JJNY : ติดเชื้อ 9,172 เสียชีวิต 21│ธอส.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น│ภาคท่องเที่ยววิกฤติ!│เท่าพิภพ สุดเสียดายสภาล่ม

ติดเชื้อใหม่พุ่งพรวด 9,172 ราย โควิดวันนี้ เสียชีวิต 21 ศพ ประมาทไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6868591

 
วางใจไม่ได้ป่วยพุ่งอีก ผู้ป่วยสะสม 242,288 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 84,413 ราย ติดเชื้อใหม่พุ่งพรวด 9,172 ราย โควิดวันนี้ เสียชีวิต 21 ศพ
 
วันที่ 3 ก.พ.65 กระทรวงสาธารณสุข รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 รวม 9,172 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 8,950 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 222 ราย
 
ผู้ป่วยสะสม 242,288 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 7,832 ราย หายป่วยสะสม 190,588 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 84,413 ราย เสียชีวิต 21 ราย
 


หยุดไม่อยู่! คนผ่อนบ้านมีหนาว ธอส.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น
https://ch3plus.com/news/category/277268

คนกำลังผ่อนบ้าน ธอส.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเงินค่างวดเพิ่มขึ้นด้วย
  
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส.กล่าวว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องตามที่แถลงไว้ จะเป็นแรงกดดัน ส่งผ่านมายังอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ซึ่งน่าจะเห็นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และสิ่งที่จะตามมา คือ ผลกระทบที่จะมีต่อเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อ ที่อาจจะได้เห็นการปรับขึ้นเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
  
ซึ่งในส่วนของ ธอส.เท่าที่ประเมิน จะมีลูกค้าราว 35% ที่จะถูกปรับขึ้นเงินงวด โดยหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น 0.25% วงเงินกู้ทุกๆ 1 ล้านบาท เงินงวดจะปรับเพิ่มประมาณ 500 บาท โดยกลุ่มลูกค้าที่น่าเป็นห่วง ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มที่มีอาชีพอิสระ มีรายได้ไม่แน่นอน แต่ ธอส.จะพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ช้าที่สุด
 
ทั้งนี้ ในรอบปี 64 ที่ผ่านมา ธอส.ประสบความสำเร็จทำให้คนไทยมีบ้าน ปล่อยสินเชื่อใหม่ไปถึง 2.47 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 31,234 ล้านบาท และสูงสุดในรอบ 68 ปี ขณะที่หนี้เสียอยู่ที่ 58,381 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 4% ของยอดสินเชื่อรวม ส่วนในปีนี้ ตั้งเป้าดันสินเชื่อโตอีก 3% และคุมหนี้เสีย ไม่เกิน 4.67%
 
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/D2LGH0NRJ5A 

 คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 

  
ภาคท่องเที่ยววิกฤติ! เหลือคนทำงานไม่ถึงครึ่ง หนุนตั้ง ‘ทัวริสซึ่ม คลินิก’ฝึกแรงงานใหม่
https://www.dailynews.co.th/news/727647/
 
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยปี 65 จะเกิดวิกฤติแรงงานท่องเที่ยว หลังมีพนักงานเหลือไม่เกินครึ่ง เสนอรัฐสนับสนุน 200 ล้านบาทตั้ง ทัวร์ริสซึ่ม คลินิก ทำการฝึกแรงงานใหม่

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และนายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ปี 2565 จะเป็นปีทองของการเดินหน้าฟื้นฟูอนาคตท่องเที่ยวให้ดีขึ้น แต่ธุรกิจท่องเที่ยวยังเป็นสภาพที่เพิ่งออกจากห้องไอซียู ยังต้องให้น้ำเกลือ เพราะ 84% ของสถานประกอบการท่องเที่ยวทั้งหมด มีพนักงานเหลืออยู่ไม่เกินครึ่งของที่เคยมีมาก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 และ 77% ของธุรกิจที่พักแรม มีพนักงานที่เหลืออยู่ไม่เกินครึ่ง ฉะนั้น หัวใจสำคัญที่จะทำให้พลิกฟื้นท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง จะต้องมีการจัดตั้ง ทัวริสซึ่ม คลินิก ขึ้นมาฝึกทักษะพนักงานใหม่ๆ ซึ่งต้องให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนในส่วนนี้
 
ขณะเดียวกัน เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนระยะฟื้นตัวปี 2565 จึงเสนอให้รัฐบาลขยายเวลาเงินอุดหนุนค่าจ้างแรงงานเอสเอ็มอี เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อรักษาการจ้างงาน (คนละ 3,000 บาท จำนวนลูกจ้างสูงสุด 200 คน) พร้อมทั้งสนับสนุนค่าจ้างพนักงานใหม่ ที่เป็นนักศึกษาที่จบใหม่ภายใน 5 ปี เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในช่วงฟื้นฟู 50% ของเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท และ ลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมสำหรับนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 เหลือ 2 % ตลอดจนลดภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 90% สำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งมีศักยภาพด้อยกว่าธุรกิจอื่นเป็นอย่างชัดเจน รวมทั้งขยายเวลาการใช้ขาดทุนสะสมจาก 5 ปี เป็น 10 ปี
 
น.ส.ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาส 4/2564 เท่ากับ 47 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด แต่พลิกฟื้นดีขึ้นกว่าไตรมาสที่3/2564 ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 7 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 63 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดสถานการณ์ท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2565 คือวิกฤติของแรงงานท่องเที่ยว
 
ขณะที่สถานการณ์ตลอดทั้งปี 2564 มีสถานประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปิดถาวร 6% ของสถานประกอบการทั้งหมด รายได้ของสถานประกอบการในภาพรวมของไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 18% จากสภาวะปกติ ซึ่งดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/2564 ที่ 10 % และไตรมาส 3/2564 ที่ 9 แต่ยังต่ำกว่าไตรมาส 1/2564 ที่ 22% ไตรมาสนี้ธุรกิจโรงแรม/ที่พัก เปิดทำการปกติ 86% มีอัตราการเข้าพักในภาพรวมทั่วประเทศ 32% ซึ่งเป็นอัตราการเข้าพักที่ดีที่สุดของปีนี้
 
อย่างไรก็ตามพบว่าธุรกิจโรงแรม/ที่พักที่เปิดทำการ 57% ยังมีอยู่ในสภาวะขาดทุนหรือไม่มีกำไร แต่ยังเปิดทำการเพื่อประคองธุรกิจและรักษาแรงงานเอาไว้ ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 80,926 บาท/คน/ทริป ซึ่งสูงกว่าก่อนที่จะมีวิกฤตโควิด-19
 
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สทท. กล่าวว่า ปี 2565 จะเป็นปีเกิดใหม่ของธุรกิจท่องเที่ยว จึงเสนอขอรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 200 ล้านบาทให้ สทท.นำมาจัดทำ ทัวริสซึ่ม คลินิก และจัดทำแพลตฟอร์ม ออนไลน์ ท่องเที่ยวของผู้ประกอบการ และขอความมั่นคงทางนโยบายท่องเที่ยวเพื่อการวางแผนระยะยาวด้านคน การลงทุน การตลาด รวมทั้งขอให้ภาครัฐสนับสนุนรีสตาร์ทธุรกิจ เช่น เที่ยวคนละครึ่ง สนับสนุนเงิน 50 ล้านบาทเพื่อให้รถบัสนำเที่ยวเดือนละ 5,000 คันได้มีงานทำและรักษาการจ้างงานไว้
 
นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธาน สทท. กล่าวว่า ขอรัฐบาลเปิดประเทศแล้วอย่าเปิดๆ ปิดๆ และหลังการเปิดประเทศรอบนนี้ไป 2 เดือน ถ้ามีความมั่นใจเรื่องการดูแลผู้ติดเชื้อได้ดีขึ้น ขอให้พิจารณายกเลิกให้นักท่องเที่ยวตรวจหาเชื้อในไทยด้วย ประเมินว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5-8 ล้านคน จากในปี 2564 มีเพียง 427,869 คน คิดเป็นจำนวนเพียง 1% กว่า ๆ จากปี 2562 ที่มีจำนสน 39.91 ล้านคน ถ้าได้ 8 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศถึง 400,000 ล้านบาท ไม่มีธุรกิจใดสร้างรายได้ขนาดนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่