JJNY : นิวไฮ ติดเชื้อ 13,182 เสียชีวิต24│สหรัฐฯพบกวางหางขาวติดโควิด│น้ำมัน-ก๊าซ-ไฟฟ้าแห่ขึ้นราคา│โฆษกปชป.เสียใจถวิลย้าย

โควิดนิวไฮทั้งตาย-ป่วย ติดเชื้อใหม่วันนี้ 13,182 ราย เสียชีวิต 24 ราย ป่วยสะสม 307,616 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3174599

โควิดนิวไฮทั้งตาย-ป่วย ติดเชื้อใหม่วันนี้ 13,182 ราย เสียชีวิต 24 ราย ป่วยสะสม 307,616 ราย
  
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 13,182 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 13,043 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 307,616 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 8,571 ราย หายป่วยสะสม 241,383 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 98,830 ราย เสียชีวิต 24 ราย


 
สหรัฐฯ พบกวางหางขาวติดโควิด-19 โอมิครอน หวั่นเกิดสายพันธุ์ใหม่
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/166078
 
นักวิทยาศาสตร์พบกวางหาวขาวในนิวยอร์กติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอน เป็นครั้งแรกที่ตรวจพบโอมิครอนในสัตว์ป่า หวั่นกลายพันธุ์

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้ทำการสุ่มสำรวจประชากรกวางหางขาว (White-tailed Deer) บริเวณเกาะสแตเทนของกรุงนิวยอร์กจำนวน 131 ตัว โดยเก็บตัวอย่างเลือดและตัวอย่างจากการสว็อบ (Swab)
 
พวกเขาพบว่า มีกวางหางขาวถึง 15% ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยพิจารณาจากการพบแอนติบอดีต้านโควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวในตัวอย่างที่เก็บมา ทำให้เกิดความกังวลว่า กวางหางขาวอาจกลายเป็นแหล่งเพาะโรคที่จะนำไปสู่โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค. 2021 ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยรายงานพบกวางหางขาวติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว แต่ยังไม่มีผลกระทบที่ชัดเจนต่อมนุษย์
 
ซูเรช คูชิปูดี นักจุลชีววิทยาด้านสัตวแพทย์ หัวหน้าทีมวิจัยชุดนี้ กล่าวว่า “การไหลเวียนของไวรัสในประชากรสัตว์มักเพิ่มความเป็นไปได้ที่มันจะระบาดกลับมาสู่มนุษย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ นี่เป็นโอกาสให้ไวรัสพัฒนาตัวเองไปสู่สายพันธุ์ใหม่
 
นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบโควิด-19 โอมิครอนในสัตว์ป่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่โอมิครอนกำลังระบาดเป็นวงกว้างจนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า สัตว์ต่าง ๆ สามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่คนได้หรือไม่ แต่เมื่อมีสัตว์ชนิดต่าง ๆ ติดเชื้อโควิด-19 ก็มักนำไปสู่ความเป็นไปได้ว่าเชื้อจะกลายพันธุ์ในสัตว์ชนิดนั้นจนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่
  
กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ระบุว่า ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีรายงานพบสัตว์หลายชนิดติดเชื้อโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว เสือ สิงโต เสือดาวหิมะ นาก กอริลล่า และมิงก์
 
นี่เป็นครั้งแรกที่สายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายไปสู่สัตว์ป่า ซึ่งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากคนสู่สัตว์ยังคงเกิดขึ้นและค่อนข้างน่าเป็นห่วง” คูชิปูดีกล่าว
 
USDA เผยว่า ปัจจุบัน กวางที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ถูกค้นพบในหลายรัฐ เช่น อิลลินอยส์ มิชิแกน นิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย และโอไฮโอ
 
ดร.เจ สก็อต วีส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยสัตวแพทย์ออนแทรีโอแห่งมหาวิทยาลัยเกวลฟ์ในแคนาดา กล่าวว่า “เราเคยเห็นจากการศึกษาต่าง ๆ ก่อนหน้านี้แล้วว่า บางครั้งกวางก็สามารถติดเชื้อจากการสัมผัสผู้คนโดยธรรมชาติได้ ... และสายพันธุ์ที่พบในกวางสะท้อนถึงสถานการณ์โควิด-19 ในสังคมมนุษย์ในขณะนั้น
  
นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้อยู่ 2 ทางที่กวางติดเชื้อโอไมครอน และทั้งหมดมีมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้น
 
ทฤษฎีแรกคือ กวางสัมผัสกับมนุษย์โดยตรง โดยอาจเป็นคนที่เข้าใกล้พวกมันและให้อาหาร ทำให้มันติดไวรัส อีกทฤษฎีคือ กวางมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์อื่น ๆ ที่ติดโควิด-19 จากมนุษย์ เช่น แมว
 
นอกจากนี้ ปัจจุบัน มีข้อมูลชัดเจนว่า กวางสามารถแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังกวางตัวอื่นได้ แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถแพร่ระบาดกลับคืนสู่มนุษย์ได้

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พวกเขากังวลว่า ไวรัสจะแพร่กระจายเป็นวงกว้างในหมู่ประชากรกวาง และจะแฝงตัวอยู่ในนั้น ไม่หายไป ทำให้ไวรัสโควิด-19 ที่มีลักษณะเฉพาะแบบใหม่สามารถเกิดขึ้นได้
 
วีสกล่าวว่า “ตอนนี้ เราพบสายพันธุ์โควิด-19 จากมนุษย์แพร่ไปสู่กวาง และพวกมันก็แพร่กระจายในระดับหนึ่ง ตอนนี้คำถามคือ พวกมันจะแฝงตัวอยู่ในกวางหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกมันจะกลายพันธุ์และทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ ... พวกมันอาจกลายเป็นแหล่งโรค อาจกลายเป็นแหล่งของการกลายพันธุ์” 
นักวิจัยยังกังวลเกี่ยวกับการค้นหาไวรัสสายพันธุ์เก่า เช่น สายพันธุ์อัลฟาหรือเดลต้าในกวาง
 
ดร.แอนดรูว์ โบว์แมน รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันสัตว์ที่มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า “ถ้ากวางกลายเป็นแหล่งโรค … มันจะไม่ใช่คำถามว่า วันนี้เรามีเตียงในโรงพยาบาลเพียงพอหรือไม่ แต่เราต้องถามว่า ความเสี่ยงที่พวกมันจะแพร่ระบาดกลับสู่มนุษย์มีอยู่เท่าไร ในอีก 5 ปี 10 ปี 20 ปี จะเกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีกวางเป็นพาหะหรือไม่
  
เรียบเรียงจาก ABC NewsReuters


 
น้ำมัน-ก๊าซ-ไฟฟ้า แห่ขึ้นราคา กองทุนอ่วม วิ่งวุ่นหาเงินกู้ 30,000 ล้าน
https://www.prachachat.net/economy/news-860302

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องกันมา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน จากปริมาณน้ำมันดิบที่ตึงตัว โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 91.32 เหรียญ/บาร์เรล น้ำมันดิบเบรนต์ 92.69 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 91.14 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์ราคาน้ำมันคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นไปถึง 100 เหรียญ/บาร์เรล โดยกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ยังคงยึดมั่นข้อตกลงเดิมที่คงกําลังการผลิตนํ้ามันดิบสําหรับเดือนมีนาคมไว้ที่ปริมาณ 400,000 บาร์เรล/วัน
 
การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบยังส่งผลทำให้ราคาก๊าซ-ถ่านหินปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะกระทบไปถึง “ค่าไฟฟ้า” ภายในประเทศจะต้องปรับขึ้น ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า Ft ตั้งแต่งวดเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับค่า Ft สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้ารวมปรับขึ้นมาที่ 3.78 บาท/หน่วย หรือขึ้นมา 4.43%
 
ขึ้นราคาน้ำมัน 9 ครั้ง
 
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น 1 เหรียญ จะมีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมัน ประมาณ 20 สตางค์/ลิตร ทางกระทรวงพลังงานจะแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมด้วยการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนและผู้ประกอบการ
 
โดยที่ผ่านมาได้กำหนดมาตรการ “ตรึงราคา” เฉพาะน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาท โดยใช้กลไก “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” เข้ามาอุดหนุนเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันภายในประเทศ ส่วนราคาน้ำมันขายปลีกประเภทอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ปรากฏมีการปรับขึ้นราคาไปแล้ว 7 ครั้ง และเดือนกุมภาพันธ์ ปรับขึ้นราคาไปแล้ว 2 ครั้ง
 
เมื่อเทียบกับวันที่ 5 ม.ค. 2565 ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้นรวม 3.30 บาท/ลิตร โดยน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 42.46 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 34.78 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.05 บาท/ลิตร, E20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร และ E85 อยู่ที่ 27.24 บาท/ลิตร
กองทุนน้ำมันฯติดลบ 16,052 ล้านบาท
 
ด้านสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่รัฐบาลใช้เป็นกลไกหลักในการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศไม่ให้จำหน่ายเกินลิตรละ 30 บาทนั้น ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯได้อุดหนุนไปแล้วรวม 3.79 บาท/ลิตร ปริมาณ 63 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นเงินประมาณ 238.77 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทต่อเดือน ภายใต้เงื่อนไขราคาน้ำมันดิบไม่เกิน 90 เหรียญ/บาร์เรล
 
โดยราคาน้ำมันดีเซลจริง หากไม่มีการอุดหนุนจะตกประมาณลิตรละ 34 บาท/ลิตร ราคาก๊าซ LPG ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 อุดหนุนเฉลี่ยประมาณ 63 ล้านบาท/วัน หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท/เดือน ส่งผลให้สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ติดลบไปแล้ว -16,052 ล้านบาท แยกเป็น ในส่วนของก๊าซ LPG ติดลบ -25,218 ล้านบาท ส่วนน้ำมันยังคงเป็นบวกอยู่ที่ 9,166 ล้านบาท
 
ด้วยเงินในบัญชีน้ำมันที่คงเหลืออยู่ที่ 9,166 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯจะสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรได้อีก 2 เดือนครึ่ง จากการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเดือนมกราคมเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 87-89 เหรียญ/บาร์เรล และคาดการณ์ว่าในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ.-เม.ย.) ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 88-93 เหรียญ/บาร์เรล และกรณีเลวร้ายสุดราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นไปถึงระดับ 100 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯอาจต้องอุดหนุนราคาน้ำมันประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้เงินกองทุนที่เหลืออยู่อาจจะใช้อุดหนุนไปได้แค่ 1-2 เดือนเท่านั้น
 
3 เดือนยังสรุปเงินกู้ไม่ได้
 
ด้วยเงินกองทุนน้ำมันฯที่มีเหลืออยู่อย่างจำกัด ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ให้ความเห็นชอบหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ โดยอนุมัติให้กองทุนน้ำมันฯดำเนินการ “กู้เงิน” เฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายของกองทุนน้ำมันฯที่มีอยู่ และให้ดำเนินการกู้เงินเพิ่มเติมวงเงิน 10,000 ล้านบาท ได้ต่อเมื่อร่างพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้แล้ว
 
การดำเนินการกู้เงินดังกล่าวก็เพื่อเสริม “สภาพคล่อง” ของกองทุนน้ำมันฯ ที่ปัจจุบันเหลือวงเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลได้เพียง 9,166 ล้านบาทเท่านั้น
 
“ถ้านับจากเดือนพฤศจิกายน 2564 มาถึงปัจจุบัน หรือเกือบ 3 เดือน ปรากฏมีสถาบันการเงินเสนอแผนเงินกู้เข้ามายังสำนักงานกองทุนน้ำมันฯ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารกสิกรไทย ตอนนี้กระบวนการให้การกู้เงินยังไม่เสร็จสิ้น คาดว่ากองทุนจะกู้เงินได้ภายในเดือนเมษายน 2565” นายกุลิศกล่าว
 
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงถือเป็นการก่อหนี้สาธารณะ ดังนั้น สำนักงานกองทุนฯจะต้องทำแผนการกู้เงิน แผนการชำระหนี้และเงื่อนไขอื่น โดยกองทุนเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 2.5-3% มีระยะเวลาการใช้หนี้คืนประมาณ 3 ปี วิธีการใช้หนี้อาจจะเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงตามราคาตลาดโลก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่