โคก หนอง นา ผู้ใหญ่เขียด ยืนยัน ลดค่าครองชีพ

เพราะตระหนักในหน้าที่ของผู้นำครอบครัว และในฐานะผู้นำชุมชน เพื่อนำชุมชนสู่ความเป็นอยู่ที่สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีความสุข นายมณฑา  คงกะพันธ์ หรือผู้ใหญ่เขียด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ต.สินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่ น้อมนำแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำเนินชีวิตทุกลมหายใจ รวมถึงน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” มาปรับใช้ในโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” พื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับครัวเรือน (HLM : Household Lab Model for Quality of Life) จนเกิดผลผลิต ที่เป็นคลังอาหาร – สร้างรายได้ให้ครัวเรือน ลดค่าครองชีพอย่างชัดเจนต่อครัวเรือน ขยายในชุมชน ต่อไปถึงชุมชนใกล้เคียง
 
ผู้ใหญ่เขียดเล่าให้ฟัง
บนพื้นที่ 3 ไร่ ที่ได้รับงบสนับสนุนการปรับพื้นที่ในรูปแบบ โคก หนอง นา จากกรมการพัฒนาชุมชน ผมทำเกษตร และประมง ไว้เป็นแหล่งอาหารให้ครัวเรือน หวังลดค่าครองชีพด้านอาหาร พร้อมทำปศุสัตว์ไว้สร้างรายได้  แต่สิ่งที่ได้ มากกว่าการเป็นแหล่งอาหารให้ครัวเรือน คือ มันกินไม่หมดครับ กินไม่หมดก็แบ่ง เอ้าแบ่งก็ไม่หมดอีก ก็ขายเลยครับ
 
ในแง่ของการลดค่าครองชีพด้านอาหารให้ครัวเรือน ลองคำนวณแบบนี้นะ ครัวเรือนผม อยู่กัน 2 คน เฉลี่ยค่าซื้อผักจากตลาด อย่างน้อย 2 ชนิดต่อวัน เป็นเงินประมาณ 40 บาท แต่ผมได้ต้องซื้อ เพราะฉะนั้นผมลดเงินค่าซื้อผัก ได้ประมาณ 1,200 บาทต่อเดือน ถ้าคิดเป็นต่อปี ก็เป็นเงินถึง 14,400 บาท เป็นเงินมากโขเลยนะครับ

ยิ่งกว่าลดค่าซื้อผัก ยังช่วยลดค่ารักษาพยาบาลอีก เพราะได้กินอาหารจากแหล่งปลูก แหล่งเลี้ยงที่ปลอดภัยไร้สารเคมี สุขภาพดีคุ้มเกินคุ้มไปแล้วครับ
ทีนี้พอผมกินไม่หมด ก็แบ่ง เมื่อผมแบ่งครัวเรือนข้าง ๆ หรือคนที่เขาลำบากก็ให้มาเก็บผัก มาจับปลาไปกิน ก็ถือเป็นกำไรในหัวใจของผม ที่ช่วยลดค่าครองชีพ (ค่าอาหาร) ให้เขา

พอเหลือแบ่ง ก็ขายในราคาต้นทุน … เกือบทุกเช้า จะจัดผักถุงละ 10 บาท ปลาถุงละ ½ กก. 30 บาท มาแขวนไว้หน้าบ้าน ใครมาหยิบไป ก็ให้ใส่หยอดเงินใส่ไซไว้ ไม่มีคนเฝ้าหน้าร้าน กลับมาตอนเย็น เกลี้ยงหมดทุกถุง เงินได้ครบตามจำนวนผักและปลาที่ถูกปลดไป
ในฐานะผู้ใหญ่บ้านผมทำแบบนี้เพราะมีจุดประสงค์ปลูกจิตสำนึกด้านจริยธรรมความซื่อสัตย์ให้กับลูกบ้าน ให้ “ซื้อเอง ขายเอง” เมื่อเขาซื่อสัตย์ตัวตัวเอง ต่อหน้าที่ ต่อสังคม เขาก็จะไปทำอะไร ๆ ในชีวิตได้สำเร็จ ตั้งแต่ผมทำแบบนี้มา เงินได้ครบตลอด
และในฐานะสมาชิกในชุมชนผมอยากให้คนที่อยู่ในละแวกนี้ ได้ซื้อผักซื้อปลาในราคาถูก แล้วก็ยังประหยัดค่าน้ำมันรถเพื่อไปซื้อที่ตลาดอีกด้วย และแน่นอนทุกคนได้กินผักกินปลาไร้สารพิษ สุขภาพแข็งแรง ถ้าทุกคนสุขภาพแข็งแรง รัฐบาลก็สามารถลดงบประมาณด้านสาธารณสุขได้บางส่วน แล้วสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ให้ชุมชนในทางอื่นได้
นอกจากลดค่าอาหารแล้ว เงินที่ได้จากขายผัก ขายปลา ผมเอาไปสมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อเป็นหลักประกันด้านการเงินให้ตัวเองอีกก้อน อีกส่วนก็แบ่งไว้ซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกหมุนเวียน ทำต่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับโครงการ โคก หนอง นา ได้ทำตาม เพื่อสร้างแหล่งอาหารของตัวเองด้วย เมื่อหลายครัวเรือนในชุมชนมีคลังอาหารของตัวเอง ก็กลายเป็นคลังอาหารของชุมชน แล้วถ้าชุมชนทำแบบเดียวกันนี้ ก็หมายความว่าประเทศไทยเราจะมีคลังอาหารที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ จะเกิดโรคระบาด ข้าวยากหมากแพงทั่วโลก ก็ไม่เป็นไร คนไทยไม่เดือดร้อนเรื่องอาหาร ช่วงโควิด-19 ระบาดมาเกือบ 2 ปีนี้ ผมพบว่าเราไม่เดือดร้อน ไม่ต้องขวนขวายเรื่องอาหาร เพราะเรามีคลังอาหารเป็นของเราเอง

จริง ๆ แล้ว หมู่ 6 ต.สินปุน เน้นเรื่องเศรษฐกิจมาเป็น 10 ปีแล้ว เพื่อให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ มีโรงสี มีการแปรรูป มีกลุ่มอาชีพหลาย ๆ อย่าง ชุมชนเข้าใจแล้วว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องจริง ทำจริง ได้จริง พอดีมีโครงการ โคก หนอง นาเข้า ต.สินปุน เข้าร่วม 36 แปลง มากที่สุดใน อ.เขาพนม เนื่องจากผู้นำต้องการรณรงค์ให้มีคลังอาหารกระจายเพิ่มทั่วชุมชน ผมเชื่อว่าผลลัพธ์จากโคก หนอง นา ที่ผมตั้งใจทำให้เห็นจริง ๆ จะทำให้ชาวบ้านเข้าใจได้ไม่ยาก

พูดถึงเรื่องลดค่าครองชีพไปแล้ว ผมเล่าให้ฟังเรื่องรายได้สักนิดหน่อย เผื่อคนรุ่นใหม่ที่ไปทำงานไกลบ้านแล้วอยากกลับบ้านมาทำเกษตรหรือใครก็แล้วแต่ที่กำลังตั้งคำถามว่าจริง ๆ แล้ว ทำ โคก หนอง นา หรือทำเกษตรนี้มันได้เงินยังไง

1. ขายง่าย ๆ ขายผักขายปลาหน้าบ้าน
แขวนผักไว้ 10 ถุง ถุงละ 10 บาท ปลา 5 ถุง ถุงละ 30 บาท ต่อ วัน
เป็นเงิน (10*10) + (5*30) = 250 บาท ต่อ วัน = 7,500 บาท ต่อเดือน 
2.ผมแนะนำให้ทำทั้งเกษตร ประมง และปศุสัตว์ เพื่อเป็นการหมุนเวียนรายได้ ผมเลี้ยงกบในกระชัง เริ่มต้นที่ 300 ตัว ต้นทุนพันธุ์กบ 300 บาท (1 บาท ต่อ ตัว) 2-3 เดือน ก็ขายได้ ขนาด 6 ตัว ต่อ กก. ขายได้  100 บาทขายหมด 300 ตัว เป็นเงิน 5,000 บาท หักค่าอาหารนิดหน่อย กำไรเหลือการบริหารจัดการเลี้ยงกบก็ง่ายมาก เลี้ยงในกระชัง บ่อเดียวกับปลา ให้อาหารกบวันเว้นวัน หรืออาจเว้นสองวัน มูลกบเป็นอาหารปลา เลี้ยงผักตบเป็นอาหารปลาและช่วยบำบัดน้ำเสีย ช่วยประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำ
 
 3. ปลูกพืชเศรษฐกิจคู่กับพืชสวนครัวได้เลย ใน 3 ไร่ ตรงนี้ ก่อนเข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา ก็เป็นต้นปาล์ม 60 กว่าต้น โค่น
ปาล์มเพื่อปรับพื้นที่ เหลือปาล์ม 40 กว่าต้น ยังขายได้หลายบาทในแต่ละรอบ
 
4. ด้านปศุสัตว์ ผมเลี้ยงวัวขุน ต้นทุนประมาณ 35,000 บาท ต่อ ตัว ค่าอาหารประมาณ 10,000 บาท 5-6 เดือน ก็ขายได้ประมาณ
70,000 บาท ต่อ ตัว กำไร 5,000 บาท ต่อ ตัว เดี๋ยวก็พัฒนาทำแม่พันธุ์เอง ต้นทุนก็ต่ำลงอีก มูลวัวก็เอาไปทำปุ๋ยหมัก
ประหยัดต้นทุนปุ๋ย และได้ดินดี ปลูกอะไรก็งาม
 
สำหรับผมทำโคก หนอง นา ไม่หนัก ไม่เหนื่อย ได้กิน ได้อิ่ม คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยยอมรับหรือที่ไม่ยอมรับเพราะอาจยังไม่เข้าใจ หรือไม่มั่นใจเรื่องรายได้ ซึ่งที่จริงแล้ว ถ้าทำแบบเข้าใจ และเอาจริง ก็เป็นนายตัวเองแบบเลี้ยงตัวเองได้สุขสบาย หากสนใจใครรู้ อยากลอง อยากทำ มาหาผมตรงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลสินปุน ได้เลยครับ ยินดีแบ่งปันประสบการณ์ครับ เพราะผมอยากให้ทุกชุมชนมีคลังอาหารที่อุดมสมบูรณ์จากการผลิตเอง และเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สามารถทำการตลาดได้ในระดับประเทศ” ผู้ใหญ่เขียด กล่าว

โคก หนอง นา เป็นเรื่องจริง ทำได้จริง และเป็นแหล่งอาหารให้โลกได้ เพราะประเทศไทยโชคดี ดินดี น้ำดี อากาศเหมาะสม อย่าปล่อยให้โอกาสของเราเป็นแค่ความสงสัย

ปลดปล่อยความสงสัยในโคก หนอง นา ที่ประยุกต์จากศาสตร์พระราชาด้วยเรื่องราวนี้ (เครดิต : shorturl.at/mrCQ9)
รัสเซีย จากประเทศที่ไม่สามารถปลูกพืชไว้บริโภคเองได้เพราะอากาศหนาวจัด ดินแข็ง วันนี้รัสเซียมีข้าวสาลีใช้ในประเทศจนเหลือส่งออกไปขายได้มากที่สุดในโลก ด้วยพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แนะนำศาสตร์พระราชา ให้ไปใช้

ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวถึงบุญคุณ ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงแนะนำศาสตร์พระราชา “ผมมีโอกาสเข้าพบ King Bhumibol ท่านอธิบายให้ผมฟังว่า คนนั้นต้องการแค่ 4 อย่าง คืออาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค สิ่งอื่นนอกจากนี้เป็นของฟุ่มเฟือย มีได้ ไม่มีไม่ตาย แต่ถ้าขาด 4 อย่างนี้ตาย

ท่านให้คำแนะนำเรื่องการส่งเสริมให้ประชาชนพึ่งพาตนเองในเรื่องอาหาร ท่านบอกว่า ถ้าซื้อเขามากินอย่างเดียว ไม่เคยทำเอง ถ้าเขาไม่ขายให้เรา เราจะทำอย่างไร ผมจึงแจกที่ดินแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ที่คนทั่วไปยังยึดติดว่าที่นั่นเป็นที่กันดาร เพาะปลูกไม่ได้เพราะอากาศหนาวจัด ดินแข็ง แต่ King Bhumibol ท่านยืนยันว่าทำได้ทุกแห่ง ไม่ว่าอากาศเป็นอย่างไร ถ้าเราศึกษาอย่างจริงจัง วิเคราะห์ดิน แหล่งน้ำ พืชพันธุ์ที่ทนอากาศหนาวจัดได้มีอะไรบ้าง หน้าร้อนอุณหภูมิเฉลี่ยเท่าไร กินเวลากี่เดือน เราควรปลูกอะไรที่ให้ผลในภูมิอากาศแบบนั้น เราเริ่มวิจัยลักษณะดิน หาแหล่งน้ำเตรียมไว้ มาลงตัวที่ข้าวสาลี ที่เราใช้เป็นอาหารหลัก ผมเริ่มสนับสนุนปลูกข้าวสาลีเป็นบริเวณกว้าง

เริ่มแรกเราทำให้พอกินในประเทศ พอบริโภคในแต่ละปีเท่านั้น พอเราถูก Sanction อาหารหลายชนิดขาดแคลน รวมทั้งเนื้อสัตว์ด้วย รัฐบาลช่วยให้ทุนแก่เกษตรกรไปเพาะปลูกพวกมันฝรั่ง ข้าวสาลี ข้าวโพด มากขึ้น จนกระทั่งปี 2016 รัสเซียมีข้าวสาลีใช้ในประเทศจนเหลือส่งออกไปขายได้ ปัจจุบันรัสเซียส่งออกข้าวสาลีได้มากที่สุดในโลก เป็นเพราะบุญคุณของ King Bhumibol

ดังนั้น โคก หนอง นา ประยุกต์จากทฤษฎีใหม่ เป็นศาสตร์พระราชา ที่ทรงคุณค่าระดับโลก อย่าให้อะไรมาบิดเบือนข้อเท็จจริงนี้ ศึกษา พิสูจน์ ลงมือทำ ร่วมสร้างประเทศไทยให้เป็นคลังอาหารที่สมบูรณ์ไปด้วยกันเพื่อผ่านพ้นทุกวิกฤต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่