนป่ายไต่เขาที่พวกเราเลือกในวันนี้ นั่นคือ ทางขึ้นจากสำนักสงฆ์ขุนวาง เรากินมื้อเช้า และอาบน้ำแปลงร่างเป็นชุดลำลองที่มิดชิดเพราะถึงจะลุยแค่ไหน ก็ไม่อยากตัวไหม้เกรียมให้กับแดดประเทศเชียงใหม่หรอกนะ ไปกั๊นนน
เนินแรก
เนินแรกก็ทำเราเป็นท้อเล็กน้อย เดินประมาณสิบเก้าก็แอบเหนื่อยในใจ แต่แว๊บเดียวก็สดชื่นแจ่มใสขึ้นมา เพราะบริเวณตีนเขา มีไร่สตรอเบอร์รี่ของชาวบ้าน ซึ่งกำลังสุกแดงน่ากินมาก ก่อนที่เราจะก้าวเท้าต่อไปอย่างแข็งขัน ตัวแทนหมู่บ้านในกลุ่มของพวกเราจึงแว๊บไปซื้อติดมือเดินหิ้วไปด้วย หวานฉ่ำอร่อยมากจริง ๆ
ถัดจากไร่สตรอเบอร์รี่ของชาวบ้าน ช่วงแรก ๆ จะเป็นป่าสน โปร่ง โล่ง สบาย มองจากตรงนี้ไป เห็นยอดไกล ๆ ลิบ ๆ โน้นเลย แหงนมองไปบนฟ้า ใบสนเขียว ๆ สะท้อนตัดกับแสงแดด เราก็คิดไปได้ว่าสีเขียวที่สดชื่นของมันงอกงามขึ้นมาจากส่วนหนึ่งของใบไม้สีน้ำตาลที่หล่นมาอยู่บริเวณโคนต้น ต้นเดียวกัน แต่มีเวลางอกงามต่างกัน มีช่วงที่สดใส มีเวลาที่โรยรา และบางเรื่องราวในปัจจุบัน มันก็เกิดจากเมล็ดพันธุ์ของอดีต ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เรามีวันนี้แล้ว ทำมันให้เต็มที่เลยนะ "เดินไปอนาคตช้า ๆ ค่อย ๆ สะสมอดีตไปด้วยกัน"
เมื่อเราเดินห่างออกจากเมืองไกลขึ้น สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อย ๆ หายไปด้วย จากไม่ชัด กลายเป็นไม่มีเลย โลกที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีทีวี มันเกลี้ยง ๆ ในความรู้สึกยังไงก็ไม่รู้  อาจจะเรียกว่า สะอาด สงบ สว่าง หรืออะไรหรือเปล่าเราไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่า เราไม่พบเรื่องราวมากมายจากโลกข้างนอกนั่น ตรงนี้มีเพียงไม่กี่ชีวิตที่เชื่อมโยงกัน เรารับรู้เรื่องราวเล็ก ๆ ของกันและกันได้อย่างง่ายดายกว่าอยู่ข้างนอก เราเก็บบรรยากาศระหว่างทางมาฝากด้วยล่ะ ระหว่างเดินรู้สึกถึงความร้อนแล้งมาก แต่พอหลบพักเข้าร่มกลับหนาวเย็นจนทนไม่ไหว
สองข้างทางระหว่างเดิน มีพันธุ์ไม้แปลกตา น่ารักดีเนาะ

เราใช้เวลานานเอาเรื่องเลยล่ะ เริ่มเดินตั้งแต่ประมาณ 10.00 น. ถึงแคมป์ก็เกือบ ๆ 15.00 น. ร่วม 5 ชั่วโมงนั่นแหละ ด้วยความที่ชันมาก เดินได้สามสี่ก้าวก็เหนื่อยแล้ว  แต่พอไปถึงพักแป๊ป ๆ ก็หายเหนื่อยแล้วและนี่คือเราสองคน ก่อนที่จะถึงแคมป์ คือชันมาก เราแทบจะหยุดเดินแล้ว แต่มองขึ้นไป เพื่อนก็เรียกและคอยเชียร์อยู่ วู้ว จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว ฮ่าฮ่า ขาแทบจะก้าวไม่ออก
เมื่อนั่งพักสักหน่อยแล้วก็กางเต็นท์กัน ที่นี่มีจุดที่สามารถกางเต็นท์ได้เป็นจำนวนมากเลย มีทั้งบนสันเขาหรือจะเลือกใต้ต้นไม้ก็ได้

ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเวลา 18.29 น. พวกเราเดินเล่นไปจนถึงยอดผา เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระธาตุขุนวาง ซึ่งมีความสูงถึง 2,150 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
นั่นไง อยู่บนยอดนั้นขึ้นมาไกลเหมือนกันนะเนี่ย มองเห็นแคมป์อยู่ลิบ ๆไฮไลท์ของวันนี้มีหลายจุด ระหว่างทางขึ้นยอด คือ 'ต้นกุหลาบพันปี' สีแดงฉ่ะว้าวมาก ช่วงเดือนก่อนจะบานสะพรั่งและมีจำนวนมากกว่านี้ มาเดือนนี้เริ่มโรยหมดล้าววว จากยอดพระธาตุ มองลงไปด้านหลัง มองเห็น 'ต้นดอกคำขาว' หรือ กุหลาบพันปีสีขาว' ยังคงบานสะพรั่งทิ้งท้ายเดือนแห่งความรักอยู่บนภูเขาหินปูน ซึ่งความพิเศษของเจ้าดอกนี้นั้น คือ เป็นไม้เฉพาะถิ่น พบเฉพาะบนภูเขาหินปูน ที่มีความสูงมากกว่า 1,800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป เรียกได้ว่า ถ้าไม่เหนื่อยหอบขาลากแบบนี้ก็คงทำได้แค่ชมความงามของมันผ่านรูปถ่ายเท่านั้น จากจุดยอด เดินกลับลงมานั่งเฝ้าท้องฟ้า รอคอยเวลาโบกมือลาพระอาทิตย์ด้วยกัน ฟ้าวันนี้ก็สวยมาก ๆ เลยล่ะ "รู้สึกกับคุณเหมือนท้องฟ้าวันนี้เลย" มันดีแบบอธิบายไม่ถูกพอพระอาทิตย์เริ่มลับไป ความหนาวเย็นก็ค่อย ๆ ทวีคูณ ว่ากันว่าทุก ๆ ความสูง 1,000 เมตร อุณหภูมิจะลดลง 6.5°C แปลว่า ในเมืองเชียงใหม่ที่ตอนนี้อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24°C จุดที่เราอยู่คงจะราว ๆ 11°C จากผิวสัมผัสก็คือหนาวมากจริง ๆ
เมื่อพระอาทิตย์ลับไป ความหนาวเย็นเข้าปกคลุม ท้องก็เริ่มร้องจ๊อกจ๊อก พี่ริส เจ้าของทริปดี ๆ ที่เราได้แนะนำไปแล้วในตอนต้น จัดมื้อเย็นแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบวิบวับวิบวับให้เลย บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง รสชาติดีโคตร ๆ และยิ่งกินกับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ไม่ต้องพูดถึง ต้ม ผัด แกง ทอด ครบเลยแม่นั่งกินแบบเพิ่มความอบอุ่นเราตั้งใจว่าจะนั่งเมาส์มอยกันสักหน่อยก่อนที่จะเข้าเต็นท์ แต่ด้วยความที่มันหนาวมาก ก็เลยแยกย้ายกันเลยดีกว่า

อรุณสวัสดิ์ เช้าวันนี้ดีมาก ๆ เลย

ดูนี่สิ เคบัฟไก่แสนอร่อย กินคู่กับ ชา กาแฟ โอวัลติน เลือกได้ตามใจเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่