เรื่องเล่าที่ 11 : ก๊อก ก๊อก : ระดับความหลอน 5 กะโหลก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า เทปใส
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงที่เทปใสเดินทางไปสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นราชการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือที่เรารู้จักกันในตัวย่อว่า ตม.
เพราะได้สนามสอบที่มหาวิทยาลัยแถวหัวหมาก เทปใสที่เป็นคนต่างจังหวัดจึงต้องจัดการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินทางออนไลน์ ซึ่งด้วยความที่ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง เทปใสจึงเน้นความประหยัดเอาไว้ก่อน
ด้วยความที่ไม่รู้จักพื้นที่และเส้นทางรอบๆ สนามสอบ เทปใสเลยพยายามที่จะเลือกที่พักที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด หลังค้นเจอโรงแรมแห่งหนึ่งที่ราคาค่อนข้างถูกและมีคนรีวิวไว้ว่าสะอาดน่าพัก เทปใสก็ทำการจองจ่ายเงินมัดจำไว้ทันที
โชคดีที่เทปใสมีเพื่อนทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เพราะงั้นในวันที่เดินทางมาถึงกรุงเทพ เทปใสเลยประหยัดเงินค่าโดยสารไปได้เยอะ
“อย่าบอกว่าแกพักที่โรงแรมนี้นะ” นี่เป็นประโยคแรกที่พราว เพื่อนที่มาส่งเทปใสถามเป็นอย่างแรกหลังเห็นโรงแรม
“ใช่ ทำไมหรอ” เทปใสตอบพลางถมกลับ ในใจเริ่มตงิดๆ กับคำถามของเพื่อน เพราะตัวเทปใสเองก็กลัวอยู่ไม่ใช่น้อย ด้วยครั้งนี้ตนเดินทางไกลเพื่อมาสอบเพียงลำพัง และเพราะไม่รู้จักพื้นที่ เลยอดที่จะกังวลไม่ได้ว่าโรงแรมที่ตนเองเลือกนั้นจะมีปัญหาอะไรหรือไม่
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร เห็นโรงแรมดูใหม่ดีก็เลยถามเฉยๆ” พราวตอบพร้อมกับส่ายหน้าสักพัก ก่อนจะขอตัวกลับก่อน เทปใสยืนส่งสักพักก็เดินเข้าโรงแรมเพื่อไปทำเรื่องเข้าพัก โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่าที่ทำการรีโนเวททาสีใหม่ สภาพโดยรวมถือว่าโอเค เรื่องความสะอาดเป็นจริงเหมือนกับที่เทปใสเห็นในรีวิว เพียงแต่... พนักงานที่ประจำอยู่ภายในโรงแรมมีอยู่เพียงไม่กี่คน พนักงานประจำฟร้อน ยามและแม่บ้านมีอย่างละหนึ่งคนเท่านั้น แถมพนักงานประจำฟร้อนยังเป็นผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอดแล้วอีกด้วย หลังจัดการทำเรื่องเข้าพักเสร็จ พี่พนักงานผู้หญิงก็แนะนำเรื่องและกฎต่างๆ ของโรงแรมให้เทปใสฟัง ก่อนจะเดินนำเทปใสไปยังที่เทปใสจองไว้
โดยห้องที่เทปใสทำการจองไว้เป็นห้องที่มีเตียงขนาดควีนไซต์ แต่ทันทีที่เทปใสเปิดประตูห้องพักเข้าไปกลับได้ห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว เทปใสหันไปมองหน้าพี่พนักงานผู้หญิงอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยเดินทางมาต่างจังหวัดคนเดียวมาก่อนเลยไม่รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรต้องเริ่มต้นพูดอย่างไรดี เห็นเทปใสไม่พูดอะไร พี่พนักงานผู้หญิงก็หันหลังเดินกลับไป เทปใสที่มั่วแต่ชังใจว่าควรทำยังไงก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและเดินไปนั่งบนเตียงด้วยความรู้สึกผิดหวังปนเซงหน่อยๆ
เทปใสเปิดไฟทุกดวงในห้องพัก กะจะให้ห้องนี้ดูสว่าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโครงสร้างภายใน หรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ หรือโทนสีของห้องถึงจะเปิดไฟทุกดวงแล้วแต่ห้องพักนี้ก็ยังดูทึบอยู่ดี เทปใสเลยเดินไปเปิดม่านที่ระเบียงออก คิดแค่ว่าห้องจะสว่างขึ้นมาถ้าเปิดม่านออก ตอนที่เปิดม่านออก เทปใสตกใจจนสบถออกมา แถมยังกระโดดถอยออกมาจนเกือบจะเสียหลักล้มลง เทปใสยกมือขึ้นทาบหน้าอกเพื่อปลอบใจตัวเอง หัวใจเทปใสเต้นแรงมากจนได้ยินเสียง ตึกตัก ตึกตัก ภาพที่เห็นยังคงติดตา
ช่วงจังหวะที่เปิดม่านออกนั้น แทนที่จะได้เห็นวิวท้องฟ้า เทปใสกลับเห็นเป็นหน้าชายแก่คนนึง ยืนยิ้มเอาหน้าแนบกระจกอยู่ที่ระเบียง! พอเห็นดังนั้น เทปใสตกใจแต่ชายแก่กลับหัวเราะ ก่อนจะหันหลังกระโดดลงจากระเบียง!!
เทปใสตกใจยิ่งกว่าเดิม รีบเปิดประตูออกแล้ววิ่งไปดูที่ระเบียงทันที เพราะชั้นที่เทปใสอยู่นั้นคือชั้น 5 หากกระโดดลงไปแบบนั้นคงยากมากที่จะรอด
แต่ที่พื้นด้านล่างกลับว่างเปล่า ผู้คนเดินสวนกันไปมาเป็นปกติ ราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เทปใสทรุดตัวลงนั่งที่ระเบียงอย่างหมดแรง เกิดมาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะพบเจอกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติเช่นนี้
ภาพหน้าชายแก่ที่แนบกับประตูกระจกยังคงติดตาเทปใส…
ลมเย็นๆ พัดมากระทบตัวเทปใส คล้ายกับช่วยดึงสติขึ้น เทปใสรีบกลับเข้าไปในห้องและล็อคประตูและปิดม่านทันที เวลาผ่านไปสักพัก เทปใสหยิบมือถือตัวเองออกมาดูเวลา ก่อนจะเลื่อนไปกดเบอร์เพื่อโทรหาที่บ้านเพื่อบอกว่าตนเองถึงที่พักแล้ว เทปใสตัดสินใจไม่เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนเจอเมื่อสักครู่ให้ที่บ้านฟัง เพราะไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงตน และช่วงเวลาที่ตนมาสอบก็แค่ไม่กี่วัน ตอนนั้นเทปใสคิดเพียงแค่ว่า ตนเองคงไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้อีกแล้ว ในระหว่างที่พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับที่บ้านอยู่นั้น ก็มีสายจากฟร้อนของโรงแรมโทรเข้ามา เทปใสบอกลากับสายของที่บ้านก่อนจะรีบกดรับสายจากฟร้อน เสียงพี่พนักงานผู้หญิงดังขึ้นมาในสาย โดยใจความสำคัญมีเพียงว่า พี่เขาดูรายละเอียดการจองห้องพักผิด หากเทปใสต้องการเปลี่ยนเป็นห้องที่จอง เดี๋ยวพี่เขาจะเอากุญแจห้องใหม่ขึ้นมาให้ แต่หากอยากพักที่ห้องนี้ พี่เขาก็จะคืนเงินส่วนต่างของห้องพักให้
แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไร เทปใสรีบบอกพี่พนักงานผู้หญิงไปว่าต้องการที่จะเปลี่ยนห้อง โดยห้องใหม่ที่ได้เปลี่ยน ลักษณะห้องดูดีกว่าห้องเก่ามาก และลักษณะของห้องก็ตรงตามที่เทปใสเห็นผ่านเว็บไซต์การจอง หลังจัดวางข้าวของเสร็จ เทปใสก็รีบอาบน้ำและออกไปหาอะไรกินตอนเย็นทันที เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด พอได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่แถวบ้านตัวเองไม่มีก็ทำให้เทปใสตื่นเต้นจนลืมเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เจอไปเลย
ในช่วงหัวค่ำที่เทปใสเตรียมตัวจะเข้านอนนั้น หลังสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ จังหวะที่ปิดไฟในห้องแล้ว อยู่ๆ เทปใสก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอีกด้วย อาจจะเพราะเปิดแอร์ในห้องอุณหภูมิต่ำเกินไป เลยทำให้ทั้งร่างรู้สึกหนาวสั่นและขนลุกอยู่ตลอดเวลา เทปใสเลยลุกขึ้นไปหยิบเสื้อแขนยาวที่ตัวเองพกมาด้วยมาใส่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง และในครั้งนี้เอง... ตอนที่เทปใสใกล้จะหลับสนิท อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดัง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เทปใสสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา และพยายามฟังเสียงนั้นใหม่อีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกขนลุกหนักกว่าเดิม
นั่นก็เป็นเพราะว่า เสียงเคาะประตู ไม่ได้ดังมาจากหน้าประตูห้อง แต่เสียงนั้นดังมาจากประตูระเบียง...
เทปใสจำได้แม่นว่าตัวเองไม่ได้กดเปิดไฟที่ระเบียงทิ้งไว้ เพราะก่อนนอน เทปใสไล่ตรวจเช็คทั่วห้องจนแน่ใจแล้วถึงได้เตรียมเข้านอน แต่แสงไฟจากระเบียงลอดผ่านช่องผ้าม่านเข้ามา เทปใสเหลือบไปดูตรงสวิตช์ไฟระเบียง ก็ยิ่งรู้สึกขนลุกยิ่งกว่าเดิม เพราะสวิตช์ไฟถูกกดเปิดไว้อยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เทปใสเลือกที่จะหันไปมองช้าๆ
เพราะปิดม่านทิ้งไว้ แสงไฟจากด้านนอกเลยสะท้อนให้เห็น...เป็นเงาคนรูปร่างสูงใหญ่ กำลังยืนเคาะประตูอยู่ที่ระเบียง!! เงานั้นยืนเคาะได้สักพัก ก็ค่อยๆ ก้มลงเอาหน้ามาแนบกับช่องผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท เทปใสตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ในใจรู้สึกกลัวรู้สึกผวาไปหมด ยิ่งได้ยินเสียงเคาะดังมาติดๆ กันก็ยิ่งเกิดความกลัวว่าสิ่งที่อยู่หน้าระเบียงจะเข้ามาในห้องนี้ได้ เทปใสไม่เคยรู้สึกอยากกลับบ้านตัวเองมากเท่านี้มาก่อน เทปใสหลับตาลงและค่อยๆ เริ่มท่องบทสวดมนต์ที่ตัวเองพอจะจำได้ ด้วยหวังว่าอะไรก็ตามที่อยู่ข้างนอกนั้นจะหายไป
แต่ยิ่งสวด เสียงเคาะประตูก็เหมือนจะยิ่งดังขึ้น เทปใสเหมือนจะได้ยินเสียงคนหัวเราะดังตามมาด้วย นั้นยิ่งทำให้รู้สึกกลัวมากกว่าเดิม แต่เทปใสก็ยังคงสวดมนต์ต่อไป เพราะไม่อยากได้ยินเสียงเคาะประตู เทปใสเลยรีบกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีและเพิ่มเสียงให้ดังพอที่จะกลบเสียงเคาะนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เทปใสรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่มือถือส่งเสียงปลุกตามเวลาที่เทปใสตั้งไว้ เทปใสพยายามเงี่ยหูฟังจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงเคาะ ก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงตรง แสงสว่างจากด้านนอกส่องลอดผ่านรูม่านที่ปิดไม่สนิท ไม่มีเงา ไม่มีเสียงเคาะแล้ว เทปใสรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น รีบลุกออกจากเตียงมาล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเพื่อเตรียมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและเดินทางไปสอบ
หลังจากสอบเสร็จ เทปใสเดินทางไปที่สนามบิน ช่วงที่ระหว่างรอบอร์ดดิ้ง ไม่รู้ว่าคิดอะไร เทปใสเลยค้นชื่อโรงแรมที่ตัวเองพักในกูเกิ้ล
หน้าการค้นหาแรกๆ เป็นข้อมูลโรงแรมและประวัติต่างๆ ดูแล้วเป็นเพียงโรงแรมธรรมดา เทปใสเลื่อนหน้าเว็บลงเรื่อยๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับหน้าเว็บนึง เป็นโรงแรมเก่าที่อยู่ในย่านนั้น เทปใสลองกดเข้าไปดู เป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 2555 แล้ว และเนื้อหาข้อมูลไม่มีการอัปเดตอีกเลยตั้งแต่ปี 2558
เป็นข้อมูลรีวิวของโรงแรมเก่าแห่งหนึ่ง แต่ที่เทปใสรู้สึกสะดุดตาโรงแรมนี้ก็คงจะเป็นเพราะ ตัวตึกและย่านโรงแรมนั้นคล้ายกับโรงแรมที่เทปใสเข้าไปพักมาก!
เช็คจนแน่ใจแล้วว่าเป็นโรงแรมเดียวกัน เทปใสก็รีบจำชื่อโรงแรมนี้และกดเข้าไปค้นหาใหม่ และคราวนี้ ในหน้าเว็บการค้นหา หัวข้อแรกๆ ที่ค้นเจอมีแต่ข่าวการฆ่าตัวตายของเจ้าของโรงแรมคนเก่า เทปใสรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เมื่อลองกดเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ยิ่งรู้สึกขนลุก เพราะสถานที่เกิดเหตุนั้นเกิดขึ้นที่ห้องเดียวกับห้องที่พี่พนักงานผู้หญิงคนนั้นพาเทปใสไปผิด!! นอกจากข่าวการฆ่าตัวตายของเจ้าของโรงแรมแล้ว เทปใสยังค้นเจอข่าวการฆาตกรรมภายในห้องพักของโรงแรมนี้เจออีกสองข่าว เสียงบอร์ดดิ้งประกาศดังขึ้นมา เทปใสเลยรีบปิดหน้าจอมือถือและรีบไปต่อแถวเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องด้วยความรู้สึกขนลุกอยู่ไม่หาย เทปใสได้แต่บอกกับตัวเองว่า ในการมาสอบครั้งหน้า ตนสัญญาว่าจะหาข้อมูลโรงแรมให้ละเอียดมากกว่านี้อย่างแน่นอน
- จ บ -
ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เรื่องนี้เพื่อนเราให้ตั้ง 5 กะโหลกเลยค่ะ เพราะนางบอกว่านางกลัวการนอนโรงแรมที่สุด 😂😂
นิยายชุด : ผลัดกันเล่า by motamad
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอแทนชื่อผู้เล่าว่า เทปใส
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงที่เทปใสเดินทางไปสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นราชการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือที่เรารู้จักกันในตัวย่อว่า ตม.
เพราะได้สนามสอบที่มหาวิทยาลัยแถวหัวหมาก เทปใสที่เป็นคนต่างจังหวัดจึงต้องจัดการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินทางออนไลน์ ซึ่งด้วยความที่ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง เทปใสจึงเน้นความประหยัดเอาไว้ก่อน
ด้วยความที่ไม่รู้จักพื้นที่และเส้นทางรอบๆ สนามสอบ เทปใสเลยพยายามที่จะเลือกที่พักที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด หลังค้นเจอโรงแรมแห่งหนึ่งที่ราคาค่อนข้างถูกและมีคนรีวิวไว้ว่าสะอาดน่าพัก เทปใสก็ทำการจองจ่ายเงินมัดจำไว้ทันที
โชคดีที่เทปใสมีเพื่อนทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เพราะงั้นในวันที่เดินทางมาถึงกรุงเทพ เทปใสเลยประหยัดเงินค่าโดยสารไปได้เยอะ
“อย่าบอกว่าแกพักที่โรงแรมนี้นะ” นี่เป็นประโยคแรกที่พราว เพื่อนที่มาส่งเทปใสถามเป็นอย่างแรกหลังเห็นโรงแรม
“ใช่ ทำไมหรอ” เทปใสตอบพลางถมกลับ ในใจเริ่มตงิดๆ กับคำถามของเพื่อน เพราะตัวเทปใสเองก็กลัวอยู่ไม่ใช่น้อย ด้วยครั้งนี้ตนเดินทางไกลเพื่อมาสอบเพียงลำพัง และเพราะไม่รู้จักพื้นที่ เลยอดที่จะกังวลไม่ได้ว่าโรงแรมที่ตนเองเลือกนั้นจะมีปัญหาอะไรหรือไม่
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร เห็นโรงแรมดูใหม่ดีก็เลยถามเฉยๆ” พราวตอบพร้อมกับส่ายหน้าสักพัก ก่อนจะขอตัวกลับก่อน เทปใสยืนส่งสักพักก็เดินเข้าโรงแรมเพื่อไปทำเรื่องเข้าพัก โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่าที่ทำการรีโนเวททาสีใหม่ สภาพโดยรวมถือว่าโอเค เรื่องความสะอาดเป็นจริงเหมือนกับที่เทปใสเห็นในรีวิว เพียงแต่... พนักงานที่ประจำอยู่ภายในโรงแรมมีอยู่เพียงไม่กี่คน พนักงานประจำฟร้อน ยามและแม่บ้านมีอย่างละหนึ่งคนเท่านั้น แถมพนักงานประจำฟร้อนยังเป็นผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอดแล้วอีกด้วย หลังจัดการทำเรื่องเข้าพักเสร็จ พี่พนักงานผู้หญิงก็แนะนำเรื่องและกฎต่างๆ ของโรงแรมให้เทปใสฟัง ก่อนจะเดินนำเทปใสไปยังที่เทปใสจองไว้
โดยห้องที่เทปใสทำการจองไว้เป็นห้องที่มีเตียงขนาดควีนไซต์ แต่ทันทีที่เทปใสเปิดประตูห้องพักเข้าไปกลับได้ห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว เทปใสหันไปมองหน้าพี่พนักงานผู้หญิงอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยเดินทางมาต่างจังหวัดคนเดียวมาก่อนเลยไม่รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรต้องเริ่มต้นพูดอย่างไรดี เห็นเทปใสไม่พูดอะไร พี่พนักงานผู้หญิงก็หันหลังเดินกลับไป เทปใสที่มั่วแต่ชังใจว่าควรทำยังไงก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและเดินไปนั่งบนเตียงด้วยความรู้สึกผิดหวังปนเซงหน่อยๆ
เทปใสเปิดไฟทุกดวงในห้องพัก กะจะให้ห้องนี้ดูสว่าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโครงสร้างภายใน หรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ หรือโทนสีของห้องถึงจะเปิดไฟทุกดวงแล้วแต่ห้องพักนี้ก็ยังดูทึบอยู่ดี เทปใสเลยเดินไปเปิดม่านที่ระเบียงออก คิดแค่ว่าห้องจะสว่างขึ้นมาถ้าเปิดม่านออก ตอนที่เปิดม่านออก เทปใสตกใจจนสบถออกมา แถมยังกระโดดถอยออกมาจนเกือบจะเสียหลักล้มลง เทปใสยกมือขึ้นทาบหน้าอกเพื่อปลอบใจตัวเอง หัวใจเทปใสเต้นแรงมากจนได้ยินเสียง ตึกตัก ตึกตัก ภาพที่เห็นยังคงติดตา
ช่วงจังหวะที่เปิดม่านออกนั้น แทนที่จะได้เห็นวิวท้องฟ้า เทปใสกลับเห็นเป็นหน้าชายแก่คนนึง ยืนยิ้มเอาหน้าแนบกระจกอยู่ที่ระเบียง! พอเห็นดังนั้น เทปใสตกใจแต่ชายแก่กลับหัวเราะ ก่อนจะหันหลังกระโดดลงจากระเบียง!!
เทปใสตกใจยิ่งกว่าเดิม รีบเปิดประตูออกแล้ววิ่งไปดูที่ระเบียงทันที เพราะชั้นที่เทปใสอยู่นั้นคือชั้น 5 หากกระโดดลงไปแบบนั้นคงยากมากที่จะรอด
แต่ที่พื้นด้านล่างกลับว่างเปล่า ผู้คนเดินสวนกันไปมาเป็นปกติ ราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เทปใสทรุดตัวลงนั่งที่ระเบียงอย่างหมดแรง เกิดมาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะพบเจอกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติเช่นนี้
ภาพหน้าชายแก่ที่แนบกับประตูกระจกยังคงติดตาเทปใส…
ลมเย็นๆ พัดมากระทบตัวเทปใส คล้ายกับช่วยดึงสติขึ้น เทปใสรีบกลับเข้าไปในห้องและล็อคประตูและปิดม่านทันที เวลาผ่านไปสักพัก เทปใสหยิบมือถือตัวเองออกมาดูเวลา ก่อนจะเลื่อนไปกดเบอร์เพื่อโทรหาที่บ้านเพื่อบอกว่าตนเองถึงที่พักแล้ว เทปใสตัดสินใจไม่เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนเจอเมื่อสักครู่ให้ที่บ้านฟัง เพราะไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงตน และช่วงเวลาที่ตนมาสอบก็แค่ไม่กี่วัน ตอนนั้นเทปใสคิดเพียงแค่ว่า ตนเองคงไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้อีกแล้ว ในระหว่างที่พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับที่บ้านอยู่นั้น ก็มีสายจากฟร้อนของโรงแรมโทรเข้ามา เทปใสบอกลากับสายของที่บ้านก่อนจะรีบกดรับสายจากฟร้อน เสียงพี่พนักงานผู้หญิงดังขึ้นมาในสาย โดยใจความสำคัญมีเพียงว่า พี่เขาดูรายละเอียดการจองห้องพักผิด หากเทปใสต้องการเปลี่ยนเป็นห้องที่จอง เดี๋ยวพี่เขาจะเอากุญแจห้องใหม่ขึ้นมาให้ แต่หากอยากพักที่ห้องนี้ พี่เขาก็จะคืนเงินส่วนต่างของห้องพักให้
แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไร เทปใสรีบบอกพี่พนักงานผู้หญิงไปว่าต้องการที่จะเปลี่ยนห้อง โดยห้องใหม่ที่ได้เปลี่ยน ลักษณะห้องดูดีกว่าห้องเก่ามาก และลักษณะของห้องก็ตรงตามที่เทปใสเห็นผ่านเว็บไซต์การจอง หลังจัดวางข้าวของเสร็จ เทปใสก็รีบอาบน้ำและออกไปหาอะไรกินตอนเย็นทันที เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด พอได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่แถวบ้านตัวเองไม่มีก็ทำให้เทปใสตื่นเต้นจนลืมเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เจอไปเลย
ในช่วงหัวค่ำที่เทปใสเตรียมตัวจะเข้านอนนั้น หลังสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ จังหวะที่ปิดไฟในห้องแล้ว อยู่ๆ เทปใสก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอีกด้วย อาจจะเพราะเปิดแอร์ในห้องอุณหภูมิต่ำเกินไป เลยทำให้ทั้งร่างรู้สึกหนาวสั่นและขนลุกอยู่ตลอดเวลา เทปใสเลยลุกขึ้นไปหยิบเสื้อแขนยาวที่ตัวเองพกมาด้วยมาใส่ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง และในครั้งนี้เอง... ตอนที่เทปใสใกล้จะหลับสนิท อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดัง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เทปใสสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา และพยายามฟังเสียงนั้นใหม่อีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกขนลุกหนักกว่าเดิม
นั่นก็เป็นเพราะว่า เสียงเคาะประตู ไม่ได้ดังมาจากหน้าประตูห้อง แต่เสียงนั้นดังมาจากประตูระเบียง...
เทปใสจำได้แม่นว่าตัวเองไม่ได้กดเปิดไฟที่ระเบียงทิ้งไว้ เพราะก่อนนอน เทปใสไล่ตรวจเช็คทั่วห้องจนแน่ใจแล้วถึงได้เตรียมเข้านอน แต่แสงไฟจากระเบียงลอดผ่านช่องผ้าม่านเข้ามา เทปใสเหลือบไปดูตรงสวิตช์ไฟระเบียง ก็ยิ่งรู้สึกขนลุกยิ่งกว่าเดิม เพราะสวิตช์ไฟถูกกดเปิดไว้อยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เทปใสเลือกที่จะหันไปมองช้าๆ
เพราะปิดม่านทิ้งไว้ แสงไฟจากด้านนอกเลยสะท้อนให้เห็น...เป็นเงาคนรูปร่างสูงใหญ่ กำลังยืนเคาะประตูอยู่ที่ระเบียง!! เงานั้นยืนเคาะได้สักพัก ก็ค่อยๆ ก้มลงเอาหน้ามาแนบกับช่องผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท เทปใสตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ในใจรู้สึกกลัวรู้สึกผวาไปหมด ยิ่งได้ยินเสียงเคาะดังมาติดๆ กันก็ยิ่งเกิดความกลัวว่าสิ่งที่อยู่หน้าระเบียงจะเข้ามาในห้องนี้ได้ เทปใสไม่เคยรู้สึกอยากกลับบ้านตัวเองมากเท่านี้มาก่อน เทปใสหลับตาลงและค่อยๆ เริ่มท่องบทสวดมนต์ที่ตัวเองพอจะจำได้ ด้วยหวังว่าอะไรก็ตามที่อยู่ข้างนอกนั้นจะหายไป
แต่ยิ่งสวด เสียงเคาะประตูก็เหมือนจะยิ่งดังขึ้น เทปใสเหมือนจะได้ยินเสียงคนหัวเราะดังตามมาด้วย นั้นยิ่งทำให้รู้สึกกลัวมากกว่าเดิม แต่เทปใสก็ยังคงสวดมนต์ต่อไป เพราะไม่อยากได้ยินเสียงเคาะประตู เทปใสเลยรีบกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีและเพิ่มเสียงให้ดังพอที่จะกลบเสียงเคาะนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เทปใสรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่มือถือส่งเสียงปลุกตามเวลาที่เทปใสตั้งไว้ เทปใสพยายามเงี่ยหูฟังจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงเคาะ ก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงตรง แสงสว่างจากด้านนอกส่องลอดผ่านรูม่านที่ปิดไม่สนิท ไม่มีเงา ไม่มีเสียงเคาะแล้ว เทปใสรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น รีบลุกออกจากเตียงมาล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเพื่อเตรียมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและเดินทางไปสอบ
หลังจากสอบเสร็จ เทปใสเดินทางไปที่สนามบิน ช่วงที่ระหว่างรอบอร์ดดิ้ง ไม่รู้ว่าคิดอะไร เทปใสเลยค้นชื่อโรงแรมที่ตัวเองพักในกูเกิ้ล
หน้าการค้นหาแรกๆ เป็นข้อมูลโรงแรมและประวัติต่างๆ ดูแล้วเป็นเพียงโรงแรมธรรมดา เทปใสเลื่อนหน้าเว็บลงเรื่อยๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับหน้าเว็บนึง เป็นโรงแรมเก่าที่อยู่ในย่านนั้น เทปใสลองกดเข้าไปดู เป็นเว็บไซต์ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 2555 แล้ว และเนื้อหาข้อมูลไม่มีการอัปเดตอีกเลยตั้งแต่ปี 2558
เป็นข้อมูลรีวิวของโรงแรมเก่าแห่งหนึ่ง แต่ที่เทปใสรู้สึกสะดุดตาโรงแรมนี้ก็คงจะเป็นเพราะ ตัวตึกและย่านโรงแรมนั้นคล้ายกับโรงแรมที่เทปใสเข้าไปพักมาก!
เช็คจนแน่ใจแล้วว่าเป็นโรงแรมเดียวกัน เทปใสก็รีบจำชื่อโรงแรมนี้และกดเข้าไปค้นหาใหม่ และคราวนี้ ในหน้าเว็บการค้นหา หัวข้อแรกๆ ที่ค้นเจอมีแต่ข่าวการฆ่าตัวตายของเจ้าของโรงแรมคนเก่า เทปใสรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เมื่อลองกดเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ยิ่งรู้สึกขนลุก เพราะสถานที่เกิดเหตุนั้นเกิดขึ้นที่ห้องเดียวกับห้องที่พี่พนักงานผู้หญิงคนนั้นพาเทปใสไปผิด!! นอกจากข่าวการฆ่าตัวตายของเจ้าของโรงแรมแล้ว เทปใสยังค้นเจอข่าวการฆาตกรรมภายในห้องพักของโรงแรมนี้เจออีกสองข่าว เสียงบอร์ดดิ้งประกาศดังขึ้นมา เทปใสเลยรีบปิดหน้าจอมือถือและรีบไปต่อแถวเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องด้วยความรู้สึกขนลุกอยู่ไม่หาย เทปใสได้แต่บอกกับตัวเองว่า ในการมาสอบครั้งหน้า ตนสัญญาว่าจะหาข้อมูลโรงแรมให้ละเอียดมากกว่านี้อย่างแน่นอน
- จ บ -
ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เรื่องนี้เพื่อนเราให้ตั้ง 5 กะโหลกเลยค่ะ เพราะนางบอกว่านางกลัวการนอนโรงแรมที่สุด 😂😂