Fiesta Ecoboost เป็นรถยนต์ ในไทยรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ฉีดตรงผูกกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ ขับด้วยสายพานจุ่มในน้ำมัน เครื่องยนต์ตัวนี้ได้รับรางวัล engine of the year หลายปีติดต่อกัน ทันสมัยสุดในยุคนั้น และเกียร์ Dual Clutch DPS6 ที่พังกันทั่วโลก

จากปัญหาเรื่องเกียร์กระตุกและตายกลาง ที่เป็นข่าวดังออกทีวีและพันทิป ของ fiesta 1.5/1.6 รุ่นปี 2011+ ทำให้ ecoboost ขายได้ไม่ดีนัก อีกทั้งราคาก็แพงพอสมควร ส่งผลให้ช่วงปี 2015 ฟอร์ดเริ่มให้ส่วนลด เทเทกระจาด เซลล์บอกว่าเคยได้ถึง 150,000 เลยทีเดียว 

ช่วงนั้นคู่แข่งที่สูสีในด้านการขับขี่ คงจะหนีไม่พ้น mazda 2 diesel ราคาตั้งทั้งสองคันใกล้เคียงกัน การขับขี่ก็ดีมากๆทั้งคู่ แต่เบนซินเทอร์โบเดิมๆ มันสนุกกว่าแถมถูกกว่าแสนนึงในรุ่นท้อป ก็เลยตัดสินใจเอา ecoboost นี่แหละ

ได้มาเป็นสีขาว hatchback รถผลิตปลายปี 2013 ออกรถปี 2015 จ่ายสดไปประมาณ 640,000  ได้ส่วนลดมา 110,000 บาท 

ออกมาได้ไม่นานก็มีจดหมายเรียกคืน ให้เข้าไปเปลี่ยนสายไฟห้องเครื่อง ผ่านไปสักครึ่งปีสองหมื่นกิโล เอาไปขึ้นเขาใหญ่ กลับลงมาเริ่มมีน้ำหล่อเย็นซึมหยด นอนอยู่ศูนย์สามอาทิตย์ ได้ยกเครื่องลงมาเปลี่ยนฝาหน้า (เป็นอาการประจำรุ่นของเครื่องยนต์ที่ผลิตก่อน 2014) กันเลยทีเดียว หลังจากนั้นน้ำหล่อเย็นก็จะซึมหายอยู่เรื่อยๆไม่รู้สาเหตุ

เวลาผ่านไปจนครบสามปีก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มอีก ยกเว้นเคลมถังพักน้ำเนื่องจากซึมเป็นตามด กับเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ พอเข้าปีที่ 4 มีจดหมายเรียกคืน ให้กลับไปเปลี่ยนกลอนประตู ตอนนี้รถก็ขับมาได้ 8 หมื่นโลแล้ว พอขึ้นปีที่ 5 เท่านั้นแหละ เอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ศูนย์ กลับลงมาโช๊คคู่หน้าตาย ก็เปลี่ยนไปพร้อมกับเบ้าโช้คใหม่ 8,200 บาท ผ่านไปอีกปี เครื่องเริ่มสั่น เปลี่ยนยางแท่นเครื่องตัวใหญ่ที่ศูนย์ไป 5,093 บาท 

ช่วงโควิด 2021 รถจอดนาน โดนหนูแทะสายไฟห้องเครื่อง เคลมประกันไป หลายหมื่นอยู่ ผ่านไปไม่กี่เดือน น้ำหล่อเย็นหายไปเยอะมาก แถมมีอาการเกียร์ slip คิดในใจงานเข้าละ คลัชแห้งนี่ไม่ถูกกับน้ำ เอาเข้าศูนย์ เปลี่ยนเสื้อวาล์วน้ำ พร้อมกับซีลฝาครอบเครื่องยนต์ไป หมดไป 4,500 บาท อาการหาย แถมน้ำไม่หายแล้วด้วย ซึลยางที่แกะออกมามันบวมมากๆ 

ผ่านไปอีกเดือน งงว่าทำไมช่วงความเร็วสูงมันถึงกระตุก แต่เกียร์มันก็ไม่ได้กระตุกนี่หน่า เอาเข้าศูนย์อีก โดนเปลี่ยนคอยล์ไปสามตัว หมดไปอีก 11,600 บาท อาการหายหมด แถมประหยัดน้ำมันขึ้นอีก (ใครใช้ ford เจอปัญหาเครื่องสะดุด กระตุก อย่าลืมให้ศูนย์ เปิด power balance ใน IDS ดูว่า เป็นที่สูบไหน จะได้ซ่อมได้ถูกจุด อันนี้โดนเปลี่ยนหมดเลย)

รายการอื่นๆก็จะมี มอเตอร์ blend อากาศภายนอกเข้ามาในรถเสีย ซื้อมาเปลี่ยนเอง หมดไปสี่ร้อย หลอดไฟไม่กี่ร้อย แล้วก็ น็อตล้อเปลี่ยนใหม่ ของเก่ามันขันไม่ออก หมดไป 320 บาท ถ้าของศูนย์ตัวละร้อยกว่าบาท รับไม่ได้ แพงแถมไม่ทน

ส่วนที่น่ากลัวและแพงๆของรถคันนี้มี ก็จะมี
เทอร์โบ ตัวละ 4 หมื่นมั้ง (ไม่แน่ใจ) ขยันเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหน่อย น่าจะทะลุ 2 แสนได้ (เห็นมีทะลุไปแล้วบางคัน)
 
เกียร์ ถ้าทำใหม่ยกชุด ก็แตะแสนบาท (ราคาศูนย์) ถ้าทำข้างนอกใช้คลัชก้ามปูเทียบ LuK ก็อยู่ที่ 4 หมื่นกว่า แต่เข้าใจว่าคลัชตัว ecoboost ไม่ค่อยเสีย มันเป็นแบบ DMF ต่างจาก fiesta รุ่นปกติ ที่จะเสียจะเป็นพวกก้ามปู ที่มันล้าฝืด เสียมากกว่า

กล่องควบคุมต่างๆ ABS 2 หมื่นกว่า TCM หมื่นนึง แต่มีประกันถึง 10 ปี/240,000 กิโล
 
ครบ สิบปี หรือ สองแสนสี่หมื่นกิโล ต้องถอดฝาหน้ามาเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง อีกหมื่นกว่าบาท (ใช้เวลาสามวัน ต้องมีเครื่องมือพิเศษ lock camshaft และ torque multiplier สำหรับถอด crankshaft pulley ด้วย แนะนำว่าเข้าศูนย์ดีกว่า) 

รถคันนี้ใช้งานนอกเมืองเสียส่วนใหญ่ อัตราเร่ง 0-100 อยู่ไม่ประมาณ 9 วิ ไม่ถึง 11 ช่วง 0-80 จะเป็นช่วงที่แรงที่สุด เลยจากนั้นก็จะเหี่ยวลงมา แต่เข้าเมืองทีไรก็จะมีกระตุกกระชาก ให้เห็นอยู่บ้าง เวลาขึ้นห้างก็ต้องใช้ mode S เข้าเกียร์ 1 ไต่ขึ้นไป  ไม่งั้นเดี๋ยวมันเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 แล้วจะสั่นเหมือนในข่าวเอา กินน้ำมันนอกเมืองประมาณ 16-19 โลลิตร แล้วแต่ว่าขับเร็วหรือช้า ถ้าไม่เกิน 90 ก็ขึ้น <4L/100 KM (25 โลลิตร+) ในหน้าจอ แต่ไม่เคยขับได้ยาวๆ แบบรถไม่ติด แล้วเติมน้ำมันสักที เคยขับ 90 ไปกลับ กรุงเทพ-เขาใหญ่ หมดค่าน้ำมันไป 400 นิดๆ ตอนลิตรละ 26-27 บาท

โชคดีว่ามันยังไม่เคยพาไปกินข้าวลิง เราก็พยายามดูแลอย่างดีที่สุด เพราะรถมันค่อนข้างเปราะบาง จะเห็นว่า ห้าปีแรกมันแทบจะไม่มีอะไรเสีย ยกเว้นดีเฟคเครื่องยนต์ แต่พอปีที่ 6 -7 เท่านั้นแหละพังกระจาย

รวม 7 ปี 110,000 กิโลเมตร เสียเงินกับรถคันนี้ไป 192,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน แบ่งเป็นค่าประกันภัย 110,000 บาท (ป.1 + ประกันเครื่องเป็น 5 ปี + รถยกปีที่ 5-7) เช็คระยะ 30,000 บาท (พักหลังทำเอง สบายใจกว่า) ค่าซ่อมศูนย์ทั่วไปอีก 30,000 บาท ต่อภาษีรอบละ 900 บาท แล้วก็ค่ายางเปลี่ยนไปสอบรอบรวม 15,000 บาท ติด Cruise control อีกสี่ห้าพัน

สรุป รถขับสนุก(นอกเมือง) เหยียบได้ไม่ต้องเกรงใจเกียร์พัง ประหยัดน้ำมันพอสมควร ช่วงล่างดีมาก แบตเตอรี่ทน (ลูกปัจจุบัน กำลังจะ 4 ปี) อะไหล่บางตัวไม่ทนและแพง แต่คลังอะไหล่ดีมาก อะไหล่ช่วงล่าง เครื่องยนต์ สั่งเช้าเย็นได้ หรือรุ่งขึ้น (ถ้าไม่ติด backorder) ค่าแรงแพง (กทม 700+ เกือบหมด)  ศูนย์ดีๆหายาก