ดร.อเนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ปฏิวัติการประเมินตำแหน่งวิชาการ ในยุค Thailand 4.0

1.ต้องขอชื่นชม ศ ดร อเนก เหล่าธรรมทัศน์ รมต กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ (อว) ที่ออกมาปฏิวัติการขอตำแหน่งวิชาการของ อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย ด้วยการยกเลิกการใช้ เปอร์เซนต์ ในผลงานวิจัย ในการประเมิน ผศ รศ และ ศ (ศาสตราจารย์) ตามราชกิจจาปี 2564 
เนื่องจาก อว เป็นกระทรวงที่น่าจะรวบรวมมันสมองของประเทศไว้มากที่สุดแล้ว ทุกย่างก้าวการบริหารจัดการจะสะท้อนความก้าวหน้าของประเทศได้เป็นอย่างดี วิสัยทัศน์ของท่านจะนำพาสังคมไทยหลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนาขึ้นไปได้ ลองมาวิเคราะห์และหาทางออกกัน
    ในการที่ทำงานวิจัยนั้นทุกคนทำภาระงานของตัวเอง 100% อยู่แล้ว เช่น ผู้ร่วมวิจัยมี 10 คน แต่ละคนต้องลงมือทำในส่วนที่ตนได้รับมอบหมาย 100% แต่มิใช่ว่าเอามารวมกันแล้วเป็น 1000% เหมือนความคิดเก่าของ อว
   การยกเลิก % นี้จะทำให้นักวิจัยสามารถทำงานที่ใหญ่ๆ มีความร่วมมือ (collaboration) จากหลายๆสถาบันทั่วไทย และทั่วโลกได้ บางงานวิจัยใหญ่ๆมี coauthor เป็นร้อยคนยังได้ และทุกคนมีความสำคัญในงานนั้นๆ สุดท้ายความร่วมมือเหล่านั้นทำให้นักวิจัย สามารถนำไปขอตำแหน่งวิชาการ สร้างความก้าวหน้าในวิชาชีพตนเองได้ และส่งผลให้นักวิจัยไทยตื่นตัวที่จะทำงานวิจัยที่ใหญ่ขึ้นระดับนานาชาติได้

2. อย่างไรก็ดี สิ่งที่ ดร อเนกต้องปฏิวัติ มีดังนี้
 2.1 การประเมินผลงานวิจัยหรือตำรา เพื่อขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น ต้องเสร็จภายใน 1 ปี (ตั้งแต่ยื่นเรื่องผ่านมหาลัยตัวเอง จน อว อนุมัติ และ คณะรัฐมนตรี อนุมัติ)
โดยงานประเมินในมหาลัยตัวเองต้องเสร็จภายใน 3 เดือน และ งานที่ อว ต้องเสร็จภายใน 3 เดือน
           โดยที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความล่าช้า มีนักวิจัยเป็น อจ โรงเรียนแพทย์ขนาดเล็ก พบว่า การขอตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่ยื่นขอ รศ. จนถึงวันที่ อว อนุมัติใช้เวลาถึง 3 ปี- 3 ปีครึ่ง และถึงแม้มหาลัยอนุมัติแล้วแต่ถ้า อว ยังไม่อนุมัติ ผู้ขอประเมินก็ยังไม่สามารถขอยื่นประเมินระดับสูงขึ้นไปได้
ถึงแม้จะมีการให้เงินประจำตำแหน่งย้อนหลังได้ แต่ระบบที่ล่าช้าทำลายวงการวิชาการ สายวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และแพทย์ศาสตร์ ที่ความรู้ งานวิจัยเติบโตรวดเร็วมาก เพราะตำแหน่งวิชาการที่สูงขึ้นจะมีความสัมพันธ์กับการขอทุนวิจัยต่อไปได้โดยเฉพาะทุนใหญ่ๆ หรือการได้รับเชิญเป็นวิทยากรระดับนานาชาติ และสามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้
โดยเวลาที่หมดไปนั้น ปีครึ่งเกิดจากการประเมินภายในสถาบันตัวเอง (internal reviewed process)  และอีกปีครึ่งหมดไปกับกระบวนการการพิจารณาของ อว (external reviewed process) เหตุผลที่ได้รับการชี้แจง คือผู้ทรงคุณวุฒิผู้ประเมินทำงานล่าช้า มหาลัยไม่สามารถไปกำกับการทำงานของผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านั้นได้ แต่ความจริงมีเรื่องงานธุรการด้วย
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทำได้โดย การทำงานร่วมกันของมหาลัยและ อว ตั้งแต่ต้น
 2.1.1 งานธุรการ ในยุค 4.0 นั้น ต้องยอมรับลายเซ็นต์ที่เป็นดิจิตอลของผู้วิจัยทุกคน (coauthor, first author, corresponding author) เพราะเป็นที่ยอมรับทั่วโลกแล้ว ในการส่ง manuscript นั้น journal ทุกระดับยอมรับลายเซ็นต์ดิจิตอลทั้งสิ้น หมดยุคที่ต้องตามตัวมาเซ็นต์ให้ได้แล้ว
          งานธุรการอื่นๆ ต้องทำให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เช่น ลายเซ็นต์ไม่ชัด เขียน contributionship statement ไม่ครบ แล้วรีบแจ้ง ผู้ยื่นขอประเมินตำแหน่งให้แก้ไขด่วน ที่ผ่านมานั้น เรื่องง่ายๆเหล่านี้ใช้เวลา 6-12 เดือน ทีเดียว
ข้อเสนอแนะ งานธุรการนั้นควรทำร่วมกันระหว่างมหาลัยและ อว ตั้งแต่นักวิจัยยื่นขอประเมินตำแหน่ง เพื่อกำจัด ความคลาดเคลื่อน ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ของทั้งสององค์กร เช่น แจ้งให้นักวิจัยทราบพร้อมกันไปเลยว่าขาดเหลือเอกสารอะไร ต้องการอะไรเพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าผ่านมหาลัยมาแล้วทุกอย่าง สุดท้าย อว บอกว่าใช้ไม่ได้
2.1.2 งานของผู้ทรงคุณวุฒิ ปัจจุบันมีผู้ทรงดังกล่าวจำนวนมากขึ้นในแวดวงวิชาการไทย การทำงานประเมินผลงานถ้าล่าช้า จะเป็นผลเสียต่อความก้าวหน้าของนักวิจัย และจะมีผลเสียต่อประเทศชาติตามมา เพราะนักวิจัยจะไม่เห็นคุณค่าของงานอย่างรวดเร็วชัดเจน ผิดกับความก้าวหน้าในบริษัทเอกชน ที่ประเมินผลอย่างรวดเร็ว จะเป็นผลให้คนเก่งๆที่ทำวิจัย สมองไหลไปอยู่เอกชนได้ เพราะทนความล่าช้าไม่ได้ โดยเฉพาะสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการแพทย์
   ผู้ทรงคุณวุฒิที่มหาลัยแต่งตั้ง (internal reviewer) และ ที่ อว แต่งตั้ง (external reviewer) ต้องมีความรับผิดชอบประเมินผลงานของนักวิจัยให้เสร็จภายใน 1-2 เดือน (ปัจจุบัน publisher ใหญ่ของ peer reviewed journal ดีๆที่แจ้งผลการ review manuscript เสร็จภายใน 1 เดือน) ถ้าผู้ทรงคุณวุฒิ ล่าช้า ต้องยกประโยชน์ให้นักวิจัย ว่า ผ่าน การรับรองผลงานนั้นโดยปริยาย และอาจมีคำตักเตือน หรือ บทลงโทษผู้ทรงคุณวุฒิที่ล่าช้า เช่นระงับทุนวิจัย อีกด้วย
การประเมินผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์แล้วใน peer reviewed journal ระดับ Q1, Q2 ควรจะผ่านไปได้ด้วยความรวดเร็ว เพราะถูกประเมินจาก international reviewer มาแล้ว ไม่ควรเสียเวลากับขั้นตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ควรใช้เวลาในการประเมิน ตำรา และงานนวัตกรรม ที่ผู้ยื่นขอมา จะดีกว่า
  อีกทั้งการรวม internal และ external reviewer ไว้ในขั้นตอนเดียวกันเลยก็ได้ คือผู้ขอประเมิน ยื่นเรื่องไปที่มหาลัยตนเอง และ อว เพื่อพิจารณาพร้อมกันเลย จะลดขั้นตอนที่ล่าช้าได้ 2 ปีเลยทีเดียว
2.2 ขั้นตอนที่ผ่านคณะรัฐมนตรี เพื่อ อนุมัติ ระดับ ศาสตราจารย์ ควรให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน หลังจาก อว อนุมัติแล้ว
จะเห็นได้ว่ายุค Thailand 4.0 การปฏิวัตินี้มีความสำคัญที่จะทำให้นักวิจัยมีความก้าวหน้าในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรงานวิจัยที่มีคุณค่า ร่วมมือกันทั้งระดับชาติและนานาชาติ (ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียมีการปฏิวัติ เช่นนี้ มาก่อนหน้าเราแล้ว ถ้าเรามัวแต่ช้าจะเกิดความเสียหายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว)
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อวงการวิชาการต่อประเทศต่อไป เพื่อนำสังคมวิชาการไทยเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างแท้จริง และงานวิจัยที่มีคุณค่าเหล่านั้นจะนำพาสังคมไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่