💗มาลาริน🇹🇭22ก.พ.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย18,363คน หายป่วย15,651คน ตาย35 คน/พบกลุ่ม608ป่วยหนักเสียชีวิต/ใช้สิทธิ UCEP ต่อ



https://www.bangkokbiznews.com/news/989639

https://www.hfocus.org/content/2022/02/24513



เมื่อวันที่ 22 กพ. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ชี้แจง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกรณีการใช้สิทธิ UCEP ยังจะให้ดำเนินการต่อไป เหมือนช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด–19 ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ตนจึงเสนอให้มีการเลื่อนการใช้สิทธิ UCEP ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
 
“รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ได้ว่าจะสามารถดูแล รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมการต่างๆ เอาไว้ และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ความเหมาะสม แม้ว่าแต่เดิมคิดปรับเปลี่ยนมาตรการเป็น UCEP Plus แต่ในเมื่อมีการแพร่ระบาดขณะนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ปรับเปลี่ยนมาตรการไปตามสถานการณ์ของแต่ละช่วง จึงมีการขยายเวลาการใช้สิทธิ UCEP ออกไปอีก ”นายอนุทิน กล่าว

https://www.posttoday.com/social/general/676334

นานาเรียน ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

เราต้องผ่านไปให้ได้......
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.30 น.
https://web.facebook.com/fanmoph/videos/379370560671478/
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
22 กุมภาพันธ์ 2565


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 21 ก.พ. 2565)
รวม 121,915,999 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 190,673 โดส

เข็มที่ 1 : 36,655 ราย
เข็มที่ 2 : 24,981 ราย
เข็มที่ 3 : 129,037 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 53,163,555 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 49,496,871 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 19,255,573 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508643290754000


เตือนภัย โควิด “ระดับ 4” ทั่วประเทศ แนะนำ งดไปสถานที่เสี่ยง งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ เน้น WFH ชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ถ้าไม่จำเป็น

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น และคาดว่ายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ จึงต้องช่วยกันชะลอการติดเชื้อ ซึ่งที่ผ่านมาได้แจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 4 มีคำแนะนำคือ งดไปสถานที่เสี่ยง งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ เน้นทำงานที่บ้าน และชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ถ้าไม่จำเป็น แต่ขณะนี้ประชาชนอาจรู้สึกว่าโรคมีความรุนแรงน้อยลง ทำให้ใช้ชีวิตผ่อนคลายมากขึ้น จึงต้องขอย้ำทุกจังหวัดทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ และมีมาตราการเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยควบคุมป้องกันโรค ชะลอการระบาดได้ เพราะแม้ความรุนแรงของโอมิครอนจะต่ำกว่าเดลตาเกือบ 10 เท่า แต่หากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยทำงานที่มีการรวมกลุ่มสังสรรค์ ดื่มสุรา อาจติดเชื้อและนำไปแพร่ลงสู่ครอบครัว ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวที่บ้าน ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อรุนแรงและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ไม่ไปไปสถานที่แออัด งดการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร สังสรรค์ และเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนด จะช่วยป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ ส่วนสถานประกอบการต่าง ๆ ให้เข้มมาตรการ COVID Free Setting

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508653780752951


กรมอนามัย ย้ำนักท่องเที่ยวเคร่งครัด Universal Prevention
สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ เลี่ยงแออัด

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามหลัก UP (Universal Prevention) พร้อมย้ำช่วยกันลดปริมาณขยะ คัดแยกขยะ และทิ้งลงถังอย่างถูกต้อง

จากกรณีการนำเสนอข่าว จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการแออัดในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย เชื้อโควิด-19 ซึ่งจากผลการสำรวจอนามัยโพล เรื่องการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในสถานที่ท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 4-18 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า สิ่งที่นักท่องเที่ยวทำได้มากที่สุดคือ สวมหน้ากากตลอดเวลา ร้อยละ 98 รองลงมาคือ ล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกอฮอล์ ร้อยละ 95 ทางด้านสถานที่ท่องเที่ยว ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยกำหนดจุดเข้า-ออก และวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามากที่สุด ร้อยละ 83 รองลงมาคือ มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 62 และมีการกำกับ การสวมหน้ากากตลอดเวลา ร้อยละ 61 ตามลำดับ แต่ก็ยังพบมีความเสี่ยงในสถานที่ท่องเที่ยว โดยพบมากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวหนาแน่นและแออัด ไม่เว้นระยะห่าง ร้อยละ 64 รองลงมาคือ มีคนไม่สวมหน้ากาก หรือสวมไม่ถูกต้อง ร้อยละ 46 และ ห้องน้ำ ห้องส้วม ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น ร้อยละ 34 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ประชาชนที่เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ยังคงต้องปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และคุมเข้มตนเองขั้นสูงสุดตามหลัก UP (Universal Prevention) ด้วยการเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้า ใส่ให้แนบสนิทกับใบหน้า ปิดทั้งจมูกและปากตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ หากมีความเสี่ยง ให้แยกตัวจากผู้อื่น และตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ให้ตรวจซ้ำ หลังจากตรวจครั้งแรก 3 – 5 วัน หรือเมื่อมีอาการ

ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508658510752478


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 35 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508666494085013


สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดทั่วโลกที่มีการระบาดอย่างรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย พบว่าขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อให้การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ สธ. มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง นายแพทย์ สสจ. ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ดำเนินการ 4 ข้อ ดังนี้

1. เตรียมความพร้อมเตียง ระบบการดูแลรักษา และบุคลากรทางการแพทย์
2. ประชาสัมพันธ์เบอร์ติดต่อ รพ. เมื่อผู้ป่วยติดโควิด
3. เร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
4. สื่อสารให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองและครอบครัว ตามมาตรการของ สธ.

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508695540748775



ช่วงนี้หลายพื้นที่มีคนติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น หากอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
และมีอาการผิดปกติคล้ายหวัด ควรตรวจ ATK เพื่อดูแลตัวเอง และป้องกันคนรอบข้าง

ที่มา : สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508708394080823


กทม.อัพเดทเบอร์แจ้งผู้ป่วยโควิด
เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลในกรุงเทพฯ
*สายด่วน สปสช. 1330 กด 14
*สายด่วน 1669 กด 2
*สายด่วยโควิด (EOC) 50 เขต

ที่มา : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508715067413489


แบบประเมินความเสี่ยงสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 (Self assessment)
"หมอพร้อม Chatbot"

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/508717437413252


ครม. อนุมัติ 150.69 ล้านบาท แก้ปัญหาโควิดในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติการแก้ไขปัญหาการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานวงเงินรวม 150.69 ล้านบาท  เพื่อให้กรมราชทัณฑ์นำไปจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาการระบาดโรคโควิด-19 จำนวน 19 รายการ ให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ได้แก่ ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวน 162,000 ตัว หน้ากากอนามัย N95 162,000 ชิ้น  ถุงมือยาง 540,000 คู่ ชุดตรวจ ATK จำนวน 454,674 ชุด นอกจากนี้ ยังมี แอลกอฮอล์น้ำ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว น้ำยาตรวจหาเชื้อไวรัส (น้ำยา PCR ) เป็นต้น เพื่อแจกจ่ายให้กับเรือนจำและทัณฑสถานที่มีความจำเป็นต้องใช้แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ที่มา : โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/508764577408538


วิธีดูแลเด็กเล็กติดโควิด-19 แบบ Home Isolation   

ปัจจุบันมีเด็กติดโควิดทั้งแบบแสดงอาการ - ไม่แสดงอาการ เป็นจำนวนมาก ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องคอยสังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

กรณีเด็กอายุไม่เกิน 11 ปีบริบูรณ์ พักในพื้นที่ กทม. หากผู้ปกครองสะดวกทำ Home Isolation สามารถติดต่อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ Home Isolation ได้ โดย สปสช. จะดำเนินการจับคู่หน่วยบริการที่ดูแล คือ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ (รพ.เด็ก) โดยตรง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/320062930156445
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่