สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
อ่านหลาย ๆ คห แล้วรู้สึกงงมาก
บ้างก็ว่า จขกท เผือกเกิน ยุ่งเกิน… เดี๋ยวก่อน เพื่อนเค้าเป็นคนโทรมาขอปรึกษากับ จขกท นะ
บ้างก็ว่าต้องทำความเข้าใจกับคำว่ากัลยานมิตรใหม่
โอ้โห ไปไกลมาก จนงงว่า ในชีวิตไม่ค่อยได้เจอใครที่มีความคิดเห็นแบบไม่ได้ตรงใจเราบ้างหรอ
แบบเสนอความคิดเห็นที่ไปคนละทางกับเรา แต่ก็คุยกันด้วยเรื่องข้อดี ข้อเสีย ของสิ่งที่เสนอแต่ละด้าน…
ในเมื่อโทรมาปรึกษา อยากได้มุมมองของคนนอก
ซึ่งบางทีเวลาที่เราเครียดหนัก มันจะตื้อคิดอะไรไม่ออก
การได้คำแนะนำของคนนอก บางทีก็ทำให้เห็นทางที่เราไม่ทันได้คิดมาก่อน
คำว่ากัลยานมิตร คือต้องเออ ออ หรือพอเห็นเพื่อนกำลังจะต้องเจอปัญหาเรื่องเงิน เพราะการวางแผนยังดูไม่ค่อยแน่นอน
ก็ต้องเงียบไว้ เพราะเดี๋ยวเพื่อนเสียกำลังใจ แต่ถ้าต่อไปเพื่อนเจอวิกฤติการเงิน ก็แค่รอปลอบใจเค้า ทั้ง ๆ ที่เราสามารถเตือนเค้าได้ก่อนอะไรแบบนั้นหรอ ???
เราว่า สิ่งที่ จขกท พลาดไปอย่างเดียวเลย… ก็คือไม่ทันสังเกตุว่าเพื่อนเป็น type ที่แค่อยากบ่นระบาย
ไม่ได้อยากได้ความคิดเห็น ทั้ง ๆ ที่โทรมาบอกว่าอยากปรึกษาก็เหอะ อยากได้แค่คำพูดที่สนับสนุนเท่านั้น
ต่อให้เสนออะไรไป หรือเตือนอะไรไป ยังไงก็สู้สิ่งที่ตัวเค้าเลือกไม่ได้หรอก…
คือพอเพื่อนมาปรึกษาก็เป็นห่วงจริงจัง คิดว่าเพื่อนอยากได้ความเห็นจริง ๆ เลยตั้งใจวิเคราะห์ปัญหา และทางเลือกที่เพื่อนกำลังเจออยู่
คนบางคนก็บ่น เพื่อแค่จะหาที่ระบาย ไม่ได้อยากได้ความคิดเห็น
คนไทยอ่ะมีแบบนี้เยอะ… ถ้าเป็นสังคมฝรั่งจะตรงไปตรงมามากกว่า
ถ้าเราเป็น จขกท เราจะเป็นคนถอยห่างจากเค้ามาเอง
เค้าเป็นคนมั่นใจตัวเองสูง ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามไปแนะนำอะไรเค้า
มีแต่เสีย ทั้งเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเพื่อน
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ
บ้างก็ว่า จขกท เผือกเกิน ยุ่งเกิน… เดี๋ยวก่อน เพื่อนเค้าเป็นคนโทรมาขอปรึกษากับ จขกท นะ
บ้างก็ว่าต้องทำความเข้าใจกับคำว่ากัลยานมิตรใหม่
โอ้โห ไปไกลมาก จนงงว่า ในชีวิตไม่ค่อยได้เจอใครที่มีความคิดเห็นแบบไม่ได้ตรงใจเราบ้างหรอ
แบบเสนอความคิดเห็นที่ไปคนละทางกับเรา แต่ก็คุยกันด้วยเรื่องข้อดี ข้อเสีย ของสิ่งที่เสนอแต่ละด้าน…
ในเมื่อโทรมาปรึกษา อยากได้มุมมองของคนนอก
ซึ่งบางทีเวลาที่เราเครียดหนัก มันจะตื้อคิดอะไรไม่ออก
การได้คำแนะนำของคนนอก บางทีก็ทำให้เห็นทางที่เราไม่ทันได้คิดมาก่อน
คำว่ากัลยานมิตร คือต้องเออ ออ หรือพอเห็นเพื่อนกำลังจะต้องเจอปัญหาเรื่องเงิน เพราะการวางแผนยังดูไม่ค่อยแน่นอน
ก็ต้องเงียบไว้ เพราะเดี๋ยวเพื่อนเสียกำลังใจ แต่ถ้าต่อไปเพื่อนเจอวิกฤติการเงิน ก็แค่รอปลอบใจเค้า ทั้ง ๆ ที่เราสามารถเตือนเค้าได้ก่อนอะไรแบบนั้นหรอ ???
เราว่า สิ่งที่ จขกท พลาดไปอย่างเดียวเลย… ก็คือไม่ทันสังเกตุว่าเพื่อนเป็น type ที่แค่อยากบ่นระบาย
ไม่ได้อยากได้ความคิดเห็น ทั้ง ๆ ที่โทรมาบอกว่าอยากปรึกษาก็เหอะ อยากได้แค่คำพูดที่สนับสนุนเท่านั้น
ต่อให้เสนออะไรไป หรือเตือนอะไรไป ยังไงก็สู้สิ่งที่ตัวเค้าเลือกไม่ได้หรอก…
คือพอเพื่อนมาปรึกษาก็เป็นห่วงจริงจัง คิดว่าเพื่อนอยากได้ความเห็นจริง ๆ เลยตั้งใจวิเคราะห์ปัญหา และทางเลือกที่เพื่อนกำลังเจออยู่
คนบางคนก็บ่น เพื่อแค่จะหาที่ระบาย ไม่ได้อยากได้ความคิดเห็น
คนไทยอ่ะมีแบบนี้เยอะ… ถ้าเป็นสังคมฝรั่งจะตรงไปตรงมามากกว่า
ถ้าเราเป็น จขกท เราจะเป็นคนถอยห่างจากเค้ามาเอง
เค้าเป็นคนมั่นใจตัวเองสูง ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามไปแนะนำอะไรเค้า
มีแต่เสีย ทั้งเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเพื่อน
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ
ความคิดเห็นที่ 41
…อันนี้ผมพูดตามความรู้สึกผมนะ มันอาจจะดูเลื่อนลอยไม่ตรงกับทฤษฎีอะไรใด ๆ เลยนะครับ
ไม่รู้สิ คือในความรู้สึกผม เหมือนคุณเจ้าของกระทู้จะขีดเส้น"อุดมคติ"ของตัวเองน่ะครับว่าต้องทำอย่างนี้อย่างจริงจังสิ!!
ทำแบบนั้น(แบบที่เพื่อนคุณเป็น)มันเลื่อนลอยไม่แน่นอนนะ อินเป็นพัก ๆ เบื่อเป็นพัก ๆ ทำไมกันล่ะ!!!
ซึ่ง…ทุกคนไม่ได้มีแนวทางการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เป็นแพทเทิร์นเดียวกันน่ะครับ แต่ละคนความชอบต่างกัน
มันไม่ใช่การวิ่งแข่งที่"เธอต้องวิ่งตรงไปข้างหน้าสิถึงจะเข้าเส้นชัย!!!" มันคือ"การใช้ชีวิต"น่ะครับ
คือคุณเจ้าของกระทู้ไม่ผิดนะที่เตือนเพื่อน แต่อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเองที่คิดว่า"ต้องทำอย่างนี้สิ!!"ไปตีเส้นคนอื่นน่ะครับว่าถ้าไม่ตรงตามนี้
ถ้าไม่จริงจัง ถ้าอินเป็นพัก ๆ คือไม่โอเคนะ
เอาแค่อย่างดูหนังดูละคร วันนึงอินโหมโรงกันทั่วบ้านทั่วเมือง คนแห่ไปเรียนดนตรีไทยกัน
วันนึงบุพเพฯ ฮิต คนหันไปหามะม่วงน้ำปลาหวานใส่ชุดไทย หัดทำหมูโสร่งกัน แล้ววันนึงมันก็ซา
ความชอบคนไม่มีผิดมีถูกครับ การอินเป็นพัก ๆ ชอบเป็นพัก ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย มันเป็นนิสัยส่วนตัวที่เจ้าตัวเขาสะดวกจะเป็นแบบนี้น่ะครับ
การที่คุณเจ้าของกระทู้ไปเตือน เหมือนไปชี้หน้าเขาอ่ะว่านิสัยแบบนี้ไม่ดีไม่ใช่
ทั้ง ๆ มันก็นิสัยเขา ความตั้งใจของเขา ความรับผิดชอบของเขา เงินเขา ต่อให้วันนึงเขาเกิดบ้าเลือดเปิดโรงงานแล้วทำได้สองวันเลิก มันก็ชีวิตเขาอ่ะครับ
อย่างผมเองก่อนหน้านี้อยู่ในคณะนาฏศิลป์ แล้วมาเป็นบาริสต้า แล้วมาเรียนนวดแผนไทยจนไปอยู่ร้านจริงจัง ไปสอบใบกระทรวงแรงงาน
แล้วไปเป็นบาร์เทนเดอร์ ไปรับจ้างแบกของในโกดังตอนไม่มีงาน(พอดีตอนนั้นช่วงวันเซลล์รายได้ดีน่ะครับเลยไปหาค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ 😁)
เคยทำเค้กขายที่ตลาดรถไฟ มาตอนนี้คอยเป็นที่ปรึกษาภาษาไทยให้รุ่นน้องที่เรียนเอกไทย และไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะไปทางไหนต่อ
ถ้ามีคนมาบอกผมว่าทำไมไม่…ล่ะ จะมาทำนั่นอย่างนี่อย่างไม่ได้นะ ผมก็คงจะขมวดคิ้วว่าแล้วคุณเป็นใครเหรอ ต่อให้เป็นคนสนิทของผมก็เถอะ ถ้าผมทำตามแล้วมันออกมาไม่ได้อย่างที่คิดคุณจะซัพพอร์ทชีวิตหลังจากนั้นของผมไหม
อย่างที่คุณความเห็นบน ๆ บอกน่ะครับ ทุกคนมีจุดที่เคารพตัวเองอยู่ ไม่ว่าจะดีจะร้ายก็ไม่ต้องการให้ใครมากระทบตรงนั้น
จุดบอดของตัวเองน่ะผมคิดว่าทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วแหละ
สมมติว่าวันนี้ผมเกิดครึ้มอกครึ้มใจซื้อของซื้อเตาทำเค้กขาย ผ่านไปครึ่งเดือนเอออยากขายหมูปิ้งว่ะไปรับหมูมาขาย
มาอีกวันเออนี่ซื้อเตาทาโกะยากิมาแล้วนะ หายไปสองเดือนผมไปยืนเกลี่ยแป้งเครปอยู่ที่ไหนสักที่
ผมก็คงรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่ามันสิ้นเปลืองจริง แต่ผมชอบอ่ะ ผมสนุกที่ได้ลอง ผมชอบที่ได้ทำ
แล้วถ้ามีคนมาชี้ย้ำ ๆ ตรงจุดนั้น(ที่ผมก็ไม่ได้โอเคกับนิสัยนี้เท่าไหร่หรอก)ว่าทำไมฟุ่มเฟือยจังวะ ประหยัดหน่อยสิ อนาคตจะอดตายนะโว้ยยย
ใช้เงินเป็นเบี้ยเลย ทำอะไรจริงจังซักอย่าง รู้ค่าของเงินไหม แก่ตัวไปจะอยู่ยังไง เก็บเงินออมเงินแบบนี้สิ บลา ๆ ๆ
ซึ่งมันก็เป็นคำพูดที่ถูกแหละ ถูกต้องทุกคำ รู้ว่าหวังดี แต่แบบ…นะ
จะให้ผมยิ้มรับหน้าชื่น"เออว่ะ ใช่จริง ๆ ด้วย ต่อไปกุอดตายแน่เลย" มันก็คงไม่ใช่น่ะครับ เพราะผมเลือกแล้ว ถ้าผมคิดจะปักหลักผมก็คงปักหลักตั้งแต่อาชีพแรกความชอบแรกแล้วแหละ ถึงจะเจ๊งกลับมาแต่ผมก็ชอบที่จะได้ลองแบบนี้ ถึงยืดยาวมาจนถึงป่านนี้ไง!!
ชีวิตคนมันซับซ้อน บางครั้งก็เหมือนน้ำที่ต่อให้เจอทางตันก็ซอกแซกหาทางไหลไปจนได้ บางทีคลื่นชีวิตก็พัดพาไปไม่แน่นอน ไม่ได้เดินตรงทางอย่างชีวิตในฝัน
คุณน่าจะดีใจมากกว่านะที่เพื่อนคุณหาทางเอาตัวรอดไปได้เรื่อย ๆ หาช่องทางตักตวงเอาดาบหน้าตามสถานการณ์
ถึงอาจจะดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ รู้อย่างเป็ดไม่ได้รู้แจ้งเป็นเอตทัคคะ
แต่ยังไงก็คงไม่อับจนหรอกครับ🙂
ไม่รู้สิ คือในความรู้สึกผม เหมือนคุณเจ้าของกระทู้จะขีดเส้น"อุดมคติ"ของตัวเองน่ะครับว่าต้องทำอย่างนี้อย่างจริงจังสิ!!
ทำแบบนั้น(แบบที่เพื่อนคุณเป็น)มันเลื่อนลอยไม่แน่นอนนะ อินเป็นพัก ๆ เบื่อเป็นพัก ๆ ทำไมกันล่ะ!!!
ซึ่ง…ทุกคนไม่ได้มีแนวทางการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์เป็นแพทเทิร์นเดียวกันน่ะครับ แต่ละคนความชอบต่างกัน
มันไม่ใช่การวิ่งแข่งที่"เธอต้องวิ่งตรงไปข้างหน้าสิถึงจะเข้าเส้นชัย!!!" มันคือ"การใช้ชีวิต"น่ะครับ
คือคุณเจ้าของกระทู้ไม่ผิดนะที่เตือนเพื่อน แต่อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเองที่คิดว่า"ต้องทำอย่างนี้สิ!!"ไปตีเส้นคนอื่นน่ะครับว่าถ้าไม่ตรงตามนี้
ถ้าไม่จริงจัง ถ้าอินเป็นพัก ๆ คือไม่โอเคนะ
เอาแค่อย่างดูหนังดูละคร วันนึงอินโหมโรงกันทั่วบ้านทั่วเมือง คนแห่ไปเรียนดนตรีไทยกัน
วันนึงบุพเพฯ ฮิต คนหันไปหามะม่วงน้ำปลาหวานใส่ชุดไทย หัดทำหมูโสร่งกัน แล้ววันนึงมันก็ซา
ความชอบคนไม่มีผิดมีถูกครับ การอินเป็นพัก ๆ ชอบเป็นพัก ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย มันเป็นนิสัยส่วนตัวที่เจ้าตัวเขาสะดวกจะเป็นแบบนี้น่ะครับ
การที่คุณเจ้าของกระทู้ไปเตือน เหมือนไปชี้หน้าเขาอ่ะว่านิสัยแบบนี้ไม่ดีไม่ใช่
ทั้ง ๆ มันก็นิสัยเขา ความตั้งใจของเขา ความรับผิดชอบของเขา เงินเขา ต่อให้วันนึงเขาเกิดบ้าเลือดเปิดโรงงานแล้วทำได้สองวันเลิก มันก็ชีวิตเขาอ่ะครับ
อย่างผมเองก่อนหน้านี้อยู่ในคณะนาฏศิลป์ แล้วมาเป็นบาริสต้า แล้วมาเรียนนวดแผนไทยจนไปอยู่ร้านจริงจัง ไปสอบใบกระทรวงแรงงาน
แล้วไปเป็นบาร์เทนเดอร์ ไปรับจ้างแบกของในโกดังตอนไม่มีงาน(พอดีตอนนั้นช่วงวันเซลล์รายได้ดีน่ะครับเลยไปหาค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ 😁)
เคยทำเค้กขายที่ตลาดรถไฟ มาตอนนี้คอยเป็นที่ปรึกษาภาษาไทยให้รุ่นน้องที่เรียนเอกไทย และไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะไปทางไหนต่อ
ถ้ามีคนมาบอกผมว่าทำไมไม่…ล่ะ จะมาทำนั่นอย่างนี่อย่างไม่ได้นะ ผมก็คงจะขมวดคิ้วว่าแล้วคุณเป็นใครเหรอ ต่อให้เป็นคนสนิทของผมก็เถอะ ถ้าผมทำตามแล้วมันออกมาไม่ได้อย่างที่คิดคุณจะซัพพอร์ทชีวิตหลังจากนั้นของผมไหม
อย่างที่คุณความเห็นบน ๆ บอกน่ะครับ ทุกคนมีจุดที่เคารพตัวเองอยู่ ไม่ว่าจะดีจะร้ายก็ไม่ต้องการให้ใครมากระทบตรงนั้น
จุดบอดของตัวเองน่ะผมคิดว่าทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วแหละ
สมมติว่าวันนี้ผมเกิดครึ้มอกครึ้มใจซื้อของซื้อเตาทำเค้กขาย ผ่านไปครึ่งเดือนเอออยากขายหมูปิ้งว่ะไปรับหมูมาขาย
มาอีกวันเออนี่ซื้อเตาทาโกะยากิมาแล้วนะ หายไปสองเดือนผมไปยืนเกลี่ยแป้งเครปอยู่ที่ไหนสักที่
ผมก็คงรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่ามันสิ้นเปลืองจริง แต่ผมชอบอ่ะ ผมสนุกที่ได้ลอง ผมชอบที่ได้ทำ
แล้วถ้ามีคนมาชี้ย้ำ ๆ ตรงจุดนั้น(ที่ผมก็ไม่ได้โอเคกับนิสัยนี้เท่าไหร่หรอก)ว่าทำไมฟุ่มเฟือยจังวะ ประหยัดหน่อยสิ อนาคตจะอดตายนะโว้ยยย
ใช้เงินเป็นเบี้ยเลย ทำอะไรจริงจังซักอย่าง รู้ค่าของเงินไหม แก่ตัวไปจะอยู่ยังไง เก็บเงินออมเงินแบบนี้สิ บลา ๆ ๆ
ซึ่งมันก็เป็นคำพูดที่ถูกแหละ ถูกต้องทุกคำ รู้ว่าหวังดี แต่แบบ…นะ
จะให้ผมยิ้มรับหน้าชื่น"เออว่ะ ใช่จริง ๆ ด้วย ต่อไปกุอดตายแน่เลย" มันก็คงไม่ใช่น่ะครับ เพราะผมเลือกแล้ว ถ้าผมคิดจะปักหลักผมก็คงปักหลักตั้งแต่อาชีพแรกความชอบแรกแล้วแหละ ถึงจะเจ๊งกลับมาแต่ผมก็ชอบที่จะได้ลองแบบนี้ ถึงยืดยาวมาจนถึงป่านนี้ไง!!
ชีวิตคนมันซับซ้อน บางครั้งก็เหมือนน้ำที่ต่อให้เจอทางตันก็ซอกแซกหาทางไหลไปจนได้ บางทีคลื่นชีวิตก็พัดพาไปไม่แน่นอน ไม่ได้เดินตรงทางอย่างชีวิตในฝัน
คุณน่าจะดีใจมากกว่านะที่เพื่อนคุณหาทางเอาตัวรอดไปได้เรื่อย ๆ หาช่องทางตักตวงเอาดาบหน้าตามสถานการณ์
ถึงอาจจะดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ รู้อย่างเป็ดไม่ได้รู้แจ้งเป็นเอตทัคคะ
แต่ยังไงก็คงไม่อับจนหรอกครับ🙂
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยกับคุณ #5 ว่าล้ำเส้นไปจริงๆ
เขาทำให้ จขกท เดือดร้อนไหม เขามายืมเงินหรือเปล่า
ก็น่าจะไม่นี่นะ
เราไม่เห็นว่าเพื่อนคุณผิดอะไร
ลองทำทุกอย่างที่สนใจ ในเมื่อเขามีโอกาส เขาก็อยากลอง
เขาไม่ผิดอะไรนี่คะ
เขาขอทุน เพราะคิดว่าจะได้ ต่อมาไม่ได้ ถามว่าเขาผิดเหรอคะ?
แล้วญาติช่วยจ่าย คือเขาอาจจะไปตกลงอะไรกันไว้แล้ว แต่ต่อมาญาติอาจจะมีปัญหาเลยเลิกช่วย
แล้วเพื่อนผิดยังไงคะ?
คนอื่นนินทาว่าไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์?
เพื่อนคุณมีอะไรไม่เหมาะเป็นอาจารย์เหรอคะ มีพฤติกรรมเสื่อมเสียเหรอ หรือยังไง
คือเพื่อนยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย แต่มีคนมาว่าเพื่อน
แทนที่คุณจะเข้าข้างเพื่อน สนับสนุนเพื่อน กลับโอนเอนไปตามคนพวกนั้น
แล้วเอามาเขียนในกระทู้เหมือนจะให้เป็นข้อมูลสนับสนุนว่าเพื่อนไม่ดีนะ คนอื่นยังมองว่าไม่ดีเลยนะ
ต่อมาไม่มีเงิน เพราะญาติไม่ช่วย
เพื่อนก็ไปหางานทำ มีอุปสรรค แต่สุดท้ายเขาหางานที่เหมาะกับเขาได้ รายได้ดี
เขาก็บอกว่าจะทำงานเก็บเงินก่อน เรื่องเรียนค่อยคิด
อ่านมาไม่เห็นเขาผิดอะไรตรงไหนเลยค่ะ
เขาไม่ได้รบกวนคุณ ไม่ได้มายืมเงินแล้วไม่คืน เขาแค่มาปรึกษา มาระบายให้ฟัง
ที่คุณตำหนิเขาคืออะไรคะ
คืออคติของคุณที่รำคาญเพื่อน เห็นเพื่อนเปลี่ยนความชอบไปเรื่อยๆ เลยหงุดหงิด
พอเห็นคนอื่นว่าเพื่อน ก็ยังเหมือนจะเห็นด้วยกับคนพวกนั้นซะอีก
คุณรักเพื่อนจริงๆ เหรอคะ?
ในวันที่เพื่อนฝ่าฟันจนหาทางออกเจอ กำลังไปได้สวย
คุณยังไปพูดตัดกำลังใจเพื่อนอีก
ยังบอกว่าตัวเองหวังดีอีกเหรอคะ
เรื่องเพื่อนหายไป สำหรับเราถือว่าปกติค่ะ
เรากับเพื่อนสนิทปีที่แล้วก็หายจากกันไปช่วงหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าไม่รัก หรือไม่อยากคุย แต่ยุ่งมากจนไม่มีเวลานึกถึง
คิดว่าเพื่อนก็คงเหมือนกัน
(เรามาช่วยพี่เลี้ยงหลานด้วย+ทำงานตัวเองด้วย ส่วนเพื่อนช่วงโควิดก็ไปรับแม่มาอยู่ด้วย+และต้องเปลี่ยนระบบการทำงาน+ต้องซ่อมแซมบ้าน ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องที่ต้องทำ วันๆ ก็หมดเวลาแล้ว)
วันไหนคิดถึงก็ทักกันคุยกันบ้าง ถามไถ่เรื่องราว
แล้วก็ต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่เคยคิดว่าเสียเพื่อนไปแล้ว เพราะไม่ได้ทำอะไรที่อีกฝ่ายต้องโกรธเคือง
วันไหนโควิดซาลงหรือหายไป ก็ยังจะไปหาเฮฮากันเหมือนเดิม
คุณทำสิ่งที่คุณเองก็รู้ว่าไม่ควรลงไป และตอนนี้คุณก็ร้อนตัวว่าเพื่อนจะเลิกคบคุณ
เป็นมิตรที่ดีต้องมีระยะห่างบ้าง อะไรควรเอ่ย อะไรควรเตือน และอะไรที่เรียกว่าล้ำเส้นแล้ว
เขาทำให้ จขกท เดือดร้อนไหม เขามายืมเงินหรือเปล่า
ก็น่าจะไม่นี่นะ
เราไม่เห็นว่าเพื่อนคุณผิดอะไร
ลองทำทุกอย่างที่สนใจ ในเมื่อเขามีโอกาส เขาก็อยากลอง
เขาไม่ผิดอะไรนี่คะ
เขาขอทุน เพราะคิดว่าจะได้ ต่อมาไม่ได้ ถามว่าเขาผิดเหรอคะ?
แล้วญาติช่วยจ่าย คือเขาอาจจะไปตกลงอะไรกันไว้แล้ว แต่ต่อมาญาติอาจจะมีปัญหาเลยเลิกช่วย
แล้วเพื่อนผิดยังไงคะ?
คนอื่นนินทาว่าไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์?
เพื่อนคุณมีอะไรไม่เหมาะเป็นอาจารย์เหรอคะ มีพฤติกรรมเสื่อมเสียเหรอ หรือยังไง
คือเพื่อนยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย แต่มีคนมาว่าเพื่อน
แทนที่คุณจะเข้าข้างเพื่อน สนับสนุนเพื่อน กลับโอนเอนไปตามคนพวกนั้น
แล้วเอามาเขียนในกระทู้เหมือนจะให้เป็นข้อมูลสนับสนุนว่าเพื่อนไม่ดีนะ คนอื่นยังมองว่าไม่ดีเลยนะ
ต่อมาไม่มีเงิน เพราะญาติไม่ช่วย
เพื่อนก็ไปหางานทำ มีอุปสรรค แต่สุดท้ายเขาหางานที่เหมาะกับเขาได้ รายได้ดี
เขาก็บอกว่าจะทำงานเก็บเงินก่อน เรื่องเรียนค่อยคิด
อ่านมาไม่เห็นเขาผิดอะไรตรงไหนเลยค่ะ
เขาไม่ได้รบกวนคุณ ไม่ได้มายืมเงินแล้วไม่คืน เขาแค่มาปรึกษา มาระบายให้ฟัง
ที่คุณตำหนิเขาคืออะไรคะ
คืออคติของคุณที่รำคาญเพื่อน เห็นเพื่อนเปลี่ยนความชอบไปเรื่อยๆ เลยหงุดหงิด
พอเห็นคนอื่นว่าเพื่อน ก็ยังเหมือนจะเห็นด้วยกับคนพวกนั้นซะอีก
คุณรักเพื่อนจริงๆ เหรอคะ?
ในวันที่เพื่อนฝ่าฟันจนหาทางออกเจอ กำลังไปได้สวย
คุณยังไปพูดตัดกำลังใจเพื่อนอีก
ยังบอกว่าตัวเองหวังดีอีกเหรอคะ
เรื่องเพื่อนหายไป สำหรับเราถือว่าปกติค่ะ
เรากับเพื่อนสนิทปีที่แล้วก็หายจากกันไปช่วงหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าไม่รัก หรือไม่อยากคุย แต่ยุ่งมากจนไม่มีเวลานึกถึง
คิดว่าเพื่อนก็คงเหมือนกัน
(เรามาช่วยพี่เลี้ยงหลานด้วย+ทำงานตัวเองด้วย ส่วนเพื่อนช่วงโควิดก็ไปรับแม่มาอยู่ด้วย+และต้องเปลี่ยนระบบการทำงาน+ต้องซ่อมแซมบ้าน ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องที่ต้องทำ วันๆ ก็หมดเวลาแล้ว)
วันไหนคิดถึงก็ทักกันคุยกันบ้าง ถามไถ่เรื่องราว
แล้วก็ต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่เคยคิดว่าเสียเพื่อนไปแล้ว เพราะไม่ได้ทำอะไรที่อีกฝ่ายต้องโกรธเคือง
วันไหนโควิดซาลงหรือหายไป ก็ยังจะไปหาเฮฮากันเหมือนเดิม
คุณทำสิ่งที่คุณเองก็รู้ว่าไม่ควรลงไป และตอนนี้คุณก็ร้อนตัวว่าเพื่อนจะเลิกคบคุณ
เป็นมิตรที่ดีต้องมีระยะห่างบ้าง อะไรควรเอ่ย อะไรควรเตือน และอะไรที่เรียกว่าล้ำเส้นแล้ว
ความคิดเห็นที่ 26
เรามองว่าคำพูดของมันไม่ถูกที่ถูกเวลาค่ะ
เพื่อนมีปัญหากับงานเดิมและกำลังค้นพบหนทางใหม่ที่จะไปได้ดีกว่า
คุณจะไปพูดตัดกำลังใจเค้าในตอนนั้นเพื่ออะไร
คำพูดของคุณ ควรจะไปใช้พูดเตือนสติตอนที่เพื่อนกำลังจะเลือกในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรต่างหาก
คุณเอาไปพูดกับเพื่อนตอนนี้ ความนัยของคุณคือให้เลิกทำงานติวเตอร์กับเซลล์
แล้วจะให้เพื่อนไปทำอะไรเหรอคะ ไม่แปลกที่เพื่อนจะไม่พอใจ
ถ้าเราคุยกับใครแล้วรู้สึกไม่มีความสุข เราก็ไม่อยากคุยด้วยอีกแล้วเหมือนกัน
อีกอย่าง คุณพยายามอธิบายว่าอยากให้เพื่อนเข้าใจความหวังดีของตัวเอง
แล้วตัวคุณล่ะ เคยพยายามเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนบ้างมั้ย
เท่าที่เราอ่านจากที่คุณมาตอบ คุณยังยึดมั่นว่าตัวเองทำในสิ่งที่สมควรแล้ว แต่เพื่อนไม่เข้าใจความหวังดีของคุณเอง
ในเมื่อคุณยังคิดแบบนี้ คงยากที่จะให้เพื่อนยอมกลับมาคุยกับคุณ
เพราะถ้ากลับมาคุยกันอีก ก็คงโดนคุณพูดให้เสียความรู้สึกอีกเรื่อยๆเหมือนเดิม
เพื่อนมีปัญหากับงานเดิมและกำลังค้นพบหนทางใหม่ที่จะไปได้ดีกว่า
คุณจะไปพูดตัดกำลังใจเค้าในตอนนั้นเพื่ออะไร
คำพูดของคุณ ควรจะไปใช้พูดเตือนสติตอนที่เพื่อนกำลังจะเลือกในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรต่างหาก
คุณเอาไปพูดกับเพื่อนตอนนี้ ความนัยของคุณคือให้เลิกทำงานติวเตอร์กับเซลล์
แล้วจะให้เพื่อนไปทำอะไรเหรอคะ ไม่แปลกที่เพื่อนจะไม่พอใจ
ถ้าเราคุยกับใครแล้วรู้สึกไม่มีความสุข เราก็ไม่อยากคุยด้วยอีกแล้วเหมือนกัน
อีกอย่าง คุณพยายามอธิบายว่าอยากให้เพื่อนเข้าใจความหวังดีของตัวเอง
แล้วตัวคุณล่ะ เคยพยายามเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนบ้างมั้ย
เท่าที่เราอ่านจากที่คุณมาตอบ คุณยังยึดมั่นว่าตัวเองทำในสิ่งที่สมควรแล้ว แต่เพื่อนไม่เข้าใจความหวังดีของคุณเอง
ในเมื่อคุณยังคิดแบบนี้ คงยากที่จะให้เพื่อนยอมกลับมาคุยกับคุณ
เพราะถ้ากลับมาคุยกันอีก ก็คงโดนคุณพูดให้เสียความรู้สึกอีกเรื่อยๆเหมือนเดิม
ความคิดเห็นที่ 36
คำว่าเพื่อนสนิทไม่ได้แปลว่ามีสิทธิ์ไปตัดสินใจการใช้ชีวิตของเพื่อนครับ พูดได้ เตือนได้ ไม่พอใจได้ แต่สุดท้ายคนที่เลือกทางเดินชีวิตก็คือตัวเค้าครับ ไอ้สิ่งที่เรามองว่าไม่ดี วันนึงมันอาจจะเหมาะกับเพื่อนก็ได้อนาคตไม่มีใครรู้หรอกครับ เพื่อนคือคนที่คุยกันเข้าใจกัน มีปัญหาก็ช่วยเหลือกัน ตามกำลังตามความพอดีอย่าไปบังคับขีดเส้นชีวิตใครเลย เครียดป่าวๆครับ
แสดงความคิดเห็น
ผิดมากมั้ย พูดเตือนเพื่อน จนแตกหัก
.
เรื่องมีอยู่ว่าเราสนิทกับเพื่อนคนนึง เขาเป็นคนเก่งตั้งแต่มหาลัยเขาซิ่วมา2รอบ (คณะเด่นๆทั้งนั้น แต่คณะที่เข้าก็แตกต่างกันพอควร) จนมาเจอเราในคณะหนึ่งในสายการแพทย์ ตอนเรียนก็บอกว่าไม่ชอบ อยากเป็นแอร์ฯ แต่พอตอนเรียนจบ4ปี เปลี่ยนใจอยากเรียนต่อโท เพราะอยากจะเป็นอาจารย์ ตัวเราเองก็ไม่เห็นด้วยกับเพื่อนเนื่องจากเพื่อนมักจะมีปัญหาด้านการเงิน และเพื่อนมักจะอินอะไรเป็นพักๆ เปลี่ยนความสนใจบ่อย แต่ก็ไม่ได้ไม่สนับสนุน เราก็ไม่ได้ไปห้ามอะไรในสิ่งที่เพื่อนเลือก แต่คิดไว้แล้วว่า ถ้าเกิดหนทางนี้เพื่อนไปไม่สุดทาง เราจะต้องพูดตรงๆในเรื่องที่เขาชอบอินอะไรเป็นพักๆ แล้วมันทำให้ชีวิตมันไปทางนี้ทาง ทางนั้นทาง
.
ตอนเรียนต่อก็มีปัญหามาเรื่อยๆ ทุนที่ขอกลับไม่ได้ทุน(แต่มีญาติช่วยจ่ายให้ ตอนหลังญาติไม่ช่วยแล้วก็เลนมีปัญหาเรื่องเงินเข้ามา), ครอบครัวเริ่มตั้งคำถามกับการเรียนต่อและการทำงาน , คนในรุ่นพูดว่าว่าไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์บ้าง จนเพื่อนมาปรึกษาว่า มีความลังเลในการเรียนต่อในครั้งนี้ แต่เราก็ให้กำลังใจไป เพราะเราเชื่อว่าเพื่อนทำได้ แก้ปัญหาได้อยู่แล้ว
.
จนมาช่วงโควิด เพื่อนเก็บซับเจคไม่ได้ ต้องเลื่อนการเรียนโทออกไป เพื่อนเลยต้องมาทำงานหาเงินไปก่อน เพื่อนก็มาเลือกทำในสายอาชีพ แต่ก็ไปเข้าที่ทำงานไม่ดี โดนว่าอีกว่าไม่เหมาะจะทำงานนี้(ประสบการณ์ทางคลินิกของเพื่อนยังน้อย เพราะไปเรียนต่อมันไม่ได้เน้นมาใช้งานจริงๆ เราว่าทางหัวหน้าเขาก็เกินไปหน่อย) และเพื่อนก็ได้มาทำงานเป็นเซลล์ กับติวเตอร์ ซึ่งรายได้ดีกว่ามาก
.
เพื่อนก็มาปรึกษาว่าจะหันมาทำเซลล์กับติวเตอร์เพื่อเก็บเงินให้ได้เยอะๆก่อน แล้วค่อยไปตามความฝันเป็นอาจารย์ในสายการแพทย์ในอนาคต
และวันที่เพื่อนมาปรึกษานี้ เราก็ได้พูดตรงๆกับเพื่อน ในเรื่องที่เพื่อนชอบอินอะไรเป็นพักๆ เราอยากให้เพื่อนมองอนาคตให้ไกล ว่าเพื่อนไม่ได้มีโอกาสในการลองผิดลองถูกได้ตลอดเวลา เราไม่อยากเห็นเพื่อนต้องมาวนปัญหาเดิมซ้ำๆ เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว เรื่องสิ่งที่อยากจะทำ
(เราแค่เตือน แต่สิ่งที่เพื่อนเลือกทำมันก็คือดีที่สุดในตอนนี้แล้ว เพราะโควิดมาทำอะไรมากไม่ได้)
.
เรายอมรับว่าเราพูดค่อนข้างแรงและตรงมากในวันนั้น
เพื่อนบอกว่าเพื่อนขอวางสายก่อน เพื่อนรับไม่ได้ รับไม่ไหวกับคำพูดของเรา
หลังจากวางสาย เราก็พิมไปขอโทษเขา เราก็ยังยืนยันว่าเราจะสนับสนุนในทุกทางเลือกที่เขาเลือกอยู่แล้วแต่ในบางมุมที่เรามองเห็นเขาในสิ่งที่เราคิดว่าถ้าเขารู้ในจุดนี้ มันจะช่วยเป็นอีกหนึ่งข้อแนะนำที่เขาเอาไปมองในชีวิตเขาได้(ซึ่งมันไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการฟัง)
.
เพื่อนอ่านไม่ตอบ โทรไปไม่รับ หายไปหลายเดือน
.
จนล่าสุดเพื่อนอีกคนช่วยให้เราสองคนกลับมาคุยกัน
เพื่อนบอกว่าช่วงเวลาที่เพื่อนหายไป เพื่อนก็ไม่ได้คุยกับใครเลยเหมือนกันไม่ใช่แค่เรา
เพื่อนไปตั้งใจทำงานอยู่
วันนั้นเพื่อนต้องการกำลังใจ แต่เราไปทำให้เขารู้สึกแย่มากๆ
.
แต่เรารู้ว่าเรากับเพื่อนมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เพื่อนไม่เคยเป็นแบบนี้
เราร้องไห้ สำหรับเพื่อนคือเพื่อนบอกว่าทำแบบนี้กับคนรอบข้างทุกคน
แต่สำหรับเราเราเหมือนเสียเพื่อนคนนึงไปแล้ว ชีวิตช่วงนึงเรามันขาดเขาไปเลย
.
เราว่าเพื่อนไม่ได้ไม่มีเวลา แค่เพื่อนไม่อยากให้เวลากับเรามากกว่า
.
เราเลยอยากรู้ว่าเราผิดมากไหม ที่เราพูดแรงกับเพื่อนไปในวันนั้น
(จริงๆวันนั้นเราอาจจะไม่พร้อมรับคำปรึกษาจากเพื่อนด้วย และเราก็ไม่ได้ดูทีท่าของเพื่อนด้วยว่าพร้อมรับฟังเราไหม)
.
ฝากคนในพันทิปคอมเม้นตรงๆกับเราได้เลยค่ะ เพื่อที่เราจะนำไปปรับปรุงไม่ให้เกิดกับเพื่อนคนไหนอีกในชีวิตค่ะ