สวัสดีค่ะ หนูขออนุญาตไม่เปิดเผยตัวตนนะคะ ตอนนี้หนูอายุ 15 ขวบ ปีนี้จะ 16 แล้ว หนูมีปัญหาบางอย่างตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนถึงทุกวันนี้หนูก็ยังจัดการกับมันไม่ได้สักที ก็คือ หนูมีสิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า ‘อารมณ์’ กับ ‘ความรู้สึก’ น่ะค่ะ ซึ่งของหนูก็ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าของคนอื่นมากๆ หนูไม่ค่อยชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย
ในชีวิตจริง หนูมีพี่กับน้องอย่างละคน ซึ่งหนูจำพวกเขาในแบบที่เป็นคนฉลาดมากๆ และมีเหตุผลมาโดยตลอด พวกเขาสามารถจับได้เวลาที่หนูกำลังโกหกอยู่บ่อยๆ ต่างจากหนูที่เกิดมาเป็นคนเจ้าอารมณ์โดยธรรมชาติ เลยทำให้คนอื่น(โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่) มองว่าหนูชอบทำตัวเป็น ‘เด็กไม่รู้จักโต’ คำที่หนูมักจะโดนพูดใส่บ่อยๆก็มีแค่ “เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องร้องไห้” “เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว” “น้ำตาช่วยอะไรไม่ได้หรอก” “หยุดเรียกร้องความสนใจสักที” ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หนูพยายามหนักกว่าเด็กคนอื่นมาโดยตลอด หนูพยายามที่จะหาความรู้ใส่ตัวให้มากๆ และก็เรียนหนังสือให้เก่งๆ เพื่อที่จะปิดบังข้อเสียของตัวเอง จนเทอมที่แล้วความพยายามมันก็ทำให้หนูสอบที่ 1 ของห้อง และได้เป็นนักเรียนดีเด่น
ในเทอมนี้ หนูเองก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถประคับประคองทุกอย่างได้ค่อนข้างดีเหมือนกับเทอมที่แล้วในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์หนูก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากจะทำอะไรเลย แต่ในตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองก็แค่รู้สึกเหนื่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่มันก็ค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
มีอยู่วันหนึ่ง หนูได้ไปงานรวมญาติ และหนึ่งในนั้นก็ทักหนูเรื่องสิวบนใบหน้า ทำให้หนูเครียดมาก จนสุดท้ายหนูก็เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ที่บ้านฟังแต่พวกเขาคิดว่าหนูรู้สึกง่ายไปเอง หนูไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะคิดยังไงกับเรื่องแบบนี้ แต่หนูคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว และหนูเองก็ไม่อยากให้ลูกหรือหลานๆของหนูในอนาคตต้องมารู้สึกแย่กับเรื่องแบบนี้ จนสุดท้ายก็จบด้วยการทะเลาะกับคนในครอบครัวแบบไม่รู้จบ หนูก็เลยเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก ต่อให้ในใจจะรู้สึกแย่มากๆ และก็แอบคิดหาทางแก้ไขการรังแกกันในครอบครัวอยู่บ่อยๆ(ที่จริงหนูทำการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะพอสมควรแล้ว ซึ่งก็พบว่าการทักเรื่องรูปร่างหน้าตาในทางเสียๆหายๆก็นับว่าเป็นการรังแก เพราะมีแนวโน้มที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่)
หลังจากนั้นไม่นานหนูก็ไม่อยากเจอหน้าใครอีก หนูสังเกตเห็นว่าตัวเองเริ่มเย็นชากับคนอื่นมากขึ้น หรือไม่ก็รู้สึกโกรธอย่างรุนแรงสุดๆเมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ สำหรับพวกคุณแล้วคงจะคิดว่าหนูต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ แต่เปล่าเลย หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์ กับความรู้สึกด้านลบๆพวกนี้มันมาจากไหน แล้วทำไมหนูถึงเริ่มอยากต่อต้านสังคม สองสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกดีขึ้นได้ก็มีแค่การอ่านหนังสือ กับฟังเพลงคลาสสิก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย
ในทางกลับกันหนูเองก็ต้องการคนที่สามารถรับฟังหนูได้แบบที่ไม่โกรธ และคอยกล่าวโทษสิ่งที่หนูไม่สามารถควบคุมได้(อย่างเช่น คำพูดว่า “ไม่รู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่มีบ้างเลยหรือไง” หรือ “หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เศร้าสิ” ซึ่งหนูไม่คิดว่าเวลาที่ตัวเองรู้สึกเศร้าแบบนี้จะสามารถมีความสุขได้ทันทีเหมือนเปิดสวิตซ์แบบที่พวกเขาอยากจะให้เป็น) แต่หนูเองก็เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ หนูก็ยอมรับว่าหนูไม่เข้าใจพวกเขา เพราะงั้นหนูก็ไม่ควรที่จะคาดหวังจากคนอื่นมากเกินไป
เพราะว่าอ่อนไหวและละเอียดอ่อนมากกว่าคนทั่วไป ทำให้หนูมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ที่ผ่านมาหนูคิดว่ามันเริ่มหนักขึ้น และยากขึ้นมาก คนรอบข้างก็สังเกตเห็น ซึ่งหนูไม่เคยต้องการให้พวกเขามองเห็นมันเลยเพราะมันคือจุดอ่อน และมันดูไม่ฉลาดเอาซะเลย หนูรู้สึกอ่อนแอสุดๆ สุดท้ายหนูก็เลยลองค้นหา(ใช้google กับหนังสือไม่กี่เล่ม)ว่าหนูเป็นอะไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไร เพราะความรู้สึกมันคือสิ่งที่ยากเกินจะอธิบาย แต่ก็มีแหล่งที่มาหลายที่บอกว่าในตอนนี้หนูต้องการคนคุยด้วย และทางที่ดีคือคุยกับจิตแพทย์โดยตรง ที่จริงแล้ว หนูก็มีคุณหมอที่หนูรู้จักอยู่ก็เลยว่าจะทักไปขอคำปรึกษานิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกัน เพราะคุณหมอยุ่งมาก หนูเลยต้องเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองสักพัก
หนูเพิ่งค้นพบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าหนูอาจจะมีปมในใจกับบางสิ่งบางอย่าง แต่หนูพยายามคิดแล้วก็คิดไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร โดยรวมแล้ว หนูควรจะรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ดี ที่พยายามเลี้ยงหนูให้ดีที่สุด มีเงิน มีผลการเรียนที่ดีอันดับต้นๆ สำคัญที่สุดเลยก็คือวัยเด็กที่ไม่น่าจะเจ็บปวดมากเท่าของเด็กคนอื่น มีทุกอย่างแล้วยังจะต้องการอะไรอีก?
สุดท้ายหนูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หนูก็เลยไปพยายามคุยกับผู้ปกครองเรื่องไปหาจิตแพทย์ แต่พวกเขาไม่เห็นด้วย พวกเขาบอกว่าไม่มีใครที่เข้าใจหนูไปมากกว่าพวกเขา แต่หนูดื้อเองที่ไม่เคยฟังใครเลย และหนูควรจะรู้สึกดี และรู้สึกขอบคุณที่มีทุกวันนี้ได้แล้ว หนูก็อยากจะทำให้ทุกคนมีความสุขได้เหมือนกันค่ะ แต่ทำไมมันดูยากจัง คนอื่นก็ดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เท่าไร อยากมีคนที่คอยให้กำลังใจเวลาที่เศร้าแบบตอนนี้ แต่สุดท้ายหนูก็เป็นคนที่ไล่พวกเขาให้ออกไปซะเอง รู้สึกง่ายกว่าคนปกติ แต่ก็แสดงออกหรืออธิบายให้คนอื่นเข้าใจไม่เป็น แต่พอแสดงออก ก็โดนหาว่าไม่รู้จักโต ในเวลาที่มีความสุขที่สุด ก็ไม่อยากจะปล่อยให้ตัวเองมีความสุขมากเกินไปจนลืมเรื่องต่างๆ รู้สึกเหนื่อยกับการทำความดีแบบไม่มีเหตุผล อยากรักตัวเอง แต่ก็ทำร้ายตัวเองแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ออกจะดูผิด ดูไม่ใช่ ย้อนแย้งไปหมด หรือไอการเป็นคนsensitiveมันก็แค่ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของหนูงั้นเหรอ?
ที่เขียนมาทั้งหมด หนูไม่คาดหวังให้ใครเข้าใจหนูอีกแล้ว หนูเองก็อาจจะมีความคิดหรือมุมมองที่ต่างจากคนอื่น ทำให้เข้าใจยาก หนูจะไม่คาดหวังให้พวกคุณให้กำลังใจ หรือรู้สึกสงสาร หนูไม่รู้ว่าตกลงหนูผิดหรือเปล่าที่อ่อนไหวมากกว่าคนทั่วไป หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกทั้งหมดนี้มันมาจากไหน และก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นช่วงนี้ และยังไม่มีใครรู้ แต่หนูจะขอไม่เล่าดีกว่า
ขอบคุณที่ยอมอ่านจนจบค่ะ
จะผิดไหมที่รู้สึกง่ายกว่าคนอื่น
ในชีวิตจริง หนูมีพี่กับน้องอย่างละคน ซึ่งหนูจำพวกเขาในแบบที่เป็นคนฉลาดมากๆ และมีเหตุผลมาโดยตลอด พวกเขาสามารถจับได้เวลาที่หนูกำลังโกหกอยู่บ่อยๆ ต่างจากหนูที่เกิดมาเป็นคนเจ้าอารมณ์โดยธรรมชาติ เลยทำให้คนอื่น(โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่) มองว่าหนูชอบทำตัวเป็น ‘เด็กไม่รู้จักโต’ คำที่หนูมักจะโดนพูดใส่บ่อยๆก็มีแค่ “เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องร้องไห้” “เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว” “น้ำตาช่วยอะไรไม่ได้หรอก” “หยุดเรียกร้องความสนใจสักที” ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หนูพยายามหนักกว่าเด็กคนอื่นมาโดยตลอด หนูพยายามที่จะหาความรู้ใส่ตัวให้มากๆ และก็เรียนหนังสือให้เก่งๆ เพื่อที่จะปิดบังข้อเสียของตัวเอง จนเทอมที่แล้วความพยายามมันก็ทำให้หนูสอบที่ 1 ของห้อง และได้เป็นนักเรียนดีเด่น
ในเทอมนี้ หนูเองก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถประคับประคองทุกอย่างได้ค่อนข้างดีเหมือนกับเทอมที่แล้วในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์หนูก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากจะทำอะไรเลย แต่ในตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองก็แค่รู้สึกเหนื่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่มันก็ค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
มีอยู่วันหนึ่ง หนูได้ไปงานรวมญาติ และหนึ่งในนั้นก็ทักหนูเรื่องสิวบนใบหน้า ทำให้หนูเครียดมาก จนสุดท้ายหนูก็เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ที่บ้านฟังแต่พวกเขาคิดว่าหนูรู้สึกง่ายไปเอง หนูไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะคิดยังไงกับเรื่องแบบนี้ แต่หนูคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว และหนูเองก็ไม่อยากให้ลูกหรือหลานๆของหนูในอนาคตต้องมารู้สึกแย่กับเรื่องแบบนี้ จนสุดท้ายก็จบด้วยการทะเลาะกับคนในครอบครัวแบบไม่รู้จบ หนูก็เลยเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก ต่อให้ในใจจะรู้สึกแย่มากๆ และก็แอบคิดหาทางแก้ไขการรังแกกันในครอบครัวอยู่บ่อยๆ(ที่จริงหนูทำการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะพอสมควรแล้ว ซึ่งก็พบว่าการทักเรื่องรูปร่างหน้าตาในทางเสียๆหายๆก็นับว่าเป็นการรังแก เพราะมีแนวโน้มที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่)
หลังจากนั้นไม่นานหนูก็ไม่อยากเจอหน้าใครอีก หนูสังเกตเห็นว่าตัวเองเริ่มเย็นชากับคนอื่นมากขึ้น หรือไม่ก็รู้สึกโกรธอย่างรุนแรงสุดๆเมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ สำหรับพวกคุณแล้วคงจะคิดว่าหนูต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ แต่เปล่าเลย หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์ กับความรู้สึกด้านลบๆพวกนี้มันมาจากไหน แล้วทำไมหนูถึงเริ่มอยากต่อต้านสังคม สองสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกดีขึ้นได้ก็มีแค่การอ่านหนังสือ กับฟังเพลงคลาสสิก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย
ในทางกลับกันหนูเองก็ต้องการคนที่สามารถรับฟังหนูได้แบบที่ไม่โกรธ และคอยกล่าวโทษสิ่งที่หนูไม่สามารถควบคุมได้(อย่างเช่น คำพูดว่า “ไม่รู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่มีบ้างเลยหรือไง” หรือ “หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เศร้าสิ” ซึ่งหนูไม่คิดว่าเวลาที่ตัวเองรู้สึกเศร้าแบบนี้จะสามารถมีความสุขได้ทันทีเหมือนเปิดสวิตซ์แบบที่พวกเขาอยากจะให้เป็น) แต่หนูเองก็เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ หนูก็ยอมรับว่าหนูไม่เข้าใจพวกเขา เพราะงั้นหนูก็ไม่ควรที่จะคาดหวังจากคนอื่นมากเกินไป
เพราะว่าอ่อนไหวและละเอียดอ่อนมากกว่าคนทั่วไป ทำให้หนูมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ที่ผ่านมาหนูคิดว่ามันเริ่มหนักขึ้น และยากขึ้นมาก คนรอบข้างก็สังเกตเห็น ซึ่งหนูไม่เคยต้องการให้พวกเขามองเห็นมันเลยเพราะมันคือจุดอ่อน และมันดูไม่ฉลาดเอาซะเลย หนูรู้สึกอ่อนแอสุดๆ สุดท้ายหนูก็เลยลองค้นหา(ใช้google กับหนังสือไม่กี่เล่ม)ว่าหนูเป็นอะไร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไร เพราะความรู้สึกมันคือสิ่งที่ยากเกินจะอธิบาย แต่ก็มีแหล่งที่มาหลายที่บอกว่าในตอนนี้หนูต้องการคนคุยด้วย และทางที่ดีคือคุยกับจิตแพทย์โดยตรง ที่จริงแล้ว หนูก็มีคุณหมอที่หนูรู้จักอยู่ก็เลยว่าจะทักไปขอคำปรึกษานิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกัน เพราะคุณหมอยุ่งมาก หนูเลยต้องเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองสักพัก
หนูเพิ่งค้นพบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าหนูอาจจะมีปมในใจกับบางสิ่งบางอย่าง แต่หนูพยายามคิดแล้วก็คิดไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร โดยรวมแล้ว หนูควรจะรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ดี ที่พยายามเลี้ยงหนูให้ดีที่สุด มีเงิน มีผลการเรียนที่ดีอันดับต้นๆ สำคัญที่สุดเลยก็คือวัยเด็กที่ไม่น่าจะเจ็บปวดมากเท่าของเด็กคนอื่น มีทุกอย่างแล้วยังจะต้องการอะไรอีก?
สุดท้ายหนูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หนูก็เลยไปพยายามคุยกับผู้ปกครองเรื่องไปหาจิตแพทย์ แต่พวกเขาไม่เห็นด้วย พวกเขาบอกว่าไม่มีใครที่เข้าใจหนูไปมากกว่าพวกเขา แต่หนูดื้อเองที่ไม่เคยฟังใครเลย และหนูควรจะรู้สึกดี และรู้สึกขอบคุณที่มีทุกวันนี้ได้แล้ว หนูก็อยากจะทำให้ทุกคนมีความสุขได้เหมือนกันค่ะ แต่ทำไมมันดูยากจัง คนอื่นก็ดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เท่าไร อยากมีคนที่คอยให้กำลังใจเวลาที่เศร้าแบบตอนนี้ แต่สุดท้ายหนูก็เป็นคนที่ไล่พวกเขาให้ออกไปซะเอง รู้สึกง่ายกว่าคนปกติ แต่ก็แสดงออกหรืออธิบายให้คนอื่นเข้าใจไม่เป็น แต่พอแสดงออก ก็โดนหาว่าไม่รู้จักโต ในเวลาที่มีความสุขที่สุด ก็ไม่อยากจะปล่อยให้ตัวเองมีความสุขมากเกินไปจนลืมเรื่องต่างๆ รู้สึกเหนื่อยกับการทำความดีแบบไม่มีเหตุผล อยากรักตัวเอง แต่ก็ทำร้ายตัวเองแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ออกจะดูผิด ดูไม่ใช่ ย้อนแย้งไปหมด หรือไอการเป็นคนsensitiveมันก็แค่ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของหนูงั้นเหรอ?
ที่เขียนมาทั้งหมด หนูไม่คาดหวังให้ใครเข้าใจหนูอีกแล้ว หนูเองก็อาจจะมีความคิดหรือมุมมองที่ต่างจากคนอื่น ทำให้เข้าใจยาก หนูจะไม่คาดหวังให้พวกคุณให้กำลังใจ หรือรู้สึกสงสาร หนูไม่รู้ว่าตกลงหนูผิดหรือเปล่าที่อ่อนไหวมากกว่าคนทั่วไป หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกทั้งหมดนี้มันมาจากไหน และก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นช่วงนี้ และยังไม่มีใครรู้ แต่หนูจะขอไม่เล่าดีกว่า
ขอบคุณที่ยอมอ่านจนจบค่ะ