เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์จอมถ่อมตนของ เชลซี ประสบความสำเร็จแบบเงียบๆ แต่เพียบครับ โดยเขาเป็นแข้งรายที่ 4 ที่คว้าแชมป์แบบเรียบวุธทั้งพรีเมียร์ลีก, ฟุตบอลโลก, แชมเปี้ยนส์ ลีก และ สโมสรโลก
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางชาวฝรั่งเศสของ เชลซี กลายเป็นนักฟุตบอลคนที่ 4 ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ และ ฟุตบอลโลก
โดยดีลก็องเต้ ถือเป็นดีล ที่เชลซีตัดสินใจซื้อตัวจากเลสเตอร์ได้อย่างคุ้มค่ามากๆ โดยปัจจุบัน เจ้าตัวสถาปนาตัวเองเป็น “กองกลางตัวรับระดับโลก” ที่มีส่วนช่วยทีมที่ตนเองสังกัดก้าวไปสู่การกวาดแชมป์ต่างๆมากมาย
ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เฉือนชนะ พัลไมรัส 2-1 ในการชิงแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือ "สโมสรโลก" ส่งผลให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร
ความสำเร็จของ "สิงห์บลูส์" ทำให้ ก็องเต้ ได้เข้าทำเนียบนักเตะที่สามารถคว้าแชมป์ได้ครบทุกรายการคนที่ 4 โดยเริ่มจากการที่เขาได้แชมป์ลีกเมืองผู้ดี ในซีซั่น 2015/2016 ก่อนจะมาได้อีกครั้งในซีซั่นถัดมากับ เชลซี
นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศส ภายใต้การกุมบังเหียนของ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่ผงาดคว้าแชมป์ฟตุบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย
เมื่อปีที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 30 ปี มีบทบาทช่วยนำ เชลซี คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการปราบ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และตามด้วยแชมป์สโมสรโลก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับสามพ่อค้าแข้งก่อนหน้านี้ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ก็องเต้ ได้แก่ เธียร์รี่ อองรี ซึ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ตามด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก ในปี 2002 ตามด้วยแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008/2009 กับ บาร์เซโลน่า และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2009
คนต่อมาได้แก่ เคราร์ด ปิเก้า หลังจากคว้าแชมป์ลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ และแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2008 จากนั้นเขายังเพิ่มเกียรติประวัติในโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" อีก 3 สมัย และ คลับ เวิลด์ คัพ อีก 3 ครั้งกับ บาร์ซ่า พร้อมทั้งแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 กับ สเปน
ตบท้ายด้วย เปโดร ที่คว้าแชมป์เช่นเดียวกับ ปิเก้ สมัยที่เล่นให้ บาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ก่อนจะมาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ เชลซี ในปีเดียวกับที่ ก็องเต้ ได้แชมป์
ขอบคุณข้อมูลจาก : Siamsport ครับ
“ก็องเต้”สถาปนา“กองกลางตัวรับ” กวาดแชมป์ระดับประวัติศาสตร์ 🏆
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางชาวฝรั่งเศสของ เชลซี กลายเป็นนักฟุตบอลคนที่ 4 ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ และ ฟุตบอลโลก
โดยดีลก็องเต้ ถือเป็นดีล ที่เชลซีตัดสินใจซื้อตัวจากเลสเตอร์ได้อย่างคุ้มค่ามากๆ โดยปัจจุบัน เจ้าตัวสถาปนาตัวเองเป็น “กองกลางตัวรับระดับโลก” ที่มีส่วนช่วยทีมที่ตนเองสังกัดก้าวไปสู่การกวาดแชมป์ต่างๆมากมาย
ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เฉือนชนะ พัลไมรัส 2-1 ในการชิงแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือ "สโมสรโลก" ส่งผลให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร
ความสำเร็จของ "สิงห์บลูส์" ทำให้ ก็องเต้ ได้เข้าทำเนียบนักเตะที่สามารถคว้าแชมป์ได้ครบทุกรายการคนที่ 4 โดยเริ่มจากการที่เขาได้แชมป์ลีกเมืองผู้ดี ในซีซั่น 2015/2016 ก่อนจะมาได้อีกครั้งในซีซั่นถัดมากับ เชลซี
นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศส ภายใต้การกุมบังเหียนของ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่ผงาดคว้าแชมป์ฟตุบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย
เมื่อปีที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 30 ปี มีบทบาทช่วยนำ เชลซี คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการปราบ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และตามด้วยแชมป์สโมสรโลก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับสามพ่อค้าแข้งก่อนหน้านี้ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ก็องเต้ ได้แก่ เธียร์รี่ อองรี ซึ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ตามด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก ในปี 2002 ตามด้วยแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008/2009 กับ บาร์เซโลน่า และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2009
คนต่อมาได้แก่ เคราร์ด ปิเก้า หลังจากคว้าแชมป์ลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ และแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2008 จากนั้นเขายังเพิ่มเกียรติประวัติในโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" อีก 3 สมัย และ คลับ เวิลด์ คัพ อีก 3 ครั้งกับ บาร์ซ่า พร้อมทั้งแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 กับ สเปน
ตบท้ายด้วย เปโดร ที่คว้าแชมป์เช่นเดียวกับ ปิเก้ สมัยที่เล่นให้ บาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ก่อนจะมาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ เชลซี ในปีเดียวกับที่ ก็องเต้ ได้แชมป์
ขอบคุณข้อมูลจาก : Siamsport ครับ