หลังจากรู้พล็อตเรื่องและดูตัวอย่างหนัง One for the Road แล้ว ทำให้เราอยากดูหนังเรื่องนี้มากๆ มันเป็นหนังสไตล์ที่เราชื่นชอบ และพอดูจบ บอกได้เลยว่า โดยรวมเราชอบหนังเรื่องนี้ หนังมีข้อดีอยู่เยอะมากๆ แม้เราจะมีติดขัดนิดหน่อยในบางการกระทำและบทพูดของตัวละครก็ตาม
ผลงานการกำกับลำดับที่ 3 ของบาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ เราเคยดูผลงานของเขามาแล้วทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งเราไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษกับผลงานของเขาทั้ง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ แต่เรายังชื่นชมเขาในสไตล์การทำหนังที่แตกต่างจากหนังไทยทั่วไป แต่สำหรับ One for the Road แล้ว นี่คือผลงานของบาส ที่เราชอบที่สุด เราชอบแมสเซจในหนังเรื่องนี้ เราเชื่อมโย่งได้กับความรู้สึกที่หลากหลายของตัวละครในเรื่องนี้
เพลงประกอบและดนตรีประกอบทำได้ดีมากๆ ต้องชมทั้งรสนิยมการเลือกเพลงและรสนิยมในการทำดนตรีประกอบ มันทำให้หนังเรื่องนี้มีความเก๋มากขึ้น ในบางจังหวะ เพลงมันส่งอารมณ์ให้เราลื่นไหลไปกับหนังและตัวละครมากขึ้นอีกด้วย
พาร์ทการแสดงโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งทีม
เราชอบการแสดงของต่อ-ธนภพในเรื่องนี้มากที่สุด เมื่อเทียบกับผลงานของเขาทุกเรื่องที่เราเคยดูมา หน้าตากับริมฝีปากแบบคั้นอารมณ์ที่เราเคยเห็นเป็นประจำ มันดูลดดีกรีลง มันเลยดูจริงมากๆในหนังเรื่องนี้ ปกติซีนอารมณ์ ต่อมักจะมีหน้าเดียวแบบที่เราเดาได้ให้เราเห็น แต่เรื่องนี้เราไม่เห็นแบบนั้น เราเชื่อการแสดงของเขา
ในช่วงโร้ดทริปครึ่งเรื่องแรก ต่อเล่นดีมากๆ
แต่สำหรับเรา นักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเรื่องนี้ เราขอยกให้ พลอย หอวัง แบบไม่มีข้อกังขาใดๆเลย แม้จะโผล่มาเพียงไม่กี่ซีน แต่เอาอยู่หมดจดทุกซีน โดยเฉพาะซีนที่อลิซนั่งคุยกับอู๊ดบนโต๊ะอาหารตอนที่อู๊ดเอากระเป๋ามาคืน เรารู้สึกเชื่อทุกคำพูด ทุกน้ำเสียง ทุกสีหน้า ทุกรอยยิ้มและที่สำคัญแววตาของเธอดีมากสุดๆ เราว่าเล่นยากมากนะรอยยิ้มและแววตาแบบนี้ เรารู้สึกเหมือนเธอคุยกับแฟนเก่าอยู่จริงๆเลย และขนาดเดินออกจากโรงมาแล้ว ซีนนี้ยังตราตรึงเราอยู่เลย
จะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ว่าเราเป็นโรคร้ายและอาจจะจากโลกใบนี้ไปในไม่ช้า
อู๊ดตัดสินใจอยากจะร่ำลาคนที่รู้จักทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย และสำหรับคนที่สำคัญในชีวิต เขาเลือกที่จะเดินทางไปพบเจอด้วยตัวเองเพื่อพูดคุยบางอย่างที่ค้างในใจเป็นครั้งสุดท้าย และคนสำคัญที่ว่า นั่นคือแฟนเก่าของเขา
เมื่ออู๊ดได้ร่ำลาแฟนเก่าของเขาแล้ว เขาจะลบเบอร์มือถือของเธอคนนั้นไป ราวกับว่า เขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกบางอย่างที่คั่งข้างในใจของเขาออกไปได้แล้ว
บอส คือเพื่อนสนิทที่เขาขอให้ช่วยกลับจากนิวยอร์ค เพื่อช่วยขับรถพาเขาไปหาแฟนเก่าของเขา
เทปหน้า A - Aood
Alice's Dance - อลิซ
แฟนคนสุดท้ายของอู๊ด แต่เป็นคนแรกที่เขาเดินทางไปร่ำลา ความสัมพันธ์ของอู๊ดกับอลิซ ในหนังเลือกเล่าให้เห็นแต่ในมุมที่สวยงาม ทั้งตอนปัจจุบันและแฟลชแบ็ค เราเชื่อว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทั้งสองคนไปต่อด้วยกันไม่ได้ ลึกๆแล้ว เรารู้สึกว่าอลิซยังรู้สึกกับอู๊ดอยู่ ในหนังไม่ได้เล่าอย่างเจาะจงว่าทำไมทั้งคู่ถึงไปต่อด้วยกันไม่ได้
เราชอบที่อลิซเล่าถึงแฟนคนล่าสุดที่เธอเพิ่งเลิกไป การแสดงออกของอู๊ดในการรับฟังเรื่องราวมันสื่อสารความรู้สึกของพวกเขาได้ดีมาก เรารู้สึกว่าทั้งสองยังรู้สึกต่อกันอยู่
"ไอขอโทษที่พยายามไม่มากพอ"
"ยูพยายามที่สุดแล้ว"
Noona's Tears - หนูนา
แฟนคนที่อู๊ดเคยคบตอนที่อยู่นิวยอร์ค ความสัมพันธ์จบลงไม่ดี หนูนามีความฝันอยากเป็นนักแสดง เธอพยายามทำตามความฝันของเธออย่างซื่อสัตย์ แต่คนที่อยู่ข้างๆเธอในตอนนั้น กลับไม่ได้คอยช่วยสนับสนุนเธอเลย ซ้ำยังคอยถ่วงทำให้เธอไม่ได้ทำตามความฝันเสียอีก
อู๊ดเดินทางมาเพื่อขอโทษหนูนา ในเรื่องที่เขาไม่เคยเป็นคนที่คอยช่วยสนับสนุนเธอเลย เรารู้สึกได้ว่าอู๊ดอยากขอโทษจริงๆ พร้อมเอาถ้วยรางวัล อู๊ดสก้า สาขา Best Girlfriend มาคืนให้เธอ
แต่สิ่งที่ได้รับจากหนูนา ก็คือการตบหน้าและการต่อว่าฉาดใหญ่ ซึ่งเราเข้าใจสิ่งที่หนูนาตอบกลับเป็นอย่างดี สิ่งที่เราเห็นในแฟลชแบ็คมันเด่นชัดมาก สำหรับหนูนาแล้ว คำขอโทษมันคงไม่มีความหมายอะไรเลย
หนูนากลับไปเข้าฉาก เธอแสดงได้ยอดเยี่ยมาก เธอพูดไดอะล็อคที่ราวกลับว่าเป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงของเธอ สิ้นเสียงคัทจากผู้กำกับและคำชื่นชมในการแสดง เธอปลีกตัวออกไปร้องไห้ ราวกับว่าเรื่องราวในวันนั้นเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เอง
After the Rain - พี่รุ้ง
ความสัมพันธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นอย่างผิวเผินในช่วงเวลาแห่งความเหงาในมหานครนิวยอร์คของอู๊ดกับพี่รุ้ง แฟลชแบ็คในหนังมันมีซีนน้อยมาก จะเน้นก็อยู่แต่ในซีนถ่ายรูปบนดาดฟ้าตึกในนิวยอร์คแค่นั้น แต่เราเห็นบทสรุปของความสัมพันธ์ ในตอนที่พี่รุ้งต้องกลับเมืองไทย เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่เรารู้แน่ๆคือ อู๊ดไม่ได้เลือกกลับมาเมืองไทยพร้อมพี่รุ้ง
ภาพฝันที่สวยงามของอู๊ดในการเดินทางมาเจอพี่รุ้งที่เชียงใหม่ก็ถูกกลบด้วยสายฝนที่ชะล้างภาพนั้นออกไปสิ้น พี่รุ้งไม่อยากเจอหน้าอู๊ด
ชีวิตของช่างภาพสาวที่ครั้งหนึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ในมหานครนิวยอร์ค เมืองที่โดดเด่นในด้านสายงานช่างภาพ วันนี้เธอกลับกลายเป็นแม่บ้านลูกหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าอยู่ที่เชียงใหม่ เราไม่รู้ว่าทุกวันนี้เธอมีความสุขหรือไม่ เรารู้แต่ว่าความจริงในวันนี้มันคงห่างไกลมากจากภาพฝันของเธอ...และฟิล์มม้วนนั้นก็จะยังไม่ถูกล้างต่อไป
พ่อ
แม้แต่งานศพของพ่อตัวเอง อู๊ดยังไม่เดินทางกลับมาเลย สิ่งที่อู๊ดพอจะทำได้เมื่อสายเป็นแล้ว คือไปขอเทปการจัดรายการของพ่อสมัยเป็นดีเจมานั่งฟังวนไปวนมา
และตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่บอสอยากจะทำให้พ่อในการร่ำลาครั้งสุดท้าย คือเอาอัฐิของพ่อไปลอยอังคารที่ปากอ่าว (ตามพิธีกรรมในพุทธศาสนา) แม้จะไม่ได้ล่องเรือออกไปลอยจริงๆ แต่เรารู้สึกได้ถึงพิธีกรรมนี้ แม้จะโปรยออกไปจากในรถยนต์ก็ตาม
พ่อขับรถแซงขึ้นหน้าไปและโบกมือร่ำลาบอสครั้งสุดท้าย เขาได้ปลอดปล่อยสิ่งที่ค้างคาใจเรื่องพ่อของเขาแล้ว
แล้วอู๊ดกับบอสก็ออกเดินทางต่อไปบ้านบอสที่พัทยา เพื่อไปค้นหาอะไรบางอย่างในชีวิตบอส...พร้อมกับเบอร์โทรสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโทรศัพท์ของอู๊ด
เทปหน้า B - Boss
ชื่อสุดท้ายในโทรศัพท์ของอู๊ด คือชื่อ บอส
คนสุดท้ายในชีวิตที่อู๊ดอยากร่ำลาคือบอส เขาอยากคืนบางสิ่งบางอย่างให้แก่บอส
ในสมัยบอสวัยรุ่น แม้ว่าแม่ของบอสจะไปแต่งงานใหม่กับคนรวย แต่บอสไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่ได้มา เขาแค่อยากอยู่กับแม่ของเขาแค่สองคน มากกว่าแบบที่เป็นอยู่นี้ จนเขาได้มาพบกับพริม บาร์เทนดี้สาวที่ยอมเสิร์ฟค็อกเทล New York Sour ให้เป็นของขวัญวันเกิดเขา แม้จะอายุยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะดื่มได้ก็ตาม
ความสัมพันธ์ครั้งแรกในคืนนั้น สานต่อมาเป็นความรักของวัยหนุ่มสาว จนไปถึงการเดินทางไปใช้ชีวิตด้วยกันที่มหานครนิวยอร์ค
ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้น จากที่พริมเริ่มไปใช้เวลามากขึ้นกับความฝันในการอยากเป็นบาร์เทนดี้ และมีเวลาให้บอสน้อยลง จนถึงขึ้นแตกหักเมื่อบอสมารู้ความจริง ว่าที่ปริมเดินทางมานิวยอร์คกับเขาได้นั้น มันไม่ได้มาจากเงินเก็บอย่างที่พริมเคยบอกไว้
สุดท้ายบอสก็รู้สึกผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ และอยากกลับมาขอโทษพริม แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น เพราะอู๊ด ที่เป็นเพื่อนที่ทำงานกับพริมที่ร้านอาหาร มาบอกบอสว่า พริมมีแฟนใหม่แล้ว บอสเลยเสียศูนย์ไปอยู่พักใหญ่ และหลังจากนั้นบอสก็ใช้ชีวิตสนุกกินดื่มเที่ยวไปวันๆอยู่อีกนาน
อู๊ดหลงรักพริม จากการเริ่มเป็นเพื่อนร่วมงานร้านอาหาร คลื่นวิทยุที่พริมชอบฟัง เป็นความประทับใจเล็กๆที่ดึงอู๊ดเข้าไปสนใจในตัวพริมมากขึ้น
เมื่อพริมเลิกกับบอส อู๊ดตัดสินใจสารภาพรักกับพริม แต่พริมไม่ได้คิดแบบเดียวกัน พริมยังรักบอสอยู่และคิดกับอู๊ดแค่เพื่อนเท่านั้น
ครั้งเดียวที่อู๊ดเคยได้ทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง ก็คงจะเป็นการช่วยเหลือบอสจากเหตุการณ์ที่โดนทำร้ายจนตกไปในรางรถไฟเท่านั้น และครั้งนั้นก็เป็นจุดเริ่มของมิตรภาพระหว่างอู๊ดกับบอส
อู๊ดเป็นคนที่ไม่มีแพชชั่นในชีวิต ไม่มีเป้าหมายในชีวิต จนมาได้เจอพริม ชีวิตจึงมีความหมายขึ้นมา เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ ยอมโกหกบอส ว่าพริมมีแฟนใหม่แล้ว เพื่อให้บอสเลิกมาตามง้อพริมอีก จริงๆแล้วอู๊ดก็แค่คิดถึงตัวเองเท่านั้น
แทนที่เขาจะคอยสนับสนุนในความฝันของหนูนา แต่เขากลับทำลายความฝันนั้นของหนูนาทิ้งไป เอาตัวเองเป็นที่ตั้งทุกอย่าง คนที่ไม่มีความฝันกลับไปทำร้ายความฝันของคนอื่น เขาคิดแค่เรื่องตัวเองแค่นั้น แค่ไม่อยากให้หนูนาไปยุ่งกับคนอื่นโดยไม่สนใจความรู้สึกของหนูนาเลย
แม้จะไม่เห็นชัดว่า ความสัมพันธ์กับพี่รุ้งจบลงอย่างไร แต่การที่เลือกไม่เดินทางกลับประเทศไทยกับพี่รุ้ง ก็คงจะพอคิดได้ว่าสุดท้ายอู๊ดก็เลือกตัวเอง ไม่ได้เลือกความรู้สึกของพี่รุ้งเลย
แม้ความสัมพันธ์กับอลิซจะยังมีมุมสวยงามเหลืออยู่บ้าง แต่ในตอนที่จบความสัมพันธ์ ก็เป็นอู๊ดที่เป็นคนทิ้งอลิซไปอยู่ดี กระเป๋าที่อู๊ดเอามาคืนอลิซ ก็คือกระเป๋าใบที่อู๊ดเก็บของแล้วจากอลิซไปนั่นเอง
เพื่อนที่ช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดีอย่างบอส พอถึงจุดหนึ่งเขาก็กล้าทิ้งบอส เพื่อเดินทางกลับไทยพร้อมอลิซ ทิ้งบอสไว้ให้เปิดบาร์เพียงคนเดียว ทั้งๆที่วางแผนกันไว้ว่าจะช่วยทำบาร์ด้วยกัน
หากไม่ถึงวาระสุดท้าย อู๊ดจะรู้สึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาบ้างไหม
การขอโทษในสิ่งที่เราเคยทำผิดไป สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ควรต้องรอให้ถึงวันสุดท้าย แต่เราก็เข้าใจได้ว่า บางครั้งในชีวิตเรา ไม่สามารถที่จะเข้าใจทุกเรื่องได้ในช่วงหนึ่ง บางเรื่องราวมันอาจต้องใช้เวลาเป็นหลายวันหลายปี ที่เราจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้ว่าเราควรทำอะไรต่อจากนี้
ในวันที่อู๊ดเริ่มตระหนักและเข้าใจในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป แต่กับบางคนแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถจะก้าวผ่านและยอมรับมันได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของเขา อย่างที่บอกไปว่า ทุกเรื่องราวมันต้องการเวลาที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจ และเวลาของแต่ละคน มันก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป
การยอมรับผิด การขอโทษ มันไม่ได้ถูกจำกัดไว้ให้แค่คนใดคนหนึ่งใช้ หรือสำหรับช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น หากเพียงแต่มันมีไว้ให้พวกเราทุกๆคนใช้ และมีให้ใช้ในทุกช่วงเวลาอีกด้วย อย่าปล่อยให้มันถึงช่วงเวลาสุดท้ายเลย
แม่ตั๊กมาเยี่ยมบอส หลังจากที่เขากลับมาทำธุรกิจบาร์ได้ดีอีกครั้ง บอสเสิร์ฟค็อกเทล Chemotherapy ให้แม่ แม่นิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว
"คำขอโทษ" กับบอสด้วยความจริงใจสุดๆ แม่พูดย้ำมันอีกครั้งเพื่อยืนยัน นี่น่าจะเป็นการขอโทษที่ยืนยันกับเราได้ว่า คำขอโทษ มันเป็นของทุกคนจริงๆ และเราไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายหรอก
สำหรับเราแล้ว One for the Road
"คำขอบคุณสุดท้ายก่อนกลับบ้าน" คงจะเป็นบทสัมภาษณ์ของหนูนาที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว ขอบคุณเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต เรื่องราวแย่ๆก็กลายเป็นสิ่งที่เธอนำมาใช้ในการแสดงของเธอได้
เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งที่เราได้ทำลงไป มันล้วนเกิดผลทั้งนั้น จะทั้งแง่ดีหรือไม่ดีก็ตาม เราเชื่อว่า
"คำขอโทษ" ที่อู๊ดเดินทางไปบอกกับหนูนาที่โบสถ์ในวันนั้น มันก็ย่อมส่งผลอะไรบางอย่าง แม้ในวันนั้นที่อู๊ดขอโทษ หนูนาจะตอบกลับอู๊ดไปแบบนั้นก็ตาม แต่สุดท้ายเราเชื่อว่าทุกคำขอโทษที่มาจากใจจริง มันจะส่งผลอะไรบางอย่างแน่นอน
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
One for the Road - คำขอบคุณสุดท้ายก่อนกลับบ้าน (Spoil)
ผลงานการกำกับลำดับที่ 3 ของบาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ เราเคยดูผลงานของเขามาแล้วทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งเราไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษกับผลงานของเขาทั้ง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ แต่เรายังชื่นชมเขาในสไตล์การทำหนังที่แตกต่างจากหนังไทยทั่วไป แต่สำหรับ One for the Road แล้ว นี่คือผลงานของบาส ที่เราชอบที่สุด เราชอบแมสเซจในหนังเรื่องนี้ เราเชื่อมโย่งได้กับความรู้สึกที่หลากหลายของตัวละครในเรื่องนี้
เพลงประกอบและดนตรีประกอบทำได้ดีมากๆ ต้องชมทั้งรสนิยมการเลือกเพลงและรสนิยมในการทำดนตรีประกอบ มันทำให้หนังเรื่องนี้มีความเก๋มากขึ้น ในบางจังหวะ เพลงมันส่งอารมณ์ให้เราลื่นไหลไปกับหนังและตัวละครมากขึ้นอีกด้วย
พาร์ทการแสดงโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งทีม
เราชอบการแสดงของต่อ-ธนภพในเรื่องนี้มากที่สุด เมื่อเทียบกับผลงานของเขาทุกเรื่องที่เราเคยดูมา หน้าตากับริมฝีปากแบบคั้นอารมณ์ที่เราเคยเห็นเป็นประจำ มันดูลดดีกรีลง มันเลยดูจริงมากๆในหนังเรื่องนี้ ปกติซีนอารมณ์ ต่อมักจะมีหน้าเดียวแบบที่เราเดาได้ให้เราเห็น แต่เรื่องนี้เราไม่เห็นแบบนั้น เราเชื่อการแสดงของเขา
ในช่วงโร้ดทริปครึ่งเรื่องแรก ต่อเล่นดีมากๆ
แต่สำหรับเรา นักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเรื่องนี้ เราขอยกให้ พลอย หอวัง แบบไม่มีข้อกังขาใดๆเลย แม้จะโผล่มาเพียงไม่กี่ซีน แต่เอาอยู่หมดจดทุกซีน โดยเฉพาะซีนที่อลิซนั่งคุยกับอู๊ดบนโต๊ะอาหารตอนที่อู๊ดเอากระเป๋ามาคืน เรารู้สึกเชื่อทุกคำพูด ทุกน้ำเสียง ทุกสีหน้า ทุกรอยยิ้มและที่สำคัญแววตาของเธอดีมากสุดๆ เราว่าเล่นยากมากนะรอยยิ้มและแววตาแบบนี้ เรารู้สึกเหมือนเธอคุยกับแฟนเก่าอยู่จริงๆเลย และขนาดเดินออกจากโรงมาแล้ว ซีนนี้ยังตราตรึงเราอยู่เลย
จะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ว่าเราเป็นโรคร้ายและอาจจะจากโลกใบนี้ไปในไม่ช้า
อู๊ดตัดสินใจอยากจะร่ำลาคนที่รู้จักทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย และสำหรับคนที่สำคัญในชีวิต เขาเลือกที่จะเดินทางไปพบเจอด้วยตัวเองเพื่อพูดคุยบางอย่างที่ค้างในใจเป็นครั้งสุดท้าย และคนสำคัญที่ว่า นั่นคือแฟนเก่าของเขา
เมื่ออู๊ดได้ร่ำลาแฟนเก่าของเขาแล้ว เขาจะลบเบอร์มือถือของเธอคนนั้นไป ราวกับว่า เขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกบางอย่างที่คั่งข้างในใจของเขาออกไปได้แล้ว
บอส คือเพื่อนสนิทที่เขาขอให้ช่วยกลับจากนิวยอร์ค เพื่อช่วยขับรถพาเขาไปหาแฟนเก่าของเขา
เทปหน้า A - Aood
Alice's Dance - อลิซ
แฟนคนสุดท้ายของอู๊ด แต่เป็นคนแรกที่เขาเดินทางไปร่ำลา ความสัมพันธ์ของอู๊ดกับอลิซ ในหนังเลือกเล่าให้เห็นแต่ในมุมที่สวยงาม ทั้งตอนปัจจุบันและแฟลชแบ็ค เราเชื่อว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทั้งสองคนไปต่อด้วยกันไม่ได้ ลึกๆแล้ว เรารู้สึกว่าอลิซยังรู้สึกกับอู๊ดอยู่ ในหนังไม่ได้เล่าอย่างเจาะจงว่าทำไมทั้งคู่ถึงไปต่อด้วยกันไม่ได้
เราชอบที่อลิซเล่าถึงแฟนคนล่าสุดที่เธอเพิ่งเลิกไป การแสดงออกของอู๊ดในการรับฟังเรื่องราวมันสื่อสารความรู้สึกของพวกเขาได้ดีมาก เรารู้สึกว่าทั้งสองยังรู้สึกต่อกันอยู่
"ไอขอโทษที่พยายามไม่มากพอ"
"ยูพยายามที่สุดแล้ว"
Noona's Tears - หนูนา
แฟนคนที่อู๊ดเคยคบตอนที่อยู่นิวยอร์ค ความสัมพันธ์จบลงไม่ดี หนูนามีความฝันอยากเป็นนักแสดง เธอพยายามทำตามความฝันของเธออย่างซื่อสัตย์ แต่คนที่อยู่ข้างๆเธอในตอนนั้น กลับไม่ได้คอยช่วยสนับสนุนเธอเลย ซ้ำยังคอยถ่วงทำให้เธอไม่ได้ทำตามความฝันเสียอีก
อู๊ดเดินทางมาเพื่อขอโทษหนูนา ในเรื่องที่เขาไม่เคยเป็นคนที่คอยช่วยสนับสนุนเธอเลย เรารู้สึกได้ว่าอู๊ดอยากขอโทษจริงๆ พร้อมเอาถ้วยรางวัล อู๊ดสก้า สาขา Best Girlfriend มาคืนให้เธอ
แต่สิ่งที่ได้รับจากหนูนา ก็คือการตบหน้าและการต่อว่าฉาดใหญ่ ซึ่งเราเข้าใจสิ่งที่หนูนาตอบกลับเป็นอย่างดี สิ่งที่เราเห็นในแฟลชแบ็คมันเด่นชัดมาก สำหรับหนูนาแล้ว คำขอโทษมันคงไม่มีความหมายอะไรเลย
หนูนากลับไปเข้าฉาก เธอแสดงได้ยอดเยี่ยมาก เธอพูดไดอะล็อคที่ราวกลับว่าเป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงของเธอ สิ้นเสียงคัทจากผู้กำกับและคำชื่นชมในการแสดง เธอปลีกตัวออกไปร้องไห้ ราวกับว่าเรื่องราวในวันนั้นเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เอง
After the Rain - พี่รุ้ง
ความสัมพันธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นอย่างผิวเผินในช่วงเวลาแห่งความเหงาในมหานครนิวยอร์คของอู๊ดกับพี่รุ้ง แฟลชแบ็คในหนังมันมีซีนน้อยมาก จะเน้นก็อยู่แต่ในซีนถ่ายรูปบนดาดฟ้าตึกในนิวยอร์คแค่นั้น แต่เราเห็นบทสรุปของความสัมพันธ์ ในตอนที่พี่รุ้งต้องกลับเมืองไทย เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่เรารู้แน่ๆคือ อู๊ดไม่ได้เลือกกลับมาเมืองไทยพร้อมพี่รุ้ง
ภาพฝันที่สวยงามของอู๊ดในการเดินทางมาเจอพี่รุ้งที่เชียงใหม่ก็ถูกกลบด้วยสายฝนที่ชะล้างภาพนั้นออกไปสิ้น พี่รุ้งไม่อยากเจอหน้าอู๊ด
ชีวิตของช่างภาพสาวที่ครั้งหนึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ในมหานครนิวยอร์ค เมืองที่โดดเด่นในด้านสายงานช่างภาพ วันนี้เธอกลับกลายเป็นแม่บ้านลูกหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าอยู่ที่เชียงใหม่ เราไม่รู้ว่าทุกวันนี้เธอมีความสุขหรือไม่ เรารู้แต่ว่าความจริงในวันนี้มันคงห่างไกลมากจากภาพฝันของเธอ...และฟิล์มม้วนนั้นก็จะยังไม่ถูกล้างต่อไป
พ่อ
แม้แต่งานศพของพ่อตัวเอง อู๊ดยังไม่เดินทางกลับมาเลย สิ่งที่อู๊ดพอจะทำได้เมื่อสายเป็นแล้ว คือไปขอเทปการจัดรายการของพ่อสมัยเป็นดีเจมานั่งฟังวนไปวนมา
และตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่บอสอยากจะทำให้พ่อในการร่ำลาครั้งสุดท้าย คือเอาอัฐิของพ่อไปลอยอังคารที่ปากอ่าว (ตามพิธีกรรมในพุทธศาสนา) แม้จะไม่ได้ล่องเรือออกไปลอยจริงๆ แต่เรารู้สึกได้ถึงพิธีกรรมนี้ แม้จะโปรยออกไปจากในรถยนต์ก็ตาม
พ่อขับรถแซงขึ้นหน้าไปและโบกมือร่ำลาบอสครั้งสุดท้าย เขาได้ปลอดปล่อยสิ่งที่ค้างคาใจเรื่องพ่อของเขาแล้ว
แล้วอู๊ดกับบอสก็ออกเดินทางต่อไปบ้านบอสที่พัทยา เพื่อไปค้นหาอะไรบางอย่างในชีวิตบอส...พร้อมกับเบอร์โทรสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโทรศัพท์ของอู๊ด
เทปหน้า B - Boss
ชื่อสุดท้ายในโทรศัพท์ของอู๊ด คือชื่อ บอส
คนสุดท้ายในชีวิตที่อู๊ดอยากร่ำลาคือบอส เขาอยากคืนบางสิ่งบางอย่างให้แก่บอส
ในสมัยบอสวัยรุ่น แม้ว่าแม่ของบอสจะไปแต่งงานใหม่กับคนรวย แต่บอสไม่ได้มีความสุขเลยกับสิ่งที่ได้มา เขาแค่อยากอยู่กับแม่ของเขาแค่สองคน มากกว่าแบบที่เป็นอยู่นี้ จนเขาได้มาพบกับพริม บาร์เทนดี้สาวที่ยอมเสิร์ฟค็อกเทล New York Sour ให้เป็นของขวัญวันเกิดเขา แม้จะอายุยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะดื่มได้ก็ตาม
ความสัมพันธ์ครั้งแรกในคืนนั้น สานต่อมาเป็นความรักของวัยหนุ่มสาว จนไปถึงการเดินทางไปใช้ชีวิตด้วยกันที่มหานครนิวยอร์ค
ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้น จากที่พริมเริ่มไปใช้เวลามากขึ้นกับความฝันในการอยากเป็นบาร์เทนดี้ และมีเวลาให้บอสน้อยลง จนถึงขึ้นแตกหักเมื่อบอสมารู้ความจริง ว่าที่ปริมเดินทางมานิวยอร์คกับเขาได้นั้น มันไม่ได้มาจากเงินเก็บอย่างที่พริมเคยบอกไว้
สุดท้ายบอสก็รู้สึกผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ และอยากกลับมาขอโทษพริม แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น เพราะอู๊ด ที่เป็นเพื่อนที่ทำงานกับพริมที่ร้านอาหาร มาบอกบอสว่า พริมมีแฟนใหม่แล้ว บอสเลยเสียศูนย์ไปอยู่พักใหญ่ และหลังจากนั้นบอสก็ใช้ชีวิตสนุกกินดื่มเที่ยวไปวันๆอยู่อีกนาน
อู๊ดหลงรักพริม จากการเริ่มเป็นเพื่อนร่วมงานร้านอาหาร คลื่นวิทยุที่พริมชอบฟัง เป็นความประทับใจเล็กๆที่ดึงอู๊ดเข้าไปสนใจในตัวพริมมากขึ้น
เมื่อพริมเลิกกับบอส อู๊ดตัดสินใจสารภาพรักกับพริม แต่พริมไม่ได้คิดแบบเดียวกัน พริมยังรักบอสอยู่และคิดกับอู๊ดแค่เพื่อนเท่านั้น
ครั้งเดียวที่อู๊ดเคยได้ทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง ก็คงจะเป็นการช่วยเหลือบอสจากเหตุการณ์ที่โดนทำร้ายจนตกไปในรางรถไฟเท่านั้น และครั้งนั้นก็เป็นจุดเริ่มของมิตรภาพระหว่างอู๊ดกับบอส
อู๊ดเป็นคนที่ไม่มีแพชชั่นในชีวิต ไม่มีเป้าหมายในชีวิต จนมาได้เจอพริม ชีวิตจึงมีความหมายขึ้นมา เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ ยอมโกหกบอส ว่าพริมมีแฟนใหม่แล้ว เพื่อให้บอสเลิกมาตามง้อพริมอีก จริงๆแล้วอู๊ดก็แค่คิดถึงตัวเองเท่านั้น
แทนที่เขาจะคอยสนับสนุนในความฝันของหนูนา แต่เขากลับทำลายความฝันนั้นของหนูนาทิ้งไป เอาตัวเองเป็นที่ตั้งทุกอย่าง คนที่ไม่มีความฝันกลับไปทำร้ายความฝันของคนอื่น เขาคิดแค่เรื่องตัวเองแค่นั้น แค่ไม่อยากให้หนูนาไปยุ่งกับคนอื่นโดยไม่สนใจความรู้สึกของหนูนาเลย
แม้จะไม่เห็นชัดว่า ความสัมพันธ์กับพี่รุ้งจบลงอย่างไร แต่การที่เลือกไม่เดินทางกลับประเทศไทยกับพี่รุ้ง ก็คงจะพอคิดได้ว่าสุดท้ายอู๊ดก็เลือกตัวเอง ไม่ได้เลือกความรู้สึกของพี่รุ้งเลย
แม้ความสัมพันธ์กับอลิซจะยังมีมุมสวยงามเหลืออยู่บ้าง แต่ในตอนที่จบความสัมพันธ์ ก็เป็นอู๊ดที่เป็นคนทิ้งอลิซไปอยู่ดี กระเป๋าที่อู๊ดเอามาคืนอลิซ ก็คือกระเป๋าใบที่อู๊ดเก็บของแล้วจากอลิซไปนั่นเอง
เพื่อนที่ช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดีอย่างบอส พอถึงจุดหนึ่งเขาก็กล้าทิ้งบอส เพื่อเดินทางกลับไทยพร้อมอลิซ ทิ้งบอสไว้ให้เปิดบาร์เพียงคนเดียว ทั้งๆที่วางแผนกันไว้ว่าจะช่วยทำบาร์ด้วยกัน
หากไม่ถึงวาระสุดท้าย อู๊ดจะรู้สึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาบ้างไหม
การขอโทษในสิ่งที่เราเคยทำผิดไป สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ควรต้องรอให้ถึงวันสุดท้าย แต่เราก็เข้าใจได้ว่า บางครั้งในชีวิตเรา ไม่สามารถที่จะเข้าใจทุกเรื่องได้ในช่วงหนึ่ง บางเรื่องราวมันอาจต้องใช้เวลาเป็นหลายวันหลายปี ที่เราจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้ว่าเราควรทำอะไรต่อจากนี้
ในวันที่อู๊ดเริ่มตระหนักและเข้าใจในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป แต่กับบางคนแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถจะก้าวผ่านและยอมรับมันได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของเขา อย่างที่บอกไปว่า ทุกเรื่องราวมันต้องการเวลาที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจ และเวลาของแต่ละคน มันก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป
การยอมรับผิด การขอโทษ มันไม่ได้ถูกจำกัดไว้ให้แค่คนใดคนหนึ่งใช้ หรือสำหรับช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น หากเพียงแต่มันมีไว้ให้พวกเราทุกๆคนใช้ และมีให้ใช้ในทุกช่วงเวลาอีกด้วย อย่าปล่อยให้มันถึงช่วงเวลาสุดท้ายเลย
แม่ตั๊กมาเยี่ยมบอส หลังจากที่เขากลับมาทำธุรกิจบาร์ได้ดีอีกครั้ง บอสเสิร์ฟค็อกเทล Chemotherapy ให้แม่ แม่นิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว "คำขอโทษ" กับบอสด้วยความจริงใจสุดๆ แม่พูดย้ำมันอีกครั้งเพื่อยืนยัน นี่น่าจะเป็นการขอโทษที่ยืนยันกับเราได้ว่า คำขอโทษ มันเป็นของทุกคนจริงๆ และเราไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายหรอก
สำหรับเราแล้ว One for the Road "คำขอบคุณสุดท้ายก่อนกลับบ้าน" คงจะเป็นบทสัมภาษณ์ของหนูนาที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว ขอบคุณเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต เรื่องราวแย่ๆก็กลายเป็นสิ่งที่เธอนำมาใช้ในการแสดงของเธอได้
เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งที่เราได้ทำลงไป มันล้วนเกิดผลทั้งนั้น จะทั้งแง่ดีหรือไม่ดีก็ตาม เราเชื่อว่า "คำขอโทษ" ที่อู๊ดเดินทางไปบอกกับหนูนาที่โบสถ์ในวันนั้น มันก็ย่อมส่งผลอะไรบางอย่าง แม้ในวันนั้นที่อู๊ดขอโทษ หนูนาจะตอบกลับอู๊ดไปแบบนั้นก็ตาม แต่สุดท้ายเราเชื่อว่าทุกคำขอโทษที่มาจากใจจริง มันจะส่งผลอะไรบางอย่างแน่นอน
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/