ถ้าฟังจากหัวข้อกระทู้คงจะคิดว่าเราเป็นตัวยุงยงส่งเสริมใช่มั้ยคะ ทำให้พี่น้องเขาแตกแยกกันแต่เราอยากจะถามกับทุกคนว่าเหตุการณ์ที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เราผิดจริงๆหรือ?
เราคบกับแฟนมา 13 กำลังเข้าปีที่ 14 ยังไม่ได้แต่งงานกันนะคะ เพราะยังเก็บเงินไม่ได้ แฟนก็ยังไม่ได้บวช
ปกติเรื่องครอบครัวของแฟนเราไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย ไม่เคยขอเงิน แฟนเรามีพี่สาว 1 คน อายุห่างกัน 10 ปี เขาขอให้พวกเราเอารถมาผ่อนต่อ เพราะเขาจะออกรถใหม่ รถที่เขาให้ผ่อนต่อเป็นยี่ห้อ Honda city ปี 2013 ซึ่งมันผ่านมา 4 มือได้แล้ว มาอยู่กับเราก็เป็นมือที่ 5 เราจำใจรับไว้เพราะอยากช่วย แต่ตอนนั้นไม่ได้อยากได้รถนะคะช่วยเพราะเห็นว่าเหลือแค่ 70,000 บาทก็หมดแล้ว เราผ่อนเดือนละ 3,500 บาท ผ่อนมาได้ 1ปี กว่าๆ จนมันเหลือ 30,000 นิดๆ แม่แฟนก็ป่วยจนเสียชีวิต
แฟนเรากับพี่สาวของเขา จึงต้องลาออกจากงานไปอยู่บ้านเพื่อดูใจแม่กันครั้งสุดท้าย ตอนนั้นเราไม่ได้ไปเพราะไม่เพิ่งเปลี่ยนงานและไม่สามารถกลับไปนานๆได้ เรากับแฟนเป็นคนตำบลเดียวกันนะคะ คบกันตั้งแต่เรียน
แม่มีทำประกันหนี้กับ ธกส ซึ่งได้เงินทั้งหมด 2 แสนกว่าบาท แฟนเราก็เลยเอาเงินจากตรงนี้ไปโปะค่ารถทั้งหมด 30,500 บาท ที่เหลือพี่สาวเก็บทั้งหมด และใช้หนี้ให้แม่ไป 50,000 บาท และตอนแรกพี่สาวตกลงไว้ว่าเขาจะกลับไปอยู่บ้านโดยเอาสามีคนใหม่กลับไปด้วย ซึ่งคนนี้เป็นคนกรุงเทพตั้งแต่เกิดต้องย้ายไปอยู่บ้านเมียที่ต่างจังหวัด
เงินจากงานศพพี่สาวเก็บทั้งหมด เงินฌาปนกิจ พี่สาวเก็บหมด เงินจากทุกช่องทางพี่สาวเก็บหมด แฟนเราไม่ได้ถือเงินนะคะ และเขาก็ได้เงินจากพี่สาวมากรุงเทพ 3,000 บาท และมาอยู่กับเรา 1 เดือน ครึ่ง เพื่อหางาน เราก็หางานให้แฟนผ่าน Jobthai ได้ แต่ช่วงว่างงานเราก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แฟนเราว่างงานตั้งเดือนครึ่ง ซึ่งก็มีการยืมเงินจากพี่สาวมาค่ะ แต่ไม่ได้เยอะนะคะ แค่ 200-300 และแม่ให้แฟนเราเป้นคนเซนต์รับเงิน พิเงินเข้าแฟนเราก็โอนให้พี่สาวทันที โดยเราถามว่าเงินของแม่ทำไมลุกถึงได้ไม่เท่ากัน แต่เราไม่ได้อยากจะได้เงินจากเขานะคะ เราแค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์แต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรต่อ จนมาเกิดเรื่องที่พี่สาวทะเลาะกับพ่อเรื่องเมียน้อยที่คบกันมาตั้งแต่แม่แฟนยังมีชีวิตอยู่นะคะ เขาด่าแช่งพ่อเรื่องที่จะฮุบสมบัติไปให้เมียใหม่ ทำให้เขากับสามีกลับมาอยู่กรุงเทพ โดยขอให้แฟนเราเอารถไปเข้าไฟแนนท์ เพื่อเป็นการช่วยจ่ายยอดเงินที่เป็นการโปะค่ารถแต่อ้างว่าจะเอารถไปเปลี่ยนชื่อให้ ซึ่งเขาโอนลอยมาแล้วนะคะ แล้วแฟนเรารู้ทันจึงทะเลาะกันเรื่องใหญ่ และพี่สาวก็ทักมาส่วนตัวกับเราว่า ถ้าสิ้นเดือนนี้ไม่มีเงินจ่ายยอดเงินรวมทั้งหมด 48,000 กว่าบาทก็ให้เอารถมาคืน
เราก็ได้แต่บอกว่าเงินเดือนทั้งสองคนรวมกันมีไม่ถึงนะ ทำไมอยู่ๆจะมาเอา ทั้งๆที่เราตกลงว่าจะจ่ายให้เดือนละ 2 พัน แต่เขาขอให้โอนเงินยอด 2,500 อันสืบเนื่องว่าเขามากรุงเทพโดยที่ไม่มีงานกันทั้งคู่ และทั้งคู่ใช้เงิน 2แสนหมดภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน พอเงินหมดก็จะให้น้องส่งเงินรายเดือนให้ สถาปณาตัวเองมาเป็นแม่ และด่าแช่งพ่อ ทั้งที่พ่อกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลหลาน ซึ่งก็เป็นลูกของพี่สาว
เรื่องนี้เราเลยเอาไปฟ้องพ่อของแฟน โดยเราไม่โอเครที่เขามาเอาเรื่องรถมาขู่เรา และเราก็พร้อมคืนรถเขาไป พ่อก็เลยโทรไปด่าพี่สาว และเขาก็ทักมาหาเราอีกครั้ง ว่าเรื่องในครอบครัวอย่ามายุ่งได้มั้ย เรื่องรถเธอไม่เกี่ยวนะ เราก็เลยบอกกลับไปว่า กับแฟนเรา ไม่ใช่คนนอกเลย และถ้าจะมาเอารถก็มาเอา ไม่ได้เสียดายหรอก แต่สงสารคนตายที่กำลังมองดูลูกแตกคอกันเรื่องเงิน ซึ่งเกิดจากเขาล้วนๆนะคะ และเราก็บอกไปแค่ว่าถ้าแฟนต้องใช้เงินก็ไม่พ้นเราต้องหาให้ เพราะเขาติดบูโรเพราะพี่สาวของเขาค่ะ ให้กู้เงินจากไลบีเคและไม่คืนที่เอาไป แฟนเราก็ไม่มีเงินจ่าย เพราะเงินไปพอ ส่วนเราก็ต้องรับผิดชอบหนี้บัตร หนี้ไฟแนนท์ที่หามาตอนแฟนตกงาน แฟนตกงานบ่อยมากค่ะ และเงินเดือนน้อยกว่าเราเกือบครึ่ง
เราอดทนเพราะแม่เราสอนว่าอย่าทิ้งกันตอนลำบาก ทำให้เขายืนได้แล้วค่อยออกมา จนทุกวันนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหนเพราะแฟนก็เลือกเราค่ะ เขาไม่เลือกพี่สาวเขา เพราะเราช่วยเหลือเขาทุกอย่างตั้งแต่ตอนเรียนจนทุกวันนี้ ส่วนพ่อก็เข้าข้างเรา เพราะเขารู้จักลูกสาวของเขาดี และเขาก็เอ็นดูเราเพราะเราไม่เคยวุ่นวายกับใคร
พี่สาวก็เอาไปโพสน์เหมือนตัวเองถูกครอบครัวทำร้าย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาทำตัวเองล้วนๆ เราเป็นลูกคนเล็ก พี่สาวเราก็ไม่ได้เป็นแบบนี้รักกันก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตกัน
การคืนรถครั้งนี้คือการคืนแบบตัดพี่ตัดน้องนะคะ โดยเขาเป็นคนพูดเองค่ะ และเขาบอกว่าจะคืนส่วนที่เราส่งถ้ารถขายออกไปแล้ว เราไม่ได้หวังในก้อนนั้นนะคะ เพราะเราไม่คิดว่าเราจะมาเจออะไรแบบนี้ก็ถือว่าเป็นคนอื่นไปค่ะ เพราะเขาตัดทุกคนรวมถึงพ่อไปด้วย และไปอยู่กับแฟนใหม่ที่คบกันมาได้ 1 ปี เราที่เคยคิดเสมอว่าเขาล้างผลาญทุกอย่างจนไม่เหลือแม้กระทั่งครอบครัว
และยังมาโทษว่าเป็นความผิดของเราที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องรถจนต้องขอเอารถคืนไปค่ะ
เราผิดอะไร?
ผิดมากไหมคะ? ที่เราไปยุ่งกับครอบครัวแฟนจนทำให้เขาตัดความสัมพันธ์พี่น้องกันเลย
เราคบกับแฟนมา 13 กำลังเข้าปีที่ 14 ยังไม่ได้แต่งงานกันนะคะ เพราะยังเก็บเงินไม่ได้ แฟนก็ยังไม่ได้บวช
ปกติเรื่องครอบครัวของแฟนเราไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย ไม่เคยขอเงิน แฟนเรามีพี่สาว 1 คน อายุห่างกัน 10 ปี เขาขอให้พวกเราเอารถมาผ่อนต่อ เพราะเขาจะออกรถใหม่ รถที่เขาให้ผ่อนต่อเป็นยี่ห้อ Honda city ปี 2013 ซึ่งมันผ่านมา 4 มือได้แล้ว มาอยู่กับเราก็เป็นมือที่ 5 เราจำใจรับไว้เพราะอยากช่วย แต่ตอนนั้นไม่ได้อยากได้รถนะคะช่วยเพราะเห็นว่าเหลือแค่ 70,000 บาทก็หมดแล้ว เราผ่อนเดือนละ 3,500 บาท ผ่อนมาได้ 1ปี กว่าๆ จนมันเหลือ 30,000 นิดๆ แม่แฟนก็ป่วยจนเสียชีวิต
แฟนเรากับพี่สาวของเขา จึงต้องลาออกจากงานไปอยู่บ้านเพื่อดูใจแม่กันครั้งสุดท้าย ตอนนั้นเราไม่ได้ไปเพราะไม่เพิ่งเปลี่ยนงานและไม่สามารถกลับไปนานๆได้ เรากับแฟนเป็นคนตำบลเดียวกันนะคะ คบกันตั้งแต่เรียน
แม่มีทำประกันหนี้กับ ธกส ซึ่งได้เงินทั้งหมด 2 แสนกว่าบาท แฟนเราก็เลยเอาเงินจากตรงนี้ไปโปะค่ารถทั้งหมด 30,500 บาท ที่เหลือพี่สาวเก็บทั้งหมด และใช้หนี้ให้แม่ไป 50,000 บาท และตอนแรกพี่สาวตกลงไว้ว่าเขาจะกลับไปอยู่บ้านโดยเอาสามีคนใหม่กลับไปด้วย ซึ่งคนนี้เป็นคนกรุงเทพตั้งแต่เกิดต้องย้ายไปอยู่บ้านเมียที่ต่างจังหวัด
เงินจากงานศพพี่สาวเก็บทั้งหมด เงินฌาปนกิจ พี่สาวเก็บหมด เงินจากทุกช่องทางพี่สาวเก็บหมด แฟนเราไม่ได้ถือเงินนะคะ และเขาก็ได้เงินจากพี่สาวมากรุงเทพ 3,000 บาท และมาอยู่กับเรา 1 เดือน ครึ่ง เพื่อหางาน เราก็หางานให้แฟนผ่าน Jobthai ได้ แต่ช่วงว่างงานเราก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แฟนเราว่างงานตั้งเดือนครึ่ง ซึ่งก็มีการยืมเงินจากพี่สาวมาค่ะ แต่ไม่ได้เยอะนะคะ แค่ 200-300 และแม่ให้แฟนเราเป้นคนเซนต์รับเงิน พิเงินเข้าแฟนเราก็โอนให้พี่สาวทันที โดยเราถามว่าเงินของแม่ทำไมลุกถึงได้ไม่เท่ากัน แต่เราไม่ได้อยากจะได้เงินจากเขานะคะ เราแค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์แต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรต่อ จนมาเกิดเรื่องที่พี่สาวทะเลาะกับพ่อเรื่องเมียน้อยที่คบกันมาตั้งแต่แม่แฟนยังมีชีวิตอยู่นะคะ เขาด่าแช่งพ่อเรื่องที่จะฮุบสมบัติไปให้เมียใหม่ ทำให้เขากับสามีกลับมาอยู่กรุงเทพ โดยขอให้แฟนเราเอารถไปเข้าไฟแนนท์ เพื่อเป็นการช่วยจ่ายยอดเงินที่เป็นการโปะค่ารถแต่อ้างว่าจะเอารถไปเปลี่ยนชื่อให้ ซึ่งเขาโอนลอยมาแล้วนะคะ แล้วแฟนเรารู้ทันจึงทะเลาะกันเรื่องใหญ่ และพี่สาวก็ทักมาส่วนตัวกับเราว่า ถ้าสิ้นเดือนนี้ไม่มีเงินจ่ายยอดเงินรวมทั้งหมด 48,000 กว่าบาทก็ให้เอารถมาคืน
เราก็ได้แต่บอกว่าเงินเดือนทั้งสองคนรวมกันมีไม่ถึงนะ ทำไมอยู่ๆจะมาเอา ทั้งๆที่เราตกลงว่าจะจ่ายให้เดือนละ 2 พัน แต่เขาขอให้โอนเงินยอด 2,500 อันสืบเนื่องว่าเขามากรุงเทพโดยที่ไม่มีงานกันทั้งคู่ และทั้งคู่ใช้เงิน 2แสนหมดภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน พอเงินหมดก็จะให้น้องส่งเงินรายเดือนให้ สถาปณาตัวเองมาเป็นแม่ และด่าแช่งพ่อ ทั้งที่พ่อกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลหลาน ซึ่งก็เป็นลูกของพี่สาว
เรื่องนี้เราเลยเอาไปฟ้องพ่อของแฟน โดยเราไม่โอเครที่เขามาเอาเรื่องรถมาขู่เรา และเราก็พร้อมคืนรถเขาไป พ่อก็เลยโทรไปด่าพี่สาว และเขาก็ทักมาหาเราอีกครั้ง ว่าเรื่องในครอบครัวอย่ามายุ่งได้มั้ย เรื่องรถเธอไม่เกี่ยวนะ เราก็เลยบอกกลับไปว่า กับแฟนเรา ไม่ใช่คนนอกเลย และถ้าจะมาเอารถก็มาเอา ไม่ได้เสียดายหรอก แต่สงสารคนตายที่กำลังมองดูลูกแตกคอกันเรื่องเงิน ซึ่งเกิดจากเขาล้วนๆนะคะ และเราก็บอกไปแค่ว่าถ้าแฟนต้องใช้เงินก็ไม่พ้นเราต้องหาให้ เพราะเขาติดบูโรเพราะพี่สาวของเขาค่ะ ให้กู้เงินจากไลบีเคและไม่คืนที่เอาไป แฟนเราก็ไม่มีเงินจ่าย เพราะเงินไปพอ ส่วนเราก็ต้องรับผิดชอบหนี้บัตร หนี้ไฟแนนท์ที่หามาตอนแฟนตกงาน แฟนตกงานบ่อยมากค่ะ และเงินเดือนน้อยกว่าเราเกือบครึ่ง
เราอดทนเพราะแม่เราสอนว่าอย่าทิ้งกันตอนลำบาก ทำให้เขายืนได้แล้วค่อยออกมา จนทุกวันนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหนเพราะแฟนก็เลือกเราค่ะ เขาไม่เลือกพี่สาวเขา เพราะเราช่วยเหลือเขาทุกอย่างตั้งแต่ตอนเรียนจนทุกวันนี้ ส่วนพ่อก็เข้าข้างเรา เพราะเขารู้จักลูกสาวของเขาดี และเขาก็เอ็นดูเราเพราะเราไม่เคยวุ่นวายกับใคร
พี่สาวก็เอาไปโพสน์เหมือนตัวเองถูกครอบครัวทำร้าย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาทำตัวเองล้วนๆ เราเป็นลูกคนเล็ก พี่สาวเราก็ไม่ได้เป็นแบบนี้รักกันก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตกัน
การคืนรถครั้งนี้คือการคืนแบบตัดพี่ตัดน้องนะคะ โดยเขาเป็นคนพูดเองค่ะ และเขาบอกว่าจะคืนส่วนที่เราส่งถ้ารถขายออกไปแล้ว เราไม่ได้หวังในก้อนนั้นนะคะ เพราะเราไม่คิดว่าเราจะมาเจออะไรแบบนี้ก็ถือว่าเป็นคนอื่นไปค่ะ เพราะเขาตัดทุกคนรวมถึงพ่อไปด้วย และไปอยู่กับแฟนใหม่ที่คบกันมาได้ 1 ปี เราที่เคยคิดเสมอว่าเขาล้างผลาญทุกอย่างจนไม่เหลือแม้กระทั่งครอบครัว
และยังมาโทษว่าเป็นความผิดของเราที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องรถจนต้องขอเอารถคืนไปค่ะ
เราผิดอะไร?