สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมที่เขียนเรื่องราวของแมนยูฯ ขอออกตัวก่อนนะครับว่าเป็นแฟนปีศาจแดงมาตั้งแต่เด็ก รวม ๆ ก็ 24 ปีครับ ตอนเด็ก ๆ เคยมีความฝันว่าครั้งหนึ่งจะต้องมาดูโรนัลโดยิงประตูที่ Old Trafford ให้ได้ แต่พอโรนัลโดย้ายไปเรอัล มาดริดในปี 2009 ความฝันนั้นก็ถูกพับเก็บใส่กระเป๋าไป เหลือไว้แต่ความทรงจำดี ๆ ที่ CR7 เคยทำไว้ให้กับทีม หลังจากนั้นทีมเป็นยังไงก็อย่างที่เห็น ๆ กันนะครับ 555 (ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่) จนเมื่อปีที่แล้วที่โรนัลโดตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นให้แมนยูฯ อีกครั้ง บวกกับจังหวะที่ตัวเองมาลงหลักปักฐานอยู่อังกฤษได้ระยะหนึ่ง เลยคิดว่าเอาล่ะ ได้เวลาทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงสักที แต่จะให้ซื้อตั๋วไปดูทุกนัดก็คงจะไม่ไหว เลยตัดสินใจเสี่ยงโชคจองนัดที่ปีศาจแดงเจอกับ Brighton & Hove Albion ในวันที่ 18 ธันวาคม เมื่อปีที่แล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นภายในทีม เลยทำให้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทางพรีเมียร์ลีคได้ประกาศกำหนดการเตะของนัดตกค้าง ซึ่งจริง ๆ ตอนแรกผมตัดสินใจขายตั๋วทิ้งเพราะด้วยเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยแถมฟอร์มของทีมก็สุดจะทน แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยละกัน ผลจะเป็นไงก็ช่าง ขอแค่ได้เห็นโรนัลโดตัวเป็น ๆ สักครั้งก็พอแล้ว และนี่คือรีวิวแบบละเอียดสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ณ โรงละครแห่งความฝัน อากาศไม่หนาวจัดประมาณ 8 องศาเซลเซียส มีฝนตกและลมแรงเล็กน้อย ช่วงนี้อากาศที่อังกฤษไม่ค่อยดีครับ

แม้ว่าช่วงนี้ฟอร์มทีมไม่สู้ดีนัก เสมอมาแล้ว 3 นัดติด นัดล่าสุดที่ชนะคือแข่งกับ West Ham โดยชนะไป 1-0 เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา ส่วนโรนัลโดเองไม่ได้ยิงประตูมา 6 นัดติดแล้ว ถือเป็นสถิติที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้

ขอรีแคปฟอร์มทีมตั้งแต่เริ่มปี 2022 นิดนึงนะครับ
3 ม.ค. - แพ้ Wolverhampton 0-1
10 ม.ค. - FA Cup ชนะ Aston Villa 1-0 (นัดนี้ผมไปดูมา ไว้มีโอกาสจะเอาภาพบรรยากาศในสนามมาลงครับ)
15 ม.ค. - เสมอ Aston Villa 2-2
19 ม.ค. - ชนะ Brentford 3-1
22 ม.ค. - ชนะ West Ham 1-0 (แบบเกือบจะไม่รอด)
4 ก.พ. - FA Cup เปิดบ้านรับ Middlebrough แพ้จุดโทษไป 7-8 (ตกรอบ FA Cup!)
8 ก.พ. - เสมอ Burnley
12 ก.พ. - เสมอ Southampton

นอกจากเรื่องผลงานที่ย่ำแย่ สถานการณ์ในทีมเองตอนนี้ก็เจอกับปัญหาใหญ่อย่างข่าวฉาวของ Mason Greenwood ที่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดี เมื่อวานเท่าที่ผมสังเกตพบว่าไม่มีแฟนบอลใส่เสื้อ Greenwood เลย คาดว่าแฟนบอลอาจมาขอเปลี่ยนหรือคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเสื้อใน official store ก็ถูกถอดออกหมดแล้วตามที่ทราบกันดี 

กลับมาที่การแข่งขันครับ ตัวผู้เล่นออกมาตอนที่ผมถึงสนามพอดีทำให้ได้ไปยืนรอนักเตะออกมาวอร์มอัพ เอาภาพบรรยากาศก่อนเริ่มเกมมาฝากครับ
- ทีมผู้รักษาประตูออกมาซ้อมก่อนเพื่อน โดยมีทีมโค้ชผู้รักษาประตูมาซ้อมให้ David de Gea และ Dean Henderson โดยเฉพาะ และเท่าที่สังเกตเห็น จะมี Tom Heaton ผู้รักษาประตูมือ 3 ของทีม คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ ทั้งลูกกลางอากาศและลูกตั้งเตะ แถมพี่แกเปิดดีกว่าแบ็คหลาย ๆ คนด้วยซ้ำครับ

- นักเตะออกมาวอร์มอัพพร้อมโบกไม้โบกมือ ทักทายแฟนบอลที่มารอก่อนเกมส์เริ่ม

- Paul Pogba เป็นคนที่ถูกแฟนบอลตะโกนเรียกชื่อบ่อย แถมเจ้าตัวชอบหันมาขยิบตาพร้อมทั้งทำท่าทางตลก ๆ ให้แฟนบอลหัวเราะ

- กัปตัน Maguire ตัวจริงสูงมาก ค่อนข้างเด่นกว่าเพื่อนในสนาม ตอนที่วอร์มอัพเสร็จเจ้าตัวโยนถุงมือมาให้ ผมรับไม่ทัน แค่เอื้อมมือจริง ๆ

- Ronaldo นำทีมผู้เล่นตัวจริงวอร์มอัพพร้อมปลุกใจเพื่อนร่วมทีม

- ช่วงสุดท้ายของการวอร์มอัพ คือ ให้ผู้เล่นตัวจริงมา sprint เพื่อเช็คความพร้อมของร่างกายก่อนกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อลงแข่งขัน

และแล้วก็ได้เวลาเริ่มเกมส์..... อย่างที่ทราบกันดีกว่าในช่วงครึ่งแรกฟอร์มแมนยูไม่ค่อยดีนัก พอสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้

กองกลาง - การผ่านบอลยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร มองจากบนอัฒจรรย์จะเห็นชัดเลยว่ามีช่องโหว่ค่อนข้างเยอะ แถมคู่กลางนรก Fred และ McTomminay ฟอร์มยังคงเส้นคงวา ทั้งการเคลื่อนที่และการรับส่งบอลถือว่าสอบไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจ่ายบอลไปข้างหน้าหลายครั้ง แต่การตัดสินใจยังไม่เด็ดขาดพอ ทำให้หลายครั้งพาไปกันคนละทิศละทางกับกองหน้า ส่วนทางฝั่ง Brighton เองนั้นก็ถือว่ายังขาดความคมที่จะทำประตูเช่นกัน

กองหลัง - ผมมองว่า Lindelof เองยังสกัดบอลได้ไม่ดีนัก บางจังหวะสามารถจ่ายบอลขึ้นหน้าได้ไว แต่ก็กลับดึงช้า บางจังหวะก็เตะออกข้างสนามดื้อ ๆ ทำให้เสียลูกทุ่มบ่อยครั้ง ส่วน Maguire เอง ผมมองว่าไม่ได้เล่นแย่มาก (เฉพาะนัดนี้นะ) การที่เจ้าตัวคอยตามประกบ Maupay ทำให้กองหน้าของ Brighton ไม่สามารถสร้างความอันตรายให้กับทีมได้ ส่วนลูกกลางอากาศของ Maguire นั้น วันนี้ถือว่าพอใช้ แต่ในส่วนของความเร็วในการเคลื่อนที่ถือว่ายังช้ากว่าผู้เล่นคนอื่นมาก อาจจะด้วยรูปร่างที่ดูหนามาก (เกินไป) ซึ่งผมมองว่าเป็นข้อเสียหลัก ส่วน Dalot เองก็ยังมีจุดผิดพลาดหลายครั้ง โดยเฉพาะลูกครอสจากด้านข้างที่ทำได้ไม่ดีเลย ขนาดช่วงวอร์มอัพก่อนเกมส์ พี่แกยังโยนไปเสาสามเห็นจะได้ ส่วนแบ็คซ้าย Luke Shaw ปัญหาหลักในวันนี้คือการหลุดตำแหน่งหลายครั้ง ส่งผลให้การยืนตำแหน่งในแผงหลังของเพื่อน ๆ พังไปกันหมด จนผมคิดในใจว่า วันนี้ "เละ" แน่นอน

ช่วงพักครึ่ง นักเตะทุกคนออกจากสนามไปแล้ว เหลือเพียงโรนัลโดที่ค่อย ๆ เดินก้มหน้ากลับเข้าอุโมงค์ คิดว่าเจ้าตัวน่าจะหงุดหงิดจากฟอร์มของเพื่อนร่วมทีมในครึ่งแรก เป็นคนที่ผมมองว่ามีอารมณ์ร่วมกับเกมส์สูงมากจริง ๆ ขนาดลูกที่ยิงไม่เข้าพี่แกก็ไปเตะเสาครับ

เริ่มเกมส์ในช่วงครึ่งหลัง แมนยูเป็นฝ่ายได้เขี่ยบอลก่อน เข้าใจว่าราล์ฟ รังนิค ปรับเปลี่ยนแผนการเล่น โดนเน้นการ pressing ในแดนบนให้มากกว่าเดิม จนเป็นที่มาของประตูแรกจาก CR7 เสียงตะโกนโห่ร้องจากแฟนบอลนั้น เรียกว่าดีใจจนสนามแทบแตก ทุกคนดูบ้าคลั่งและพากันเปล่งเสียง "Siu" ออกมาอย่างพร้อมเพรียง ต้องยอมรับเลยว่าลูกนี้โรนัลโด ยิงได้เฉียบคมมาก จังหวะนั้นผมก็ไม่คิดว่าเค้าจะยิงเอง แต่พี่แกดันลากไปยิงจนกองหลังของไบร์ทตันไปต่อไม่เป็นเลย จากนั้นเสียงเพลง CR7 ก็กระหึ่มไปทั้งสแตนฝั่ง Stretford End แฟนบอลล้วนดีใจที่แกได้ปลดล็อกลูกแรกของปี ส่วนผมเองก็อดดีใจตามไม่ไหว

หนึ่งนาทีหลังแมนยูขึ้นนำ ทางไบร์ทตันเหลือผู้เล่น 10 คน จากใบแดงของ Lewis Dunk ที่เข้าสกัด Anthony Elanga จังหวะนั้นนักเตะแมนยูเข้าไปรุมกดดันกรรมการ คนดูในสนามก็โห่กดดัน จนสุดท้ายผู้ตัดสินวิ่งไปเช็ค VAR แล้วกลับมาแจกใบแดงให้ฝั่งทีมเยือน คนดูในสนามนี่ก็ร้ายใช่ย่อย ร้องเพลงโบกมือ bye bye ให้กับนักเตะที่โดนใบแดง หลังจากนั้นฝั่งทีมเยือนที่กำลังตกเป็นรองและต้องการประตูตีเสมอ จึงเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงมาแก้เกมส์ ส่วนทางแมนยูก็ส่ง Paul Pogba ลงมาในนาที 73 ซึ่งผมมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในเกมส์นี้ Fred ทำเสียจังหวะอยู่หลายครั้ง ส่วน McTominay ก็มีอาการบาดเจ็บระหว่างเล่นเกมส์

ในเกมส์นี้อีกคนที่ผมอดชื่นชมไม่ได้คือ Jardon Sancho ที่วาดลวดลายการเล่นได้ถูกใจแฟนบอลมาหลายนัดแล้ว และวันนี้เจ้าตัวก็ยังคงทำผลงานได้ไม่เลว โดยมีหลายจังหวะที่ Sancho เอาบอลลงแล้วเล่นต่อ  ทำให้ทีมได้ประโยชน์อย่างมาก

ในช่วงห้านาทีสุดท้าย เกมส์เริ่มน่าอึดอัดและเครียดมาก ไบร์ทตันเป็นฝ่ายบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง กองหลังแมนยูต้องรับมืออย่างหนัก ชนิดที่แฟนบอลได้แต่นั่งเงียบ มีแฟนบอลบางส่วนเริ่มเดินออกจากสนามเพราะคิดว่าผลการแข่งขันไม่น่าผิดไปจากเดิมแล้ว ช่วงนี้มีหลายจังหวะที่ผู้เล่นแมนยูพาบอลขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษฝั่งตรงข้ามแต่กลับทำเสีย ทั้งยิงทิ้งยิงขว้าง แฟนบอลก็ชะเง้อรอแล้วรออีกไม่เข้าสักที จนผู้ช่วยผู้ตัดสินชูป้ายทดเวลา 6 นาที และในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ Bruno Fernandes ก็ลากบอลไปยิงให้ทีมจบสกอร์ที่ 2-0 ไป พาทีมขึ้นสู่ Top 4

จบนัดนี้ถือว่าเป็นการปลดล็อกความอัดอั้นตันใจของชาวปีศาจแดงเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ทีมกลับมาชนะหลังจากฟอร์มไม่ดีมาหลายนัดติด พอสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน แฟนบอลต่างร้องเพลงเชียร์กันลั่นสนาม เอาบรรยากาศหลังเกมส์มาฝากครับ

นอกจากนี้ผมมีโอกาสได้ไปยืนส่งนักเตะกลับบ้าน เหล่านักเตะหลายคนนั่งรถบัสกลับไปที่สนามซ้อม บางคนครอบครัวมารับกลับบ้าน

จุดนี้ผมประทับใจ Juan Mata ที่สุดครับ ออกมาคนสุดท้ายเพื่อแจกลายเซนต์และถ่ายรูปกับแฟน ๆ อย่างใกล้ชิด

สุดท้ายนี้ ขอจบการแชร์ประสบการณ์ดูบอลพรีเมียร์ลีคไว้เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการดูบอล และเชียร์ทีมที่รักอย่างมีความสุขนะครับ