JJNY : สธ.ออสซี่เตือนถุงมือยางจากไทย│ยูเอ็นเดินหน้าสอบเมียนมา│รร.-รีสอร์ตหาดแม่รำพึง-เสม็ดอ่วม│แยกคอกวัว สลากยังเกิน80บ.

อ้างประกาศ FDA สหรัฐฯ-สธ.ออสซี่ ออกคำเตือนเฝ้าระวังถุงมือยางปลอม-ด้อยคุณภาพส่งออกจากไทย
https://www.isranews.org/article/isranews-news/106235-FDAAT.html

หน่วยงาน สธ.ออสเตรเลีย อ้างประกาศ FDA สหรัฐฯ ออกประกาศเฝ้าระวังถุงมือยางส่งออกจากประเทศไทย เผยข้อมูลประกาศพบ
เป็นถุงมือยางด้อยคุณภาพ ปนเปื้อนเลือด-ดิน พบมีกระบวนการย้อมสีใหม่ ชี้เป็นอันตรายต่อบุคลากรทางการแพทย์-ผู้ป่วย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข้อมูลจากประเทศออสเตรเลียว่าหน่วยงานด้านการบริหารจัดการสินค้ารักษาโรคของประเทศออสเตรเลียหรือ TGA (Therapeutic Goods Administration) ซึ่งสังกัดในกระทรวงสาธารณสุขของประเทศออสเตรเลีย ได้ออกประกาศลงวันที่ 31 ม.ค. เพื่อเตือนให้เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ถุงมือยางที่มาจากประเทศไทย มีใจความว่า TGA ได้ตระหนักถึงปัญหาอันเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อหรือชุดพีพีอี ประเภทถุงมือไนไตรล์ที่ถูกใช้ทั้งในวงการแพทย์ และนอกเหนือจากวงการแพทย์ ซึ่ง ณ เวลานี้มีรายงานว่ามีถุงมือไรไตรล์ทางการแพทย์บางรายการที่ถูกระบุว่านำเข้าจากประเทศไทยนั้นถูกระบุว่าเป็นของปลอม ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 
 
TGA ได้ระบุต่อไปว่าที่ไปที่มาของความกังวลเรื่องของปลอมดังกล่าวนั้นมาจากการรายงานของทั้งสื่อ และมีการออกประกาศเตือนมาจากทางคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาหรือว่า FDA ซึ่งพบข้อมูลว่ามีถุงมือที่มีคุณภาพไม่ดี ปนเปื้อนไปด้วยเลือดและเศษดิน และถุงมือที่มีกระบวนการย้อมสีใหม่เพื่อให้ถุงมือนั้นมีรูปลักษณ์ใหม่   
 
อนึ่งถุงมือทางการแพทย์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกใช้ทั้งในผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านของการดูแลสุขภาพและผู้ป่วย ในฐานะที่เป็นแนวป้องกันด่านแรกในการป้องกันการเจ็บป่วยและการติดเชื้อ ดังนั้นการจัดหาและการใช้ถุงมือปลอมที่ต่ำกว่ามาตรฐานซึ่งไม่ได้ผลิตให้สอดคล้องกับความปลอดภัย,ประสิทธิภาพและคุณภาพนั้นจะเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้ได้
 
โดยจนถึง ณ เวลานี้นั้นทาง TGA ยังไม่ได้รับรายงานใดๆอันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์อันเนื่องมาจากถุงมือเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสัญญาณที่ได้รับมาในระดับสากล TGA จึงได้เรียกร้องไปยังผู้ที่สนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์เหล่านี้ เพื่อให้ข้อมูลต่างๆรวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุอันไม่พึงประสงค์ ข้อร้องเรียนต่างๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ปลอมหรือว่าต่ำกว่าคุณภาพเหล่านี้ ซึ่งการรายงานเรื่องเหล่านี้นั้นจะช่วยทำให้ TGA สามารถระบุปัญหาเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยและสามารถดำเนินการอื่นๆต่อไปได้ตราบเท่าที่จำเป็น
 
เรียบเรียงจาก:https://www.tga.gov.au/monitoring-communication/counterfeit-nitrile-gloves


 
ยูเอ็นเดินหน้าสอบ ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’ ในเมียนมา
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3160729

คณะผู้สอบสวนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีผู้คนมากกว่า 1,000 คนที่อาจเสียชีวิตในการกระทำซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม นับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารในเมียนมาเมื่อ 1 ปีก่อน
 
กลไกการสืบสวนอิสระของยูเอ็นกรณีเมียนมา (ไอไอเอ็มเอ็ม) กำลังรวบรวมหลักฐานของการประกอบอาชญากรรมระหว่างประเทศที่ถือว่าร้ายแรงที่สุด และระบุว่าพวกเขากำลังดำเนินการเพื่อพิสูจน์ว่า ใครที่จะต้องรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้น
 
“ในรายงานที่มีการเก็บรวบรวมมากตลอดปีชี้ว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่าพันคนในเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม” นิโคลาส คูมเจียน หัวหน้าไอไอเอ็มเอ็มกล่าว
 
คูมเจียนกล่าวด้วยว่า กองกำลังฝ่ายความมั่นคงได้ควบคุมตัวพลเรือนหลายพันคนในสถานการณ์ต่างๆ และมีข้อกล่าวหาที่น่าเชื่อถือว่ามีการควบคุมตัวตามอำเภอใจ การทรมาน การใช้ความรุนแรงทางเพศ รวมถึงการสังหารขณะถูกคุมขัง
 
คูมเจียนกล่าวว่า ไอไอเอ็มเอ็มกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อยืนยันด้วยพยานหลักฐานและจัดทำเอกสารข้อเท็จจริงที่เพื่อใช้เป็นพื้นฐานของรายงานว่ามีการก่ออาชญากรรมดังกล่าวขึ้นจริงหรือไม่ และหากมีการดำเนินการเช่นนั้นจริง ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเตรียมยื่นคำร้องเพื่อให้มีการดำเนินคดีต่อไป
 
คูมเจียนบอกด้วยว่า มีคนหลายพันคนและองค์กรต่างๆ มากมายที่แบ่งปันหลักฐานต่างๆ มาให้ ขณะที่ทีมสอบสวนก็รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ข้อมูลของเราเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วัน
 
“เราจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้การอุทิศตนเพื่อความยุติธรรมในเมียนมาอย่างกล้าหาญต้องสูญเปล่า ผู้ที่ก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศที่ร้ายแรงต้องตระหนักว่าความผิดของพวกเขาไม่มีวันหมดอายุความ” คูมเจียนกล่าว


 
รร.-รีสอร์ตหาดแม่รำพึง-เสม็ดอ่วมพิษน้ำมันรั่ว ยกเลิกห้องพัก 100% กรมเจ้าท่าแจ้งฟัน SPRC
https://www.matichon.co.th/region/news_3160487

รร.-รีสอร์ตหาดแม่รำพึง-เสม็ดอ่วมพิษน้ำมันรั่ว ยกเลิกห้องพัก 100% กรมเจ้าท่าแจ้งฟัน SPRC
 
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมันจากเหตุท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รั่วไหลจำนวนมากลงกลางทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร บริเวณท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา โดยคราบน้ำมันได้ลอยมายังที่หาดแม่รำพึง จ.ระยอง ทำให้ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ
 
นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ระยอง กล่าวเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าโรงแรมที่พักแถวหาดแม่รำพึงโดนเต็มๆ ส่วนเกาะเสม็ดมีข่าวว่าคราบน้ำมันจะเข้าอ่าวพร้าว คนจะเข้าพักก็วิตกกังวลเลยยกเลิกที่พักกันไป ทั้งที่หาดแม่รำพึงกับเกาะเสม็ดยกเลิกเกือบ 100% ส่วนอื่นของเมืองระยองโดนยกเลิกไปบางส่วน บางคนบอกว่าให้ถ่ายภาพชายหาดส่งไปให้ดู รวมๆ แล้วไม่เยอะเหมือนที่หาดแม่รำพึงและเกาะเสม็ด 
 
นอกจากนี้  จังหวัดได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติหาดแม่รำพึง ห้ามลงเล่นน้ำ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการหนัก ชาวประมง ร้านอาหาร โรมแรมที่พักกระทบไปหมด จากสถานการณ์โควิด-19 เรายังไม่ฟื้นเลย มาเจอคราบน้ำมันซ้ำอีก วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้จะเชิญผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม เข้าร่วมประชุมรับฟังเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบครั้งนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลนำเสนอเข้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ต่อไป
  
นางสริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง กล่าวว่า มีผงสีดำเม็ดเล็กๆ เข้าบริเวณชายหาดอ่าวพร้าว เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาเก็บกู้แล้ว อยู่ระหว่างรอผลแล็บว่าเป็นคราบน้ำมันหรือไม่ ตอนนี้คราบน้ำมันจะเข้าหรือไม่เข้าเกาะเสม็ดได้รับผลกระทบความเสียหาย 100% เกาะเสม็ดมีโรงแรม 150 กว่าแห่ง ห้องพักเกือบ 4,000 ห้อง นักท่องเที่ยวยกเลิกหมดแล้ว โครงการเราเที่ยวด้วยกันเขาก็ไม่เลือกมา โครงการเทสต์แอนด์โกเปิดวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเขาไม่เลือกมา เพราะคิดว่าอาหารทะเลทานไม่ได้ น้ำทะเลก็ไม่กล้าเล่น หลังจากมีการเก็บกู้คราบน้ำมันเสร็จแล้วจะต้องมาดูเรื่องการชดเชยเยียวยาผู้ประกอบการอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจท่องเที่ยว แม่ค้าชายหาดแม่รำพึง ประมงพื้นบ้านเรือเล็ก ก้นอ่าวและเกาะเสม็ด ตอนนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเสียหายหมด
  
วันเดียวกัน ที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (ศปส.จท.) นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่า ในฐานะผู้เสียหาย ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พื่อดำเนินคดีกับกรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียมฯ จนคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นไปตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยฐานความผิดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดมลพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ อันเป็นความผิดตามมาตรา 119 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พุทธศักราช 2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535 และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะร่วมประเมินความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อมก่อนแจ้งกรมเจ้าท่าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
 
ส่วนน้ำมันที่เข้าสู่ชายฝั่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ระบบนิเวศ การช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูนั้นจะได้ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ การท่องเที่ยว ชาวประมง หากมีจะดำเนินการเยียวยาตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง โดยจะมีหน่วยที่รับผิดชอบตอบข้อสอบถามความเสียหาย รวมถึงช่องทางการให้ผู้ได้รับผลกระทบร้องทุกข์ตามช่องทางที่จัดหาให้ต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่