การจะมีบ้านสักหลังหนึ่ง อาจจะต้องกู้เงินซื้อบ้านกับสถาบันการเงิน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง การกู้เงินเพื่อผ่อนบ้านหรือผ่อนคอนโดฯ ต่างๆ ก็จะต้องมีเอกสารให้ครบถ้วน มีหลักฐานทางการเงินที่มั่นคง ไม่มียอดค้างจ่ายต่างๆ หรือมีหนี้สินเพิ่มเติม เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล ผ่อนรถยนต์ หรือภาระอื่นๆ เพราะจะทำให้ธนาคารประเมินแล้วอาจจะไม่อนุมัติ ถ้าไม่สามารถจัดการในส่วนนี้ได้นั้น ความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสในการกู้ผ่านนั้นก็เป็นไปได้ยาก
ควรเช็คความพร้อมต่างๆ เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะกู้จริงๆ แล้วนั้น ปัญหาก็จะได้ไม่เกิดขึ้น
ทำให้ได้รับการอนุมัติ ความพร้อมสำหรับการกู้ผ่อนบ้านหรือกู้ผ่อนคอนโดฯ นั้นก็มีดังต่อไปนี้
1. จะต้องมีประวัติที่ดี สถาบันการเงินจะอนุมัติกู้บ้านหรือคอนโดฯ จะต้องมีการตรวจสอบประวัติทางการเงินของผู้กู้หรือที่เรียกกันว่า เครดิตบูโร เพื่อตรวจเช็คประวัติการชำระสินเชื่อต่างๆ ว่าเรามีประวัติในการผ่อนชำระ เป็นอย่างไรบ้าง มีการจ่ายเงินช้าหรือไม่ หรือ ไม่มีจ่ายอะไรหรือไม่ ถ้าหากชื่อของเราขึ้นในเครดิตบูโรว่ามียอดค้างชำระอยู่ ก็อาจจะทำให้ทางสถาบันทางการเงินนั้นไม่ทำการอนุมัติในการกู้บ้านหรือคอนโดฯ หลักๆ แล้วกรณีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ขอกู้บ้านหรือคอนโดฯ มักไม่ผ่านกัน เพราะมีสถานะทางการผ่อนชำระที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ถือได้ว่ามีประวัติเสียที่ไม่ดีอยู่ ทำให้ทางสถาบันทางการเงินไม่อนุมัติให้ได้
2. เดินบัญชีเงินฝากเป็นสิ่งที่สำคัญ การเดินบัญชีเงินฝากก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เงินฝากก้อนนี้ ก็ควรที่จะเป็นเงินนิ่งไว้ในบัญชีแบบเงินเข้าอย่างเดียว ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็นำออกไปใช้หมด แบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ การเดินบัญชีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะต้องเดินบัญชีให้มีเงินเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ทุกเดือน โดยถ้าเดินบัญชีได้ดีจะทำให้ได้รับโอกาสในการอนุมัติเงินกู้ได้สูงเป็นอย่างมาก เพราะทางธนาคารจะมองว่าผู้กู้มีเงินมากพอที่จะนำมาทยอยคืนเงินต้นและค่าดอกเบี้ยได้เช่นกัน
3. การประเมินความสามารถในการผ่อน ส่วนใหญ่แล้วทางธนาคารก็จะอนุมัติวงเงินให้ไม่เกิน 40% ของรายได้ ซึ่งก็หมายความว่าเวลาที่ผู้กู้จะนำเงินมาผ่อนชำระกับทางธนาคารนั้น ก็จะต้องมีจำนวนเงินผ่อนชำระประมาณ 40% ของรายได้ในแต่ละเดือนที่เราได้รับมา สมมุติถ้ากู้บ้านหรือคอนโดฯประมาณ 1,000,000 บาทนั้น ก็จะต้องผ่อนชำระให้กับทางธนาคารเดือนละ 7,000 บาทต่อเดือนเป็นระยะเวลา 30 ปีด้วยกัน เป็นต้น
4. ก่อนผ่อนสินค้าหรือการเป็นหนี้อื่นๆให้น้อยที่สุด ระบบของเครดิตบูโร ที่ทางสถาบันทางการเงินได้ทำการเช็คประวัติของผู้กู้ จะมีข้อมูลโชว์ทั้งหมดว่าในตอนนี้ผู้กู้กำลังที่จะผ่อนชำระอะไรกันอยู่บ้าง เพราะถ้าหากมีรายการผ่อนชำระหลายรายการ โอกาสที่จะกู้ผ่านเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น ก่อนที่ผู้กู้จะทำการกู้เงินจากสถาบันทางการเงินนั้นก็ควรที่จะต้องเคลียร์หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ให้หมดเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับวงเงินที่ทางธนาคารนั้นจะได้ทำการอนุมัติ
5. การเตรียมเอกสารในการขอกู้ให้พร้อม ก่อนที่จะไปขอกู้บ้านหรือคอนโดฯ กับทางธนาคารนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีเอกสารไม่ครบถ้วนความสมบูรณ์ ดังนั้นก่อนที่จะทำเรื่องกู้กับทางธนาคาร ผู้กู้ก็ควรที่จะต้องเข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เสียก่อนว่าในการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ นั้นจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลา ทำให้การอนุมัติเร็วขึ้น
การที่ผู้กู้มีความพร้อม มีการเตรียมตัวดี ย่อมจะทำให้การทำเรื่องกู้ผ่านได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในการกู้ให้ผ่าน ก็ควรที่จะต้องประเมินความพร้อมของตนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนี้ไหม เพราะการกู้บ้านหรือคอนโดฯ จะต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนส่งที่นานมากเช่นกัน
.....................................................
แหล่งข้อมูล : www.outreachtoafrica.org
เตรียมความพร้อมก่อนยื่นกู้กับสถาบันการเงิน
ควรเช็คความพร้อมต่างๆ เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะกู้จริงๆ แล้วนั้น ปัญหาก็จะได้ไม่เกิดขึ้น
ทำให้ได้รับการอนุมัติ ความพร้อมสำหรับการกู้ผ่อนบ้านหรือกู้ผ่อนคอนโดฯ นั้นก็มีดังต่อไปนี้
1. จะต้องมีประวัติที่ดี สถาบันการเงินจะอนุมัติกู้บ้านหรือคอนโดฯ จะต้องมีการตรวจสอบประวัติทางการเงินของผู้กู้หรือที่เรียกกันว่า เครดิตบูโร เพื่อตรวจเช็คประวัติการชำระสินเชื่อต่างๆ ว่าเรามีประวัติในการผ่อนชำระ เป็นอย่างไรบ้าง มีการจ่ายเงินช้าหรือไม่ หรือ ไม่มีจ่ายอะไรหรือไม่ ถ้าหากชื่อของเราขึ้นในเครดิตบูโรว่ามียอดค้างชำระอยู่ ก็อาจจะทำให้ทางสถาบันทางการเงินนั้นไม่ทำการอนุมัติในการกู้บ้านหรือคอนโดฯ หลักๆ แล้วกรณีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ขอกู้บ้านหรือคอนโดฯ มักไม่ผ่านกัน เพราะมีสถานะทางการผ่อนชำระที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ถือได้ว่ามีประวัติเสียที่ไม่ดีอยู่ ทำให้ทางสถาบันทางการเงินไม่อนุมัติให้ได้
2. เดินบัญชีเงินฝากเป็นสิ่งที่สำคัญ การเดินบัญชีเงินฝากก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เงินฝากก้อนนี้ ก็ควรที่จะเป็นเงินนิ่งไว้ในบัญชีแบบเงินเข้าอย่างเดียว ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็นำออกไปใช้หมด แบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ การเดินบัญชีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะต้องเดินบัญชีให้มีเงินเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ทุกเดือน โดยถ้าเดินบัญชีได้ดีจะทำให้ได้รับโอกาสในการอนุมัติเงินกู้ได้สูงเป็นอย่างมาก เพราะทางธนาคารจะมองว่าผู้กู้มีเงินมากพอที่จะนำมาทยอยคืนเงินต้นและค่าดอกเบี้ยได้เช่นกัน
3. การประเมินความสามารถในการผ่อน ส่วนใหญ่แล้วทางธนาคารก็จะอนุมัติวงเงินให้ไม่เกิน 40% ของรายได้ ซึ่งก็หมายความว่าเวลาที่ผู้กู้จะนำเงินมาผ่อนชำระกับทางธนาคารนั้น ก็จะต้องมีจำนวนเงินผ่อนชำระประมาณ 40% ของรายได้ในแต่ละเดือนที่เราได้รับมา สมมุติถ้ากู้บ้านหรือคอนโดฯประมาณ 1,000,000 บาทนั้น ก็จะต้องผ่อนชำระให้กับทางธนาคารเดือนละ 7,000 บาทต่อเดือนเป็นระยะเวลา 30 ปีด้วยกัน เป็นต้น
4. ก่อนผ่อนสินค้าหรือการเป็นหนี้อื่นๆให้น้อยที่สุด ระบบของเครดิตบูโร ที่ทางสถาบันทางการเงินได้ทำการเช็คประวัติของผู้กู้ จะมีข้อมูลโชว์ทั้งหมดว่าในตอนนี้ผู้กู้กำลังที่จะผ่อนชำระอะไรกันอยู่บ้าง เพราะถ้าหากมีรายการผ่อนชำระหลายรายการ โอกาสที่จะกู้ผ่านเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น ก่อนที่ผู้กู้จะทำการกู้เงินจากสถาบันทางการเงินนั้นก็ควรที่จะต้องเคลียร์หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ให้หมดเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับวงเงินที่ทางธนาคารนั้นจะได้ทำการอนุมัติ
5. การเตรียมเอกสารในการขอกู้ให้พร้อม ก่อนที่จะไปขอกู้บ้านหรือคอนโดฯ กับทางธนาคารนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีเอกสารไม่ครบถ้วนความสมบูรณ์ ดังนั้นก่อนที่จะทำเรื่องกู้กับทางธนาคาร ผู้กู้ก็ควรที่จะต้องเข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เสียก่อนว่าในการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ นั้นจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลา ทำให้การอนุมัติเร็วขึ้น
การที่ผู้กู้มีความพร้อม มีการเตรียมตัวดี ย่อมจะทำให้การทำเรื่องกู้ผ่านได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในการกู้ให้ผ่าน ก็ควรที่จะต้องประเมินความพร้อมของตนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนี้ไหม เพราะการกู้บ้านหรือคอนโดฯ จะต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนส่งที่นานมากเช่นกัน
.....................................................
แหล่งข้อมูล : www.outreachtoafrica.org