มาตุฆาตสลด หนุ่มบุรีรัมย์ อดีตนักมวยหนีทหาร คลั่ง แม่ห้ามขี่จยย. คว้าไม้มี แปบทุบ เหล็กแทงหน้า แม่บังเกิดเกล้าดับสลด วงจรปิดจับภาพชัด คาดป่วยจิตไม่กินยาจนหลอน
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ควบคุมตัว นายประวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี หลังคลั่งก่อเหตุ ทำร้าย แม่ตัวเอง วัย 56 ปี เสียชีวิต ด้วยการใช้ไม้เฌอร่า แปบเหล็กตีใบหน้า และใช้เหล็กแหลมกระหน่ำแทงแบบบ้าคลั่ง เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านพื้นที่ บ้านม่วง หมู่ 13 ต.พระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงสายวันนี้ ไปดำเนินคดี
ต่อมาตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ด้านนอกของบ้านที่เกิดเหตุ เป็นภาพนางสังวาลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี เป็นน้าสะใภ้ของนายวิทย์ เข้ามาห้ามไม่ให้นายวิทย์ขี่รถจยย.ออกจากบ้าน เพราะเกรงจะเป็นอันตราย เนื่องจากสติไม่สมประกอบ
จากนั้นแม่ของนายวิทย์ เดินเข้ามาร่วมกันห้าม จนเกิดการชุลมุน โดยตอนแรกนายวิทย์ ได้ผลักทั้งน้าสะใภ้ กับแม่ของตัวเอง ล้มลงหลายครั้ง นางสังวาลย์ เห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปเรียกให้คนมาช่วย ระหว่างนั้นนายวิทย์ ได้ยื้อกระชากกับแม่ ก่อนที่จะลากแม่ไปมุมข้างรถกระบะแล้วลงมือใช้ไม้เฌอร่า ทุบไปหลายครั้งโดยมีเสียงร้องของแม่ออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่นายวิทย์ ยังไม่หนำใจ ไปหาเหล็กแปบมาทุบแม่ตามใบหน้าอีกหลายครั้ง ก่อนใช้เหล็กมีคมที่วางบริเวณนั้นมานั่งแทงตามใบหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะหาถุงพลาสติกมาครอบหัวแม่ตัวเอง แล้วเดินหนีไป
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน น้องผู้เสียชีวิต และเป็นน้าของนายวิทย์ คนก่อเหตุ บอกว่า หลานเรียนวิชามวยไทยมาตั้งแต่เป็นเด็ก เคยชกมวยชกมวยใช้ชื่อ ”ประวิทย์ ศิษย์พระครู” ต่อมาได้เป็นทหารเกณฑ์ ประจำการที่ จ.ลพบุรี ไปก่อเหตุทำร้ายครูฝึกจนสลบ แล้วหนีทหารมาจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาในช่วงที่นายวิทย์ มีอาการหลอน มักจะได้ยินเสียงแว่วและหมายหัวจะทำร้ายตนเอง ภรรยาของตน แม่ตัวเอง และหลานรวม 4 คน มาแล้วหลายครั้ง กระทั่งมาครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้ สาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากนายวิทย์ ไม่ยอมกินยาที่หมอมาให้ ทำให้ญาติเป็นห่วง พยายามตามมาให้กินยาและพยายามห้ามไม่ให้ขี่รถจักรยานยนต์ สุดท้ายก็เกิดเหตุสลดดังกล่าว
สำหรับนายวิทย์ หลังจากถูกควบคุมตัวยังมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่ตลอดเวลา ตำรวจต้องให้หมอมาฉีดยาให้ผ่อนคลาย เพื่อให้สงบสติอารมณ์ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาฆ่าบุพการีโดยเจนตา ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
https://www.dailynews.co.th/news/734217/
มาตุฆาต! ฉุนห้ามไม่ให้ขี่จยย.ไม้ตี-เหล็กแทงแม่บังเกิดเกล้าดับสลด
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ควบคุมตัว นายประวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี หลังคลั่งก่อเหตุ ทำร้าย แม่ตัวเอง วัย 56 ปี เสียชีวิต ด้วยการใช้ไม้เฌอร่า แปบเหล็กตีใบหน้า และใช้เหล็กแหลมกระหน่ำแทงแบบบ้าคลั่ง เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านพื้นที่ บ้านม่วง หมู่ 13 ต.พระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงสายวันนี้ ไปดำเนินคดี
ต่อมาตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ด้านนอกของบ้านที่เกิดเหตุ เป็นภาพนางสังวาลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี เป็นน้าสะใภ้ของนายวิทย์ เข้ามาห้ามไม่ให้นายวิทย์ขี่รถจยย.ออกจากบ้าน เพราะเกรงจะเป็นอันตราย เนื่องจากสติไม่สมประกอบ
จากนั้นแม่ของนายวิทย์ เดินเข้ามาร่วมกันห้าม จนเกิดการชุลมุน โดยตอนแรกนายวิทย์ ได้ผลักทั้งน้าสะใภ้ กับแม่ของตัวเอง ล้มลงหลายครั้ง นางสังวาลย์ เห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปเรียกให้คนมาช่วย ระหว่างนั้นนายวิทย์ ได้ยื้อกระชากกับแม่ ก่อนที่จะลากแม่ไปมุมข้างรถกระบะแล้วลงมือใช้ไม้เฌอร่า ทุบไปหลายครั้งโดยมีเสียงร้องของแม่ออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่นายวิทย์ ยังไม่หนำใจ ไปหาเหล็กแปบมาทุบแม่ตามใบหน้าอีกหลายครั้ง ก่อนใช้เหล็กมีคมที่วางบริเวณนั้นมานั่งแทงตามใบหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะหาถุงพลาสติกมาครอบหัวแม่ตัวเอง แล้วเดินหนีไป
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน น้องผู้เสียชีวิต และเป็นน้าของนายวิทย์ คนก่อเหตุ บอกว่า หลานเรียนวิชามวยไทยมาตั้งแต่เป็นเด็ก เคยชกมวยชกมวยใช้ชื่อ ”ประวิทย์ ศิษย์พระครู” ต่อมาได้เป็นทหารเกณฑ์ ประจำการที่ จ.ลพบุรี ไปก่อเหตุทำร้ายครูฝึกจนสลบ แล้วหนีทหารมาจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาในช่วงที่นายวิทย์ มีอาการหลอน มักจะได้ยินเสียงแว่วและหมายหัวจะทำร้ายตนเอง ภรรยาของตน แม่ตัวเอง และหลานรวม 4 คน มาแล้วหลายครั้ง กระทั่งมาครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้ สาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากนายวิทย์ ไม่ยอมกินยาที่หมอมาให้ ทำให้ญาติเป็นห่วง พยายามตามมาให้กินยาและพยายามห้ามไม่ให้ขี่รถจักรยานยนต์ สุดท้ายก็เกิดเหตุสลดดังกล่าว
สำหรับนายวิทย์ หลังจากถูกควบคุมตัวยังมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่ตลอดเวลา ตำรวจต้องให้หมอมาฉีดยาให้ผ่อนคลาย เพื่อให้สงบสติอารมณ์ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาฆ่าบุพการีโดยเจนตา ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
https://www.dailynews.co.th/news/734217/