[Open Discussion] ทำไมผมถึงคิดว่าตลาด Cryptocurrency อาจจะเป็นฟองสบู่

หมายเหตุก่อนอ่าน :
.
ใครชอบบทความนี้ขอความกรุณาฝาก Upvote และ share นะครับ จะขอบคุณมากๆเลย เพราะเราจะได้เห็นมุมมองที่หลากหลายของคนอื่นที่ไม่ใช่ผมด้วยครับ (พูดง่ายๆคืออยากให้คนเข้ามาเยอะๆแหละครับ จะได้มาค้านส่วนที่ผมพูดไม่ถูกได้เยอะๆ บทความจะได้ดีขึ้นด้วย 555+) 


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนทุกคน ก่อนอื่นเลยผมก็ขอโทษนะครับที่ชื่อกระทู้อาจจะสร้าง FUD ให้หลายๆท่านเล็กน้อย (จริงๆหลายๆท่านผ่านการ swing ตลาดมาเยอะแล้วก็ไม่น่าจะกลัว title แบบนี้หรอกครับ ผมเชื่อว่าคนเล่นคริปโตน่าจะด้านชาแล้วแหละ 555+)
          ก่อนอื่นเลยผมขอแนะนำตัวครับ ผมถือว่าตนเองเป็นมือใหม่พอสมควรเพราะศึกษาเกี่ยวกับคริปโตมาเป็นเวลาเพียงแค่ 4 เดือน และผมก็ใช้เวลาไปศึกษา Ecosystem ต่างๆ มาเป็นระยะๆ ผมก็ได้เห็นอันตรายทั้งในตัว Ecosystem ของ Bitcoin และ Altcoin จนทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมหลายๆท่านถึงลงเงินจำนวนมากลงไปในตลาด (ที่ผมมีมุมมองว่า) มีแค่การเก็งกำไรนี้ แล้วคาดหวังว่ามูลค่ามันจะมากขึ้นกว่าเดิม ณ ขณะนี้อีก เลยอยากใช้กระทู้นี้ในการแชร์และรับฟังมุมมองของรุ่นพี่ทุกท่านที่น่าจะรู้อะไรมากกว่าผมอีกมากครับ เพราะในความคิดเห็นผมแล้ว ตลาด Cryptocurrency ณ ขณะนี้มีมูลค่ามากเกินควรเป็นอย่างมาก หรือ อีกนัยหนึ่งคือเป็นฟองสบู่นั่นเองครับ
.
หมายเหตุ 1 : ทุกอย่างที่เขียนในนี้ จะเขียนในเชิงข้อสงสัยของผมเองนะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะสร้าง FUD แต่อย่างใด และอยากให้ทุกคนที่อยากแย้งและมีข้อมูลดีๆ มาแลกเปลี่ยนกันครับ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่คิดว่าตลาด Cryptocurrency ยังไปได้อีกไกลมีเหตุผลที่ดีมากๆที่ผมยังไม่รู้ ผมพร้อมจะรับฟังครับ
.
หมายเหตุ 2 : ผมยังมือใหม่มาก อาจจะให้ข้อมูลทางเทคนิคอะไรผิดก็ขออภัยด้วยครับ
.
หมายเหตุ 3 : สำหรับท่านที่อ่านข้อมูลผมแล้วอยากจะแย้ง แล้วเห็นว่าข้อมูลผมผิด ช่วยบอกให้ชัดเจนด้วยนะครับ ว่าผมผิดตรงไหน การมาคอมเมนต์ว่าผม “มโนไปเอง” “บทความมี Bias” “ควรไปศึกษาเพิ่มเติม” นั้นควรจะระบุให้ชัดว่าผม “มโน” ตรงไหน “มี Bias” ตรงไหน และ “ควรจะศึกษา” ตรงไหนเพิ่ม และ ทำอย่างไรบ้าง เพราะตามหลักในการแย้งข้อมูลใดๆแล้ว ความรับผิดชอบในการพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูลจะเป็นของ “ผู้ที่ทำการแย้ง” ไม่ใช่ “ผู้ถูกแย้ง” นะครับ (เพราะผมก็มี Assumption เหมือนกันว่าข้อมูลที่ผมหามานั้นถูกต้องพอสมควร ถ้ามันไม่ถูกผมคงเพิ่ม Note ไม่ก็แก้ไปนานแล้ว) ขอบคุณมากครับ 
.
หมายเหตุ 4 : ผมอาจจะไม่ว่างมาตอบกลับทุกคนนะครับ ผมขอโทษด้วย T_T (โดยเฉพาะคอมเม้นต์ที่มีเนื้อหามากๆ) 
.
หมายเหตุ 5 : การที่ผมบอกว่าเป็นฟองสบู่ ไม่ได้หมายถึงสิ่งนั้นไม่มีประโยชน์นะครับ แต่ผมหมายความว่ามันมีมูลค่ามากเกินประโยชน์ของมันเท่านั้นเอง (อินเตอร์เน็ตก็เคยเป็นฟองสบู่ครับ)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่คือสารบัญสำหรับเรียงหัวข้อของผมครับ (จะมีต่อใน Comment นะครับ เพราะที่ผมเขียนมันยาวมากๆ)
 .
1. ทำไมผมถึงมองว่า Bitcoin ยังเป็นไม่สามารถเป็น Currency ได้ และ ยังเป็น store of value ที่ไม่ดีเท่ากับทองในอนาคตอันใกล้
         1.1  ทำไมผมคิดว่า Bitcoin ยังเป็น Currency ไม่ได้ 
         1.2  ทำไมผมยังมองว่าทองยังคงเป็น store of value ได้ดีกว่า Bitcoin มากๆ*** (ในตอนนี้)
.
2. ว่าด้วยปัญหาของ Ecosystem ของ Alt-coin 
         2.1   คำถาม : การเจริญเติบโตของ Alt coin มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจอะไรจริงๆบ้างครับ นอกจากเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ?
                 -          ทำไมผมถึงยังไม่เห็นประโยชน์ของ Decentralized Finance (ในตอนนี้)
                 -          ทำไมผมถึงมองว่าโมเดล Play to earn และ GameFi มีปัญหาและส่วนใหญ่จะไม่ work
                            + Note เพิ่มเติมเกี่ยวกับ GameFi และ Metaverse
                 -         ทำไมผมคิดว่าตลาด NFT จะมี Hype มากเกินประโยชน์ของมันไป + สรุปของผมเกี่ยวกับ Ecosystem ของ Altcoin
.
3.       กรณีศึกษา : Luna Ecosystem 
4.       กรณีศึกษา : Payment Processing และ ICOs ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ (เดี๋ยวมาเขียนต่อในกระทู้นี้นะครับ)
5.       Note เกี่ยวกับ Quantum Fud เล็กน้อย (เดี๋ยวมาเขียนต่อในกระทู้นี้นะครับ)
6.       Note เกี่ยวกับ ความคล้ายคลึงระหว่าง Dotcom bubble กับ Cryptocurrency Boom (เดี๋ยวมาเขียนต่อในกระทู้นี้นะครับ)
.
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.
1.ทำไมผมถึงมองว่า Bitcoin ยังเป็นไม่สามารถเป็น Currency ได้ และ เป็น store of value ที่ไม่ดีเท่ากับทอง
.
          ในการซื้อ Bitcoin นั้นผมได้พิจารณา utility (การใช้งาน) ของมันไว้ 2 อย่าง นั่นคือ ในฐานะ Currency และ ในฐานะ store of value  และผมคิดว่าตอนนี้ Bitcoin ยังทำหน้าที่ไม่ได้ทั้ง 2 อย่าง
.
ทำไมผมคิดว่า Bitcoin ยังเป็น Currency ไม่ได้ 
.
         ในฐานะ currency  Bitcoin มีความผันผวนมากเกินไป ดังนั้นในระยะสั้นแล้วผมว่าเราควรพิจารณาทำให้ Bitcoin เป็น store of value ที่ดีก่อนที่จะมาทำเป็น Currency (โดยในกรณีนี้มี Assumption ตัวโตๆ ว่า Lightning Network จะสามารถแก้ปัญหาความเร็วการโอน ของ Bitcoin ได้ 100% นะครับ เพราะตอนนี้ Network หลักมันทำได้แค่ 7 transaction per seconds เอง ไม่เพียงพอต่อการใช้ทั่วโลกแน่ๆ) และความเห็นผมเพิ่มเติมในฐานะการเป็น currency ของ Bitcoin (หลายๆคนที่อ่าน Bitcoin Standard น่าจะยกเสียมและคบเพลิงมาเผาแม่มด Keynesian แบบผมก็ตอนนี้แหละ 555) 
.
1. Bitcoin มีความเป็น Deflationary พอสมควร ถ้าสมมติว่ามีการเปลี่ยนมาใช้ Bitcoin มากขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น อย่างแรกเลยคือ ราคา Bitcoin จะเพิ่มขึ้น และคนที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ Bitcoin น่าจะมีแรงจูงใจในการใช้จ่ายน้อยลง อาจจะทำให้เศรษฐกิจเกิด recession ได้ในระยะสั้น และในระยะยาวถึงแม้ว่าคนจะใช้ทั่วโลกแล้วก็ไม่มีแรงซื้อมาเพิ่ม แต่ก็จะมีการทำ Coin หายมากขึ้นเรื่อยๆ (Seed หายบ้างอะไรบ้าง) ทำให้ Supply ของเหรียญเป็น Deflationary โดยอัตโนมัติ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ (ใช่ครับ ผมรู้แหละว่าพวกคุณไม่ชอบกัน 555+) จะไม่ดีต่อเศรษฐกิจและการสร้างนวัตกรรมนะครับ
.
 2. ผมยังมองว่า การมี Government intervention ในระบบเศรษฐกิจยังจำเป็นอยู่ ใช่ครับ มันจะก่อให้เกิดความ Ship hai ขึ้นภายหลังแน่ๆ แต่ผมก็ยังคิดว่าการที่ความ Ship hai ทางด้านเศรษฐกิจถ้าเกิดขึ้นในอนาคตที่มีนวัตกรรมมากเพียงพอ  เราก็อาจจะรับมือมันได้ดีกว่าการปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจมัน Crash จากความ Ship hai สะสมทันทีแบบตอนนี้นะครับ ( ดังนั้นผมมองว่าในระยะสั้น Government อาจจะไม่ยอมรับมันเป็น currency ครับเพราะการ intervention ทางเศรษฐกิจอาจจะยังถูกมองว่าจำเป็นมากๆ (โอเคครับทุกท่านวางเสียมและคบเพลิงลงได้แล้ว ผมกลัวแล้วครับ T_T)
.
ทำไมผมยังมองว่าทองยังเป็น store of value ที่ดีกว่า Bitcoin มาก
.
ว่าด้วยปัญหาที่แก้ไม่จบไม่สิ้นของ stable coin (Tether, Circle, DAI, UST)
.
         อันนี้หลายๆคนคงจะทราบดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกรณีความฉาวโฉ่ของ Tether ( Stable coin ที่ Backed ด้วยกระดาษชำระ) แต่ถ้าใครยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
.
          ในการเทรด Bitcoin นั้นเราจะใช้เหรียญที่ชื่อว่า Stable coin ในการเทรด ไม่ใช่ใช้เงินจริงๆ (จริงๆจะใช้ก็ได้ครับ เช่นใน Coinbase แต่  ใน Binance ใช้ stable coin กัน) Stable coin นั้นเป็นสินทรัพย์ที่สามารถ “รักษา” มูลค่ามันให้คงที่ถ้าเทียบกับเงิน Fiat ได้, โดย Stable coin ใหญ่ๆที่เรารู้จักกันก็คือ USDT (Tether), USDC (Circle), BUSD (Binance) , DAI (Maker DAO), UST (Terra) เป็นต้น
.
ซึ่งกลไกการรักษามูลค่า (peg) ของ stable coin มี 3 แบบได้แก่
.
1. ใช้ตัวกลางในการรักษามูลค่า จะมีบริษัท (Centralized) ที่ทำหน้าที่เก็บเงินไว้ แล้วแจก Token ออกมาใช้แทนเงิน ซึ่ง Stable coin ชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น Tether Circle เป็นต้น
.
2. ใช้ Crypto Asset ในการเป็นหลักประกัน เช่น DAI (Maker Dao)
.
3.  Algorithmically peg stable coin เช่น UST (Terra)
.
ปัญหาของ Centralized Stable coin
          Centralized Stable Coin ที่ใหญ่ที่สุด (Tether) นั้นมีปัญหาด้านความโปร่งใสมาก เพราะถึงแม้จะโฆษณาว่ามีสินทรัพย์รองรับ 1:1 แต่ ตัวบริษัท Tether นั้นก็ไม่เคยได้รับการตรวจสอบบัญชี (Audit) แม้แต่ครั้งเดียว มีแค่การ attestation หรือการรองรับว่ามีสินทรัพย์ดังกล่าวอยู่จริงเท่านั้นโดยบริษัทบัญชีเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Moore cayman (ที่เป็นบริษัทลูกของ Moore Auditing firm) โดยทาง Tether ก็ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับ Reserve ตัวเองว่ามีดังนี้ (ซึ่งการ Publish นี้ไม่ได้รับการยืนยันจาก Audit ว่าเป็นจริง)

           จะเห็นว่า Tether มีเงินสด (Cash) อยู่แค่ 4 % เท่านั้น และส่วนมากจะถือ Commercial Paper (ตราสารหนี้ระยะสั้น) ของบริษัทที่ไม่ทราบว่าเป็นบริษัทอะไรอีก (ซึ่งในนี้อาจจะเป็นบริษัทแบบ Evergrande หรือ บริษัทที่ Tether ตั้งมาฟอกเงินก็ได้นะครับไม่มีใครรู้) บวกกับทางบริษัท Tether ก็เคยเอาเงินบริษัทตัวเองไป Subsidized Exchange ที่มีชื่อว่า Bitfinex (ที่เคย claim ว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ทีหลังก็มายอมรับว่าเกี่ยวข้องกันด้วยครับ) และประวัติผู้ก่อตั้งที่ไม่โปร่งใสอีกด้วย (ประวัติแต่ละคนนี่สุดมากๆครับ 555+)
           อันนี้เพิ่มเติมสำหรับใครอยากลงลึกเรื่องความยิ้มของ Tether และความฉาวโฉ่ของผู้ก่อตั้ง Tether นะครับ เป็น Source ที่ผมเห็นว่าพอเชื่อถือได้ ซึ่งผมโคตรแนะนำที่จะให้ดูเลย (มีข้อมูลผิดนิดหน่อย แต่โดยมากเท่าที่ผม check ดูข้อมูลเขาก็แม่นยำมากครับ ข้อมูลจาก youtube channel Coffeezilla) และตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยถือ USDT อีกเลย 555+ (ถือแต่ BUSD) : https://youtu.be/-whuXHSL1Pg
Note : ทำไมมาดูอีกที หน้าปกคลิปมันดู Clickbait แปลกๆ แฮะ 555+

Is Tether too big to fail?
          ณ ขณะนี้อาจจะใช่ครับเพราะมันเป็น Stable Coin ที่รักษา Peg ได้ดีที่สุดในตลาดแล้ว (ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่หลายๆคน ใช้มันครับถึงแม้ Everyone and Their mother knows แล้วว่ามันไม่โปร่งใส) และถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่ง อย่าง Circle ที่โฆษณาว่าตัวเองโปร่งใสกว่า (ซึ่งก็ไม่ค่อยจริงหรอกครับ 555+ ยังไม่เคย Audit เหมือนกัน) ที่มี Market Cap เข้ามาใกล้เคียง Tether แล้ว (Circle = 50B และ Tether = 80 B) แต่ทว่า Volume การเทรดมันก็ยังน้อยกว่า Tether ถึงประมาณ 10 เท่า (แต่ถ้า Market Cap ของ USDC เริ่มมากกว่า Tether แล้ว (Circle = 50B และ Tether = 80 B) แต่ทว่า Volume การเทรดมันก็ยังน้อยกว่า Tether ถึงประมาณ 10 เท่า)
 
อ่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ต่อจากหัวข้อ ทำไมผมถึงมองว่า Bitcoin ยังเป็นไม่สามารถเป็น Currency ได้ และ เป็น store of value ที่ไม่ดีเท่ากับทอง 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.
ถ้า Tether (USDT) ถล่ม จะเกิดอะไรขึ้น ?
.

          ณ ขณะนี้ Volume การเทรด BTC มาจาก คู่ Tether ประมาณ 60% ของ Stable coin + เงิน Fiat USD ทั้งหมดครับ (อันนี้ผมคำนวณซุยๆเอาใน Coin market cap นะครับใครไม่เชื่อลองไปคำนวณเองได้) และมี Market cap ประมาณ 45 % ของ stable coin ทั้งหมด ลองคิดดูว่าถ้าจู่ๆ Tether หลุด peg แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือ อธิบายให้เห็นภาพก็คือ ถ้าสมมติว่าเงินคนที่รอซื้อ Bitcoin อยู่หายไปประมาณ 45-50% ของเงินทั้งหมด ลองนึกภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาด BTC ครับ ? 
.
Scenario สมมติเกี่ยวกับความไม่น่าเชื่อถือของ BTC และ stable coin:  
.
          ผมขอชวนคุณมาลองคิดดูเล่นๆว่า สมมติว่าคุณเป็น Hedge Fund manager รายใหญ่กำลังลงทุนอยู่ และคุณกำลังถือทรัพย์สินต่อไปนี้ :
หุ้น Growth 80 % , Gold 10 %, BTC 5% และ เงินสดกับ position อื่นๆ อีก 5 %
          คุณได้ข่าวว่าตลาดหมีกำลังจะมาเพราะว่าการขึ้นดอกเบี้ยที่ยังไม่ได้ Priced in อาจจะส่งผลกระทบกับตลาดหุ้น บวกกับข่าวสงครามชายแดน Ukraine ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้คุณเลือกที่จะขายหุ้น Growth ทั้งหมดใน พอร์ตของคุณเพื่อไปซื้อ Store of Value... คุณจะมี 2 ทางเลือกครับ
.
             1.ซื้อ BTC ที่ราคาผันผวนตามตลาดหุ้น (ตลาดหุ้นตก Bitcoin ตกตลอดครับ แทบไม่เคยสวนเลย) และ ทรัพย์สินที่ค้ำประกันราคามันอาจจะหาย ไปเมื่อไหร่ก็ได้ (เงิน Tether ของคนเทรด และ stable coin ที่ไม่น่าเชื่อถืออื่นๆ)

             2.ใช้สามัญสำนึก All in Gold และ ขาย BTC ทิ้งด้วย (ทองที่ถูกเชื่อถือเป็น store of value มานับพันปี และอย่างน้อยถ้าคุณซื้อทอง คุณก็ไม่ ต้องกังวลนะครับว่าจะมีบริษัทเอกชนแบบ Tether มาเชิดเงินคุณหนีไปเมื่อไหร่)
.
เป็นคุณจะเลือกอะไรเป็น store of value ครับ? ทองหรือ BTC ?
.
Note : บทความนี้ถูกเขียนก่อนเหตุการณ์ Ukraine ครับ ดังนั้นหลายๆท่านอาจจะเอา Use case นี้มาพูดถึงได้ เพราะ Bitcoin เป็นทรัพย์สินเดียวที่ Security สูงสุดจริงๆ (ไม่สามารถยึดได้เลย) แต่กระนั้นผมก็ยังคงคิดว่า Use case นี้ยัง Extreme พอสมควรครับ เพราะมันสามารถทดแทนด้วย Stable coins ได้ (คือ ถ้าเราเป็นชาวบ้านธรรมดา เราคงไม่กลัว Tether หรือ Coinbase ปิดบัญชีหรอกใช่ไหมครับ 555+ ดังนั้นถ้าเราจะหนีนอกประเทศ แล้วเราเลือกได้ระหว่าง USDT กับ Bitcoin ดูเหมือนว่า USDT ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอยู่ดีครับ ยกเว้นคุณจะเป็น Russian Oligarchs อ่ะนะ 555+)
ถ้าไม่ใช้ Tether แล้วจะใช้อะไรเทรดล่ะ ?
.
1. ก็ใช้ Centralized Stable coin เจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Tether สิ (เช่น USDC)
.

.
          ใช่ครับมันอาจจะแก้ปัญหาได้ชั่วคราวก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่า Centralized Stable Coins เจ้าอื่นๆ ก็สามารถทำเงินที่รองรับด้วยกระดาษชำระ แบบที่ Tether ทำได้เหมือนกัน ยกตัวอย่าง Circle ครับ ที่ตอนแรกบอกว่าทุกๆ 1 USDC จะถูก backed ด้วย 1 USD แต่ภายหลังก็สับขาหลอก ด้วยการเปลี่ยนข้อมูลใน Website จากเดิมในตอนแรก เป็น ทุกๆ 1 USDC จะถูก backed ด้วย “Asset”ใกล้เคียงเงิน ที่มีมูลค่า 1 USD  (ลองไปอ่านดูได้ที่นี่ครับ https://markets.businessinsider.com/news/currencies/coinbase-retracts-promise-that-stablecoin-backed-by-us-dollar-2021-8?utm_medium=ingest&utm_source=markets)
.
          และถึงแม้ว่า Circle จะดีกว่าตรงที่ว่า ทำ attestation ทุกๆเดือน (Tether เคยทำแค่ครั้งเดียว) แต่การทำ attestation ก็ไม่ได้เป็นการตรวจสอบอะไรเลยครับ นอกจากบอกว่า Asset ที่ว่า มีอยู่จริง (มีอะไรอยู่ในนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะ Circle เคยบอกแค่ครั้งเดียว) ลองไปอ่าน attestation ของ Circle ได้ที่ลิงค์นี้ครับ : https://www.centre.io/usdc-transparency)

Note เพิ่มเติม: แต่จริงๆ To be fair คือ Circle ก็ยอมเล่นกับผู้คุมกฎมากกว่า Tether พอสมควรครับ ดังนั้นก็คงพอมีความหวังมากพอควร
.
2. ใช้ DAI สิ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีตัวกลางเลย

.
          DAI เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แต่ว่าการที่เราจะสร้าง DAI ขึ้นมาได้นั้น เราจะต้องวาง Ether ค้ำประกันเสีย ก่อน (ผ่าน Protocol ของ Maker DAO) ดังนั้นถ้าเราต้องการจะใช้เงินเยอะๆ การที่เราจะสร้าง DAI ออกมานั้นจะทำได้ยากกว่ามากๆครับ ซึ่งปัญหานี้เรียกว่า Scalability หรือ ปัญหาที่ทำให้การใช้งานในวงกว้างทำได้ยาก ดังนั้นการที่เราจะหวังว่า DAI จะชนะ USDTหรือ USDC นั้นทำได้ยากพอสมควร (และ DAI มันก็ peg ไม่ดีเท่าด้วยครับ peg กากกว่า USDC มากๆ จึงทำให้แรงจูงใจที่จะใช้ DAI น้อยลงไปอีก)
.
3. ใช้ Algorithmically peg stable coin อย่าง UST แทนสิ

          อันนี้ปัญหาใหญ่กว่า DAI ตรงที่ว่าความมั่นคงจะน้อยกว่า Stable Coin ตัวอื่นๆมากๆ ครับ ถ้าอยากทราบการทำงานว่าเป็นยังไง แนะนำให้อ่าน  ที่ผมเขียนเกี่ยวกับกรณีศึกษาของ LUNA Ecosystem ด้านล่าง ได้ครับ(หรือไปอ่าน White paper ของ Terra Ecosystem เลยก็ได้ครับ) ว่า ทำไมผมถึงคิดว่า UST มันน่ากลัวและเปราะบางมากๆ (เอาง่ายๆคือถ้า Tether แตก UST น่าจะเป็น Stable coin ตัวแรกๆที่แตกไปตาม Tether เลยครับเนื่องด้วยกลไกของมัน)
Note เพิ่มเกี่ยวกับ UST : ยังไม่นับการที่ Luna Foundation Guard แอบทำตัวกึ่งๆ Central Bank ด้วยนะเนี่ย 555+ (ควบคุม Supply UST เพิ่มการเติบโต แต่แลกด้วยความปลอดภัยของผู้ใช้งาน) แต่ผมก็ชอบ UST นะครับ เพราะเป็นหนึ่งในคริปโตตัวเดียวที่พยายามสร้าง Mass usage แต่อย่างไรสำหรับ UST ก็ต้องรอดูต่อไปครับๆ
.
          ดังนั้นจากที่ผมเขียนมา ผมก็คิดว่า stable coin นั้นอาจจะเป็นปัญหาที่ ขัดขวาง การนำไปใช้เป็น store of value ของ BTC อย่างชัดเจน เพราะว่ามูลค่าของ BTC ปัจจุบันยังถูก Backed ด้วย stable coin ที่ไม่น่าเชื่อถือเหล่านี้อยู่มาก ดังนั้นถ้าผมเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ผมคงจะไม่เก็บเงินใน BTC ในฐานะ safe haven ครับ
.
และนอกจากปัญหาเรื่อง stable coins แล้วยังมีปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับ BTC เช่น
.
ปัญหาการ Centralized ของ Exchange เช่น Binance ที่อาจทำ Crypto ใน Cold wallet หาย หรือ Exchange ล่มเป็นเวลานาน ส่งผลต่อตลาดของ BTC (ทองยังซื้อที่อื่นได้เยอะมากๆครับ และเราทำ Gold Bar หายทีละเยอะๆ แบบหายไป 2 % จากตลาดทั้งหมดทีเดียวไม่ได้แน่ๆ)
.
ปัญหาเรื่องรัฐบาลที่ชอบทำ Byzantine rule ทำให้การใช้ BTC ทำได้ไม่สะดวก (ในไทยก็ทำแล้วครับเกี่ยวกับ ภาษี)
เป็นต้น
note : ในอเมริกาก็ทำด้วยครับ ทำให้ custodial wallet ที่คิดภาษีให้อย่าง Coinbase มีการใช้งานเยอะมากๆ (ซึ่งผิดคอนเซปของ Bitcoin)
.
สรุปเกี่ยวกับ BITCOIN
.
           เพื่อนๆพี่ๆที่เชียร์ BTC และคิดว่าตอนนี้ราคายังถูกอยู่และยังไปได้ต่อ คิดว่าอย่างไรบ้างครับกับ statement เหล่านี้ของผม ? เพราะโดยรวมแล้วผมคิดว่า BTC ในตอนนี้ยังไม่ work และอาจจะต้องให้เวลากับมันมากกว่านี้หลายปี บวกกับในช่วงนี้ตลาดกำลังอยู่ในภาวะเก็งกำไรมากๆ (ไม่เชื่อไปดู Nasdaq หรือไม่ก็กองทุน Arkk ที่เพิ่งแตกพ่ายไปได้ครับผม ว่าก่อนหน้านี้มันขึ้นมาเยอะขนาดไหนจาก Excess liquidity) จึงทำให้ดูเหมือนว่า Bitcoin ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในสภาวะฟองสบู่ เก็งกำไรเช่นเดียวกับสินทรัพย์เหล่านี้ และอาจจะเจอกับความผันผวนในตลาดไปอีกนานจนกว่า organic use case ทั้งสองของ BTC (store of value และ currency) จะถูกนำมาใช้ได้จริงโดยที่ปัญหาทั้งหมดถูกแก้ออกไปครับ (จริงๆ Use case ด้าน Security ยังพอได้อยู่ แต่มัน extreme เกินไปครับๆ) 
.
Note: บางคนบอกว่า BTC จะราคาไม่ต่ำกว่า 30000 ดอลล่าร์ เพราะว่าเป็นต้นทุนของวาฬและเป็นต้นทุนของเหมือง อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับการรักษาราคาของ BTC (เพราะถ้าผมจะขาย ผมก็คงไม่ได้สนต้นทุนอะไรเหมือนกันครับ และต้นทุนเหมืองมันก็อาจจะสูงผิดธรรมชาติเนื่องด้วยการที่การ์ดจอขาดตลาดเหมือนกัน) ถ้าใครรู้ช่วยอธิบายให้ผมฟังด้วยจะขอบคุณมากเลยครับ
.
Note 2: จริงๆ เราไม่ต้องใช้ stable coin ซื้อ BTC ก็ได้ครับ เราสามารถซื้อด้วย Fiat โดยตรงเลยก็ได้ แต่ในปัจจุบัน Volume ของ BTC/USD ก็ยังต่ำกว่า BTC/USDT มากๆครับ ทำให้ผมมองว่า Stable coin ยังเป็นปัญหาหลักอยู่ดี
.
Note 3: ความเห็นส่วนตัวของผมเกี่ยวกับ BTC คือ ผมชอบมัน และผมคิดว่า BTC “อาจจะ” มีศักยภาพในการเป็นสินทรัพย์ในอนาคตครับ (แต่มันก็อาจจะ go to 0 ได้เช่นกันนะครับไม่มีใครรู้ NFA นะครับ) แต่จากที่ผมวิเคราะห์สภาพตลาด + ปัญหาของ Bitcoin จึงทำให้ผมสรุปได้ว่า Bitcoin ในปัจจุบันยังใช้แค่เป็นการเก็งกำไรอยู่ และที่ราคาขึ้นมาสูงมากเพราะว่าขณะนี้มีสภาพคล่องจากตลาดอื่นๆที่ล้นเหลือมาเก็งกำไรครับ ส่วนตัวคงเก็บ BTC ไปเรื่อยๆ แต่เก็บช่วงนี้น้อยหน่อย (ถ้ามันขึ้นไป 100 k ในปีนี้ผมก็ยอมตกรถแหละครับ ดีกว่าดอยตอนมันตก 30 k) เพราะมองว่าตลาดหุ้นกำลังจะเกิด correction ครับ ช่วงนี้ถ้าผมลงทุนได้ (ผมอายุไม่ถึงที่จะซื้อหุ้นและกองทุนครับ 555+) ผมคงเลือกฟาร์มหุ้นเวียดนามตาม ดร.นิเวศน์ ซะส่วนมากครับ ใช่ครับคนที่วัยรุ่นคริปโต + เม่าไทยใจหุ้นเทคและจีโนมิคส์เมกา(ของคุณแม่บางคุณแม่ ที่หลายๆคนกำลังดอยที่ 150 ดอล อยู่นั่นแหละครับ) ด่าว่าแกเป็นไดโนเสาร์ ไม่ทันโลกอ่ะแหละ  (อันนี้ก็ NFA เหมือนกัน ครับ ดร. แกอาจจะพาดอยเวียดนามก็ได้ 555+)
.
*** หมายเหตุ : NFA = Not Financial Advice หรือ ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินครับ เผื่อใครอ่านแล้วไป Yolo all in ซื้อ Call หุ้นเวียดนามแล้วหมดตัว อันนี้ผมไม่รับผิดชอบนะครับ
หมายเหตุ 2 : Bitcoin to 0 is still a possibility na kub NFA , ที่ผมบอกว่าจะใส่เงินบงไปคือเตรียมเสียมันเรียบร้อยแล้ว
.

Note 4 (นอกเรื่อง): ผมลืม ADA stable coin ที่ peg ด้วยศรัทธา (Faith-pegged Stable coin หรือระบบ pegged ด้วยความศรัทธาว่ามันจะ 1 ดอลล่าร์ตลอด) ไปครับขอโทษทุกท่านด้วย อันนี้ผมยังไม่ได้ศึกษา และไม่แน่ใจว่า peg mechanism มันจะอยู่รอดมั้ย เพราะตอนนี้ก็เริ่มหลุดๆ peg ไปแล้วเหมือนกัน เลยยังไม่ค่อยแน่ใจ (ใครที่ถือเยอะๆ ก็มาพูดคุยเกี่ยวกับ peg mechanism ของ ADA ได้นะครับ ว่าคุณท่านขาดทุนหรือได้กำไรจากการ Arbitrage Faith-peg นี้ยังไงบ้าง เพราะผมก็สนใจเหมือนกัน แต่จริงๆที่เคยเห็นก็น่ากลัวอยู่ครับ เพราะเห็นคนขาดทุนจากการ Arbitrage Stable coin ตัวนี้ที่ ราคา 3 ดอลล่าร์มาเยอะ  สำหรับผมแล้ว ADA ก็อาจจะมี Potential ที่จะมาแทน Tether พอสมควรนะครับเพราะเห็น DEV และ Fanclub ไปเที่ยวโฆษณาอยู่เยอะเลย แถม Market Cap เยอะมากๆด้วย อย่างไรก็ตามผมก็ขอติดตาม Faith pegged stable coin ตัวนี้ต่อไปครับ ว่าราคามันจะ peg อยู่อย่างนี้ได้ตลอดหรือเปล่า)
.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวจะไปต่อเรื่อง Alt Coin หลักต่างๆ (ETH,SOL,AVAX) ใน comment ต่อไปนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่