Moonfall ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก 'โรลันท์ เอ็มเมอริช' (ID4 และ 2012) ผู้กำกับสายภัยพิบัติ ที่การกลับมาครั้งนี้ของเขา เขามาพร้อมกับการเล่นประเด็นเกี่ยวความลับที่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับดวงจันทร์ และทฤษฎีสมคบคิดเกินกว่าหลายๆ สิ่ง ที่ได้จินตนาการเอาไว้
ความน่าสนใจของ Moonfall นี้ อยู่ที่การหยิบยกประเด็นเรื่องความลับเกี่ยวกับดวงจันทร์มาออกนำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์ ชวนให้เราเกิดข้อสงสัยตั้งแต่ดูตัวอย่างไปจนถึงจนจบของภาพยนตร์เลย ว่าเจ้า 'สิ่งนั้น' ที่เผยให้เราได้เห็นกันมันคืออะไรกันแน่? พร้อมทั้งพูดถึงและกล่าวอ้างถึงสันนิษฐานจากเรื่องจริงด้วย
แต่ในระหว่างการเดินทางเพื่อให้ไปถึงสิ่งที่เราอยากจะรู้ความจริง การดำเนินเรื่องเพื่อปูเนื้อเรื่องก่อนจะเข้าสู่ความจริงในตอนท้าย ค่อนข้างใช้เวลาปูนานพอสมควร เรียกได้ว่าแทบจะปูแบบยัดใส่ทุกอย่างเข้ามาในเรื่องให้ได้ตามเวลา 2 ชั่วโมงเลยก็ว่า ทั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อประชาชนรับรู้ว่าจะถึงวันสิ้นโลก รวมไปถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหากดวงจันทร์เปลี่ยนไป ที่สำคัญตัวภาพยนตร์ยังไม่ลืมที่จะแอบแซะเรื่องของ 'แนวคิดของทหาร' ที่มักจะคิดถึงการทำลายอย่างเดียว ชนิดที่ว่าขอแค่รอดวันนี้ก็พอโดยไม่นึกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าด้วย ซึ่งในปัจจุบันทั้งภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่องก็แซะในเรื่องนี้ไม่น้อยเลย
ส่วนของงาน Visual Effects ถือว่าทำได้ดีตามแบบฉบับของภาพยนตร์แนวภัยพิบัติแบบนี้ ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก ทำเอารู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวเมื่อเราต้องเห็นดวงจันทร์ดวงโตๆ อยู่ใกล้โลกไปเลย ถึงอย่างนั้นข้อดีนี้ก็ไม่อาจกลบข้อสังเกตในเรื่องที่ว่าฉากภัยพิบัติที่เราควรจะอินไปกับมัน มีค่อนข้างน้อยเกินไปหน่อย ชนิดที่ว่าอยู่ๆ จะมาก็มาจะไปก็ไป เพราะการปูมาทั้งเรื่องไปเน้นที่เรื่องความสัมพันธ์และอื่นๆ โดยไม่จำเป็นมากกว่า นั่นเลยทำให้บางคนอาจจะไม่อินหรือลุ้นไปกับมันมากนัก
สรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมดเรื่อง Moonfall หากใครที่คาดหวังไว้ในเรื่องของ Visual Effects, การไขข้อสงสัยว่าสิ่งนั้นที่เราเห็นคืออะไร และหากใครที่อินกับทฤษฎีสมคบคิด เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย แม้ว่าในตอนจบจะมีการจบแบบปลายเปิดให้เราคิดต่อก็ตาม
[SR] Pantip Movie Review : Moonfall
แต่ในระหว่างการเดินทางเพื่อให้ไปถึงสิ่งที่เราอยากจะรู้ความจริง การดำเนินเรื่องเพื่อปูเนื้อเรื่องก่อนจะเข้าสู่ความจริงในตอนท้าย ค่อนข้างใช้เวลาปูนานพอสมควร เรียกได้ว่าแทบจะปูแบบยัดใส่ทุกอย่างเข้ามาในเรื่องให้ได้ตามเวลา 2 ชั่วโมงเลยก็ว่า ทั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อประชาชนรับรู้ว่าจะถึงวันสิ้นโลก รวมไปถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหากดวงจันทร์เปลี่ยนไป ที่สำคัญตัวภาพยนตร์ยังไม่ลืมที่จะแอบแซะเรื่องของ 'แนวคิดของทหาร' ที่มักจะคิดถึงการทำลายอย่างเดียว ชนิดที่ว่าขอแค่รอดวันนี้ก็พอโดยไม่นึกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าด้วย ซึ่งในปัจจุบันทั้งภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่องก็แซะในเรื่องนี้ไม่น้อยเลย
ส่วนของงาน Visual Effects ถือว่าทำได้ดีตามแบบฉบับของภาพยนตร์แนวภัยพิบัติแบบนี้ ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก ทำเอารู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวเมื่อเราต้องเห็นดวงจันทร์ดวงโตๆ อยู่ใกล้โลกไปเลย ถึงอย่างนั้นข้อดีนี้ก็ไม่อาจกลบข้อสังเกตในเรื่องที่ว่าฉากภัยพิบัติที่เราควรจะอินไปกับมัน มีค่อนข้างน้อยเกินไปหน่อย ชนิดที่ว่าอยู่ๆ จะมาก็มาจะไปก็ไป เพราะการปูมาทั้งเรื่องไปเน้นที่เรื่องความสัมพันธ์และอื่นๆ โดยไม่จำเป็นมากกว่า นั่นเลยทำให้บางคนอาจจะไม่อินหรือลุ้นไปกับมันมากนัก
สรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมดเรื่อง Moonfall หากใครที่คาดหวังไว้ในเรื่องของ Visual Effects, การไขข้อสงสัยว่าสิ่งนั้นที่เราเห็นคืออะไร และหากใครที่อินกับทฤษฎีสมคบคิด เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย แม้ว่าในตอนจบจะมีการจบแบบปลายเปิดให้เราคิดต่อก็ตาม
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้