
ถ้าพูดถึงจังหวัดภาคเหนือ ตัวเลือกแรกๆ ที่คนจะไปเที่ยวกัน ในฤดูหนาว คงจะหนีไม่พ้น เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน แต่น้อยคนจะนึงถึงจังหวัดลำปาง หรือเขลางค์นคร เราก็เช่นกัน ส่วนใหญ่เคยแต่ผ่านไม่เคยไปเที่ยวสักที พอดีครั้งนี้ตั้งใจอยากลองไปสัมผัสลำปางดูบ้าง เลยจัดการหาข้อมูลแล้วไปลุยนครลำปางกัน 3 วัน 2 คืน จากที่หาข้อมูลดู ลำปางเป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวเลยนะ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีที่เที่ยวครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา น้ำตก บ่อน้ำพุร้อน วัดสวยๆ จังหวัดเดียวมีครบ มีสัญลักษณ์คือรถม้าและชามตราไก่ ตามมาครับ ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองลำปางด้วยกันฮะ ทริปนี้เราเดินทางเมื่อวันที่ 14-16 มกราคม 2565
ไฮไลท์ที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่เราจะไปในทริปนี้
- สถานีรถไฟนครลำปาง
- วัดพระธาตุลำปางหลวง
- ไร่สุวรรณ ดอยแม่แจ๋ม
ที่พัก Day 1 = แจ้ซ้อนวินเทจ
- บ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน
- วัดเฉลิมพระเกียรติ ลำปาง(วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)
- california ลําปาง
ที่พักDay 2 = Tree Tara Hotel
- แกงหอม
- ถนนคนเดินกาดกองต้า
- รักษ์บัวลอย
- วัดพระธาตุดอยพระฌาน
- ผาหอบ
- พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี
- วัดเชียงราย
- Street art ลำปาง
- Wooden House Cafe'
- สะพานรัษฎาภิเศก
- ผัดไทยค่ายมวย

มาที่การเดินทางของเรากันเลยครับ อย่างที่บอกครับว่าทริปนี้เราเดินทางโดยรถไฟ เป็นรถนอน กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนที่เราไปเป็นรถด่วนพิเศษขบวน13 ออกจากกรุงเทพ 19.35 น. ถึงนครลำปาง 06.30 น. เราขึ้นจากพิจิตรตอนกลางคืนออกจากพิจิตรตีหนึ่งกว่าๆ ถึงนครลำปาง ประมาณ 6 โมงเช้าหน่อยๆ ถึงนครลำปาง เรานั่งรถสองแถวเขียว-เหลือง ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน รถเช่า ลำปาง อยู่ตรงบขส. ราคาวันละ300บาท รถยนต์ก็มีนะเผื่อว่าใครจะไปเช่า

ที่แรกเราไปวัดพระธาตุลำปางหลวง
ตั้งอยู่ที่ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กม. เป็นวัดประจำปีเกิดของปีฉลูหรือปีวัวนั่นเอง
ไปถึงลำปางทั้งที ถ้าไม่ไปวัดพระธาตุลำปางหลวงคงเหมือนมาไม่ถึงนครลำปาง วัดแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง มีความสวยงามตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า มีลักษณะเป็นซุ้มประตูโขง ส่วนองค์พระธาตุลำปางหลวงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำหรือเจดีย์แบบพุกามล้านนา ไฮไลท์เมื่อไปวัดแห่งนี้ต้องไปชมเงาพระธาตุกลับหัว ผู้ชายขึ้นไปดูเงาพระธาตุที่ซุ้มพระบาทได้ ส่วนผู้หญิงให้ดูที่วิหาร ข้างองค์พระธาตุ

องค์พระธาตุดูยิ่งใหญ่ ดูมีความขลัง สวยงามมาก

พระธาตุกลับหัว ที่ซุ้มพระบาท ด้านหลังองค์พระธาตุ ตอนแรกเราขึ้นไปดูยังไงก็มองไม่เห็น พอดีเจอคุณตาแถวนั้น คุณตาเลยพาขึ้นไปดู วิธีการดูพอขึ้นไปถึงซุ้มพระบาท ให้ปิดประตูทั้งสองบานให้ด้านในมืด แล้วดูที่ผืนผ้าสีขาว จะเห็นเงาพระธาตุกลับหัว ดูอัศจรรย์มาก แปลกดี แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็คือเกิดจากการหักเหของแสง ตรงนี้จะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายนะ ส่วนผู้หญิงให้ไปดูที่วิหารข้างองค์พระธาตุ เข้าไปในวิหารจะอยู่ขวามือ ตรงผ้าสีขาวที่วางนอนอยู่

ไหว้พระธาตุเสร็จมาลองนั่งรถม้ากันดูสักหน่อย

นั่งรถม้ารอบเมือง ราคา 300 บาท ถ้าขึ้นไปถ่ายรูปอย่างเดียว 10 บาท

ต่อมาเรามาที่ วัดเฉลิมพระเกียรติ ลำปาง(วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)
เจดีย์สีขาวตั้งโดดเด่น เรียงรายอยู่บนยอดเขา การจะขึ้นไปชมความงดงามของวัดนี้ ต้องนำรถไปจอดที่จุดจอดรถด้านล่างของวัด แล้วนั่งรถรับส่งของชาวบ้านขึ้นไป ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเองเพราะทางชันและแคบ ขึ้นไปถึงด้านบนต้องเดินขึ้นบันไดลัดเลาะไปตามซอกเขาอีกประมาณ 600 เมตร ส่วนวิวทิวทัศน์ด้านบนนั้น เห็นวิวแล้ว บอกเลยหายเหนื่อย วิวด้านบน360 องศา เจดีย์สีขาวเรียงรายตั้งบนยอดเขาอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็ช่วงนี้จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ดูสวยงามไปอีกแบบนี้

ทางขึ้นบอกเลยเหนื่อยเอาเรื่องเลยฮะ แต่มีจุดพักเป็นระยะ ทางเดินขึ้นจะเป็นบันไดตลอดระยะทาง

ด้านบนวิวสวยมาก จะเห็นเจดีย์สีขาว ตั้งอยู่ตามโขดหินบนยอดเขา สวยงามแปลกตามาก

สามารถขึ้นดูวิวได้ทั้งสองฝั่ง อีกฝั่งนึงจะเป็นเจดีย์สีทองตั้งอยู่บนยอดเขา
[CR] นั่งรถไฟไปนครลำปาง 3 วัน 2 คืน
ถ้าพูดถึงจังหวัดภาคเหนือ ตัวเลือกแรกๆ ที่คนจะไปเที่ยวกัน ในฤดูหนาว คงจะหนีไม่พ้น เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน แต่น้อยคนจะนึงถึงจังหวัดลำปาง หรือเขลางค์นคร เราก็เช่นกัน ส่วนใหญ่เคยแต่ผ่านไม่เคยไปเที่ยวสักที พอดีครั้งนี้ตั้งใจอยากลองไปสัมผัสลำปางดูบ้าง เลยจัดการหาข้อมูลแล้วไปลุยนครลำปางกัน 3 วัน 2 คืน จากที่หาข้อมูลดู ลำปางเป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวเลยนะ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีที่เที่ยวครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา น้ำตก บ่อน้ำพุร้อน วัดสวยๆ จังหวัดเดียวมีครบ มีสัญลักษณ์คือรถม้าและชามตราไก่ ตามมาครับ ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองลำปางด้วยกันฮะ ทริปนี้เราเดินทางเมื่อวันที่ 14-16 มกราคม 2565
ไฮไลท์ที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่เราจะไปในทริปนี้
- สถานีรถไฟนครลำปาง
- วัดพระธาตุลำปางหลวง
- ไร่สุวรรณ ดอยแม่แจ๋ม
ที่พัก Day 1 = แจ้ซ้อนวินเทจ
- บ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน
- วัดเฉลิมพระเกียรติ ลำปาง(วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)
- california ลําปาง
ที่พักDay 2 = Tree Tara Hotel
- แกงหอม
- ถนนคนเดินกาดกองต้า
- รักษ์บัวลอย
- วัดพระธาตุดอยพระฌาน
- ผาหอบ
- พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี
- วัดเชียงราย
- Street art ลำปาง
- Wooden House Cafe'
- สะพานรัษฎาภิเศก
- ผัดไทยค่ายมวย
มาที่การเดินทางของเรากันเลยครับ อย่างที่บอกครับว่าทริปนี้เราเดินทางโดยรถไฟ เป็นรถนอน กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนที่เราไปเป็นรถด่วนพิเศษขบวน13 ออกจากกรุงเทพ 19.35 น. ถึงนครลำปาง 06.30 น. เราขึ้นจากพิจิตรตอนกลางคืนออกจากพิจิตรตีหนึ่งกว่าๆ ถึงนครลำปาง ประมาณ 6 โมงเช้าหน่อยๆ ถึงนครลำปาง เรานั่งรถสองแถวเขียว-เหลือง ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน รถเช่า ลำปาง อยู่ตรงบขส. ราคาวันละ300บาท รถยนต์ก็มีนะเผื่อว่าใครจะไปเช่า
ที่แรกเราไปวัดพระธาตุลำปางหลวง
ตั้งอยู่ที่ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กม. เป็นวัดประจำปีเกิดของปีฉลูหรือปีวัวนั่นเอง
ไปถึงลำปางทั้งที ถ้าไม่ไปวัดพระธาตุลำปางหลวงคงเหมือนมาไม่ถึงนครลำปาง วัดแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง มีความสวยงามตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า มีลักษณะเป็นซุ้มประตูโขง ส่วนองค์พระธาตุลำปางหลวงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำหรือเจดีย์แบบพุกามล้านนา ไฮไลท์เมื่อไปวัดแห่งนี้ต้องไปชมเงาพระธาตุกลับหัว ผู้ชายขึ้นไปดูเงาพระธาตุที่ซุ้มพระบาทได้ ส่วนผู้หญิงให้ดูที่วิหาร ข้างองค์พระธาตุ
องค์พระธาตุดูยิ่งใหญ่ ดูมีความขลัง สวยงามมาก
พระธาตุกลับหัว ที่ซุ้มพระบาท ด้านหลังองค์พระธาตุ ตอนแรกเราขึ้นไปดูยังไงก็มองไม่เห็น พอดีเจอคุณตาแถวนั้น คุณตาเลยพาขึ้นไปดู วิธีการดูพอขึ้นไปถึงซุ้มพระบาท ให้ปิดประตูทั้งสองบานให้ด้านในมืด แล้วดูที่ผืนผ้าสีขาว จะเห็นเงาพระธาตุกลับหัว ดูอัศจรรย์มาก แปลกดี แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็คือเกิดจากการหักเหของแสง ตรงนี้จะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายนะ ส่วนผู้หญิงให้ไปดูที่วิหารข้างองค์พระธาตุ เข้าไปในวิหารจะอยู่ขวามือ ตรงผ้าสีขาวที่วางนอนอยู่
ไหว้พระธาตุเสร็จมาลองนั่งรถม้ากันดูสักหน่อย
นั่งรถม้ารอบเมือง ราคา 300 บาท ถ้าขึ้นไปถ่ายรูปอย่างเดียว 10 บาท
ต่อมาเรามาที่ วัดเฉลิมพระเกียรติ ลำปาง(วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส)
เจดีย์สีขาวตั้งโดดเด่น เรียงรายอยู่บนยอดเขา การจะขึ้นไปชมความงดงามของวัดนี้ ต้องนำรถไปจอดที่จุดจอดรถด้านล่างของวัด แล้วนั่งรถรับส่งของชาวบ้านขึ้นไป ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเองเพราะทางชันและแคบ ขึ้นไปถึงด้านบนต้องเดินขึ้นบันไดลัดเลาะไปตามซอกเขาอีกประมาณ 600 เมตร ส่วนวิวทิวทัศน์ด้านบนนั้น เห็นวิวแล้ว บอกเลยหายเหนื่อย วิวด้านบน360 องศา เจดีย์สีขาวเรียงรายตั้งบนยอดเขาอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็ช่วงนี้จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ดูสวยงามไปอีกแบบนี้
ทางขึ้นบอกเลยเหนื่อยเอาเรื่องเลยฮะ แต่มีจุดพักเป็นระยะ ทางเดินขึ้นจะเป็นบันไดตลอดระยะทาง
ด้านบนวิวสวยมาก จะเห็นเจดีย์สีขาว ตั้งอยู่ตามโขดหินบนยอดเขา สวยงามแปลกตามาก
สามารถขึ้นดูวิวได้ทั้งสองฝั่ง อีกฝั่งนึงจะเป็นเจดีย์สีทองตั้งอยู่บนยอดเขา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้