JJNY : หมอธีระตอกสธ. สวนกระแสปชช.เห็น│ตาติดโควิด นอนศาลาหน้าวัด│เอกชนชี้คนไทยสับสน│มะกันประกาศจัดหาอาวุธให้ยูเครน

หมอธีระ ตอก สธ.บอกไม่มีปัญหาผู้ติดเชื้อโควิดนอนข้างถนน สวนกระแสปชช.เห็น
https://www.nationtv.tv/news/378864636

นพ.ธีระ ชี้ กลไกนโยบายด้านสาธารณสุข ยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์จริง ที่ยืนยันว่า "เตียงเพียงพอ" ระบุ สวนกระแสที่ประชาชนเห็น

23 กุมภาพันธ์ 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat " ชี้ สถานการณ์ “โอมิครอน” ยังระบาดรุนแรง สะท้อนประสิทธิภาพกลไกนโยบายด้านสาธารณสุขยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์จริงได้ โดยระบุว่า
  
ทะลุ 427 ล้านแล้ว 
 
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,573,163 คน ตายเพิ่ม 7,761 คน รวมแล้วติดไปรวม 427,885,338 คน เสียชีวิตรวม 5,923,006 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน รัสเซีย บราซิล เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 96.84 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 96.95 ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 50.27 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 47.05 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก
 
...อัพเดต Omicron
 
องค์การอนามัยโลกเผยแพร่รายงาน WHO Weekly Epidemiological Update ล่าสุดเมื่อวานนี้ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนติดเชื้อใหม่ของทั้งโลกลดลง 21% และเสียชีวิตลดลง 8% (ถ้าเปรียบเทียบกับไทย หากดูข้อมูลจาก Worldometer มาประกอบ จะพบว่าไทยเรามีสถานการณ์สวนกระแสโลก เพราะติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงถึง 22% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 22%)
  
โดยนำเสนอข้อมูลจาก GISAID ที่ชี้ให้เห็นว่า Omicron นั้น มีสัดส่วนการระบาดทั้งโลกสูงถึง 99.1% แล้ว ส่วนในเดลตาเหลือเพียง 0.8% และอัลฟาน้อยกว่า 0.1% ทั้งนี้ Omicron มีสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ ได้แก่ BA.1 BA.2 และ BA.3 มีข้อมูลติดตามการระบาดพบว่า BA.2 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจาก 12.23% ในช่วงปลายมกราคม มาเป็น 35.8% ในปัจจุบัน จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เหนืออื่นใดการป้องกันตัว อย่างเป็นกิจวัตรจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อได้แน่นอน
  
...สถานการณ์ไทยเรา
 
การระบาดยังคงเป็นไปอย่างรุนแรง กระจายไปทั่ว กลไกนโยบายด้านสาธารณสุขนั้นยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์จริงได้ (Responsiveness) ดังจะเห็นได้จากรายงานข่าวในแต่ละวันที่เห็นคนติดเชื้อและไม่สามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษาได้ ทั้งในกลุ่มคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย คนที่มีที่พักอาศัยคับแคบแออัด รวมถึงครอบครัวที่มีเด็กเล็กติดเชื้อมีอาการป่วย
  
ปัญหาการรับรู้สถานการณ์จริง และการเกาไม่ถูกที่คัน สะท้อนให้เห็นภาพปัจจุบัน ที่ฝ่ายนโยบายยืนยันว่าเตียงเพียงพอ ไม่มีปัญหาคนต้องนอนข้างถนน ตรวจสอบกับเหล่าข้าราชการแล้ว แต่สวนกระแสข่าวที่ประชาชนเห็น
  
สิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว (และเหลือง) จำนวนมากที่ต้องการการดูแล ให้คำปรึกษา จัดหาที่พักกักตัวที่เหมาะสมให้เพียงพอ และให้การดูแลรักษาอย่างทันท่วงที
  
ควรตระหนักว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถทำ home isolation ได้ แตกต่างจากในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่มีความรู้และทักษะเพียงพอในการจัดการตนเองและครอบครัวยามที่เกิดการติดเชื้อหรือป่วย
  
เหนืออื่นใด ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เห็นอยู่นี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า นโยบายการควบคุมป้องกันโรคยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หากมัวแต่เหยียบคันเร่งเศรษฐกิจ การระบาดในประเทศจะหนักหนากว่าเดิมและส่งผลกระทบย้อนกลับมาทั้งด้านปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมระยะยาว
  
ย้ำอีกครั้งว่า Long COVID จะเป็นภาระใหญ่สำหรับบุคคล ครอบครัว และประเทศ จึงควรดำเนินนโยบายโดยดำรงตนบนพื้นฐานของความไม่ประมาท
  
ทั้งนี้สถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะ "โอมิครอน" อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งภายใน 2 สัปดาห์คาดว่า จะถึงจุดพีคสุด แต่ขณะนี้เกิดความกังวลว่า จะเกิดวิกฤตเตียงเต็ม จากข้อมูลเมื่อวันที่ 16 ก.พ. พบว่า ทั่วประเทศขณะนี้เหลือเตียงว่าง เพียง 93,273 หน่วย ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ติดเชื้อเกิน 1.5 หมื่นคนทุกวัน และล่าสุดวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 2 หมื่น ที่ 21,232 ราย
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223933333273682
 


ตาวัย 61 ติดโควิด กลัวลามติดคนในบ้าน เลยมานอนศาลาหน้าวัด กลุ่มสายไหมช่วยนำส่งศูนย์พักคอย
https://ch3plus.com/news/program/280219
 
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (22 ก.พ.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้เดินทางไปยัง วัดสุทธิสะอาด ถ.นิมิตรใหม่ เขตคลองสามวา กทม. หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านและพระลูกวัด ว่า มีผู้ป่วยโควิดมาอาศัยศาลาหน้าวัดนอนมาแล้ว 2 คืน ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาให้ความช่วยเหลือ  
   
เมื่อไปถึง พบคุณตาวัย 61 ปี นอนป่วยอยู่ที่ศาลาหน้าวัดจริง จึงได้ให้ทีมงานนำชุดตรวจ ATK มาตรวจหาเชื้อโควิด เบื้องต้นพบว่าติดเชื้อ โดยคุณตามีไข้ 38 องศา มีอาการเหนื่อย จนท.สายไหมต้องรอด จึงให้ทานยาลดไข้ จากการวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย พบว่ายังปกติ ค่าออกซิเจนในเลือดปกติ ชีพจรปกติ
 
จึงได้สอบถามที่มาที่ไป เบื้องต้นพบว่า คุณตาพักอาศัยอยู่กับครอบครัวที่บ้านใกล้กับวัด เมื่อวันที่ 20 ก พ. 65 ที่ผ่านมาพบว่าตัวเองมีไข้ ไอ เจ็บคอ จึงได้ออกมาหาที่ตรวจ ATK  หลังตรวจพบว่าขึ้น 2 ขีด  จึงไม่กล้ากลับเข้าบ้าน เนื่องจากกลัวจะไปติดคนครอบครัว จึงได้มาอาศัยศาลาหน้าวัดนอน  
 
ด้าน พระปอ พระลูกวัดสุทธิธรรม กล่าวว่า เห็นโยมมานอนป่วยอยู่หน้าวัดได้ 2 คืนแล้ว ทางท่านเจ้าอาวาส ได้สั่งให้นำข้าวและอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตร ไปให้กินทุกวัน ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาให้การช่วยเหลือ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้ญาติโยม ช่วยกันติดต่อขอความช่วยเหลือไปยัง เพจสายไหมต้องรอด เพื่อมารับตัวคุณโยมผู้ป่วยไปรักษาตัว
 
เบื้องต้น หลังจาก ทีมสายไหมต้องรอด ตรวจวัดค่าต่างๆ ของร่างกายแล้ว พบว่า ผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์สีเหลือง นายเอกภพ จึงได้ประสานไปยังศูนย์พักคอยในพื้นที่เขตคลองสามวา มารับตัวคุณตาเข้าระบบ CI หรือ Community Isolation ต่อไป



เอกชนชี้คนไทยสับสน กังวลติดโควิดระดับไหน ต้องทำตัวยังไง จี้รัฐทำความเข้าใจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3198037

‘สุพันธุ์’เผยคนไทยสับสน กังวลติดโควิดระดับไหน ต้องทำตัวยังไง จี้รัฐทำความเข้าใจ
 
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า แม้การแพร่ระบาดโควิด -19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ภาคเอกชนขอย้ำจุดยืนเดิม คือ ห้ามมีการล็อคดาวน์ประเทศอีก เพราะจะส่งผลรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย อีกประเด็นสำคัญ คือ ควรยกเลิกมาตรการเทสแอนด์โก ตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ วันที่ 5 ออกไป เพราะทำให้ยุ่งยาก ต้องกลับไป กลับมา เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็น และขณะนี้มีหลายประเทศเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้ว ดังนั้นไทยควรเปิดประเทศ โดยมีมาตรการป้องกันรองรับชัดเจน จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
  
เวลานี้ภาครัฐควรออกมาสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนว่า ถ้าติดแล้วไม่มีอาการพึงประสงค์แบบที่ทางการแพทย์บอก ให้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน มีวิธีการอย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้ประชาชนยังสับสนอยู่ ทำให้เกิดความกังวล ติดปุ๊บก็อยากไปโรงพยาบาล ทั้งที่ไม่จำเป็น และเวลารายงานคนเสียชีวิต ควรมีรายละเอียดด้วยว่า เสียชีวิต เพราะมีโรคประจำตัวอยู่ด้วยหรือไม่ อย่างไร เพื่อไม่ให้คนตื่นตระหนกจนเกินไป” นายสุพันธุ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่