[Attack On Titan][Spoil] บทสรุปเรื่องราวของผ่าภิภพไททัน : การเดินทางข้ามเวลาใน Attack on Titan - Part 2

กระทู้นี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาตั้งแต่แรก จนถึงอวสาน
 ซึ่งใครที่ต้องการรอดูอนิเมะซีซั่นไฟนอล แล้วกลัวเสียอรรถรถในการรับชม ไม่แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ 
เนื่องจากจะมีการเฉลยตอนจบด้วย รวมถึงมีการกล่าวถึงตัวละครที่เสียชีวิต ซึ่งอาจเป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง

ปล. พึ่งสังเกตุว่าเราพิมพ์คำว่า "พิภพ" ผิดค่ะ บนหัวกระทู้
*บทสรุปเรื่องราวของผ่าพิภพไททัน*



🍄 การเดินทางข้ามเวลาใน Attack on Titan 🍄

NOTE : การเดินทางข้ามเวลาจาก วรรณกรรม / ภาพยนต์ / ซีรีย์
เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะเป็นสิ่งทำให้เกิดความสับสนมากมาย เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนไม่รู้จัก
และมีการตีความที่หลากหลายถึงวิธีการทำงานของ "การเดินทางข้ามเวลา"
ว่าเป็นไปได้ยังไงในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้

* ไกด์กระทู้นี้ จะเขียนถึง การตีความการเดินทางข้ามเวลาแค่เฉพาะของเรื่อง Attack On Titan 
อาจะมีกล่าวถึงหนังบางเรื่องเช่นกันค่ะ  * 

มาทวนความเข้าใจจากหนัง "เดินทางข้ามเวลา"
จาก วรรณกรรม หรือ ภาพยนต์ที่เราเคยผ่านตามาก่อนนะคะ 

[The Terminator : Harry Potter 3  : 12 Monkeys] :
การเดินทางข้ามเวลาของเรื่องนี้คือแบบ Fixed Timeline  แม้คุณจะเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต อนาคตที่คุณจากมาจะไม่เปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะมีจุดกำหนดไว้แล้วว่าต้องเกิด การกระทำของนักเดินทางในอดีตที่ย้อนไป จะกลายเป็นเรื่องราวในอดีตของนักเดินทางเมื่อเวลาผ่านไป นี่เป็นหลักการสอดคล้องโดยตัวเองของนาวิคอฟ 
ยกตัวอย่าง : สมมติว่าคุณเดินทางไปเพื่อที่จะฆ่า A ตอนยังเป็นเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณได้แทนที่ A ด้วยเด็กกำพร้าคนนึง ซึ่งแน่นอนว่าครอบครัวเด็กก็ไม่ได้สังเกต จากนั้นคุณเดินทางกลับมายังอนาคต เด็กกำพร้าคนนั้นก็จะเติบโตขึ้นมาเป็น A ในแบบตัวเขาเอง

[Back to the Future]
การเดินทางข้ามเวลาของเรื่องนี้คือแบบ Dynamic Timeline  การเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต จะส่งผลมาถึงปัจจุบันอย่างแน่นอน 
ยกตัวอย่าง : ถ้าคุณเดินทางย้อนอดีตไปฆ่าคุณปู่ของคุณ ซึ่งการกระทำแบบนั้นจะทำให้ตัวคุณไม่ได้เกิดมา เป็นความขัดแย้ง เพราะนั่นแปลว่าการที่คุณย้อนกลับไปฆ่าปู่ของคุณ ตัวคุณจะไม่มีอยู่เลย แล้วใครที่ฆ่าคุณปู่? มีทางเดียวที่ทำได้คือเวลาไหลกลับไปแล้ว คุณก็วนกลับมาฆ่าคุณปู่ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้ติดอยู่ในลูป และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า Time Paradox 
* ตัวอย่างในข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Back to the Future ซะทีเดียวนะคะ ประเด็น Paradox เล่นยากค่ะ ไม่ค่อยมีคนเอามาเล่น* 

[The Terminator 2, 3 : Star Trek (2019)] :
การเดินทางข้ามเวลาของเรื่องนี้คือแบบ Multiverse timeline หรือก็คือมีจักรวาลคู่ขนานมารองรับ 
เป็น "ไทม์ไลน์ทางเลือก" ด้วยจักรวาลคู่ขนานมากมายนับไม่ถ้วนในจักรวาล การเดินทางย้อนเวลาไปในอดีต จะทำให้เกิดไทม์ไลน์ใหม่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่านักเดินทางจะแตะต้องอะไร จะส่งผลแค่กับไทม์ไลน์ใหม่เท่านั้น 
ยกตัวอย่าง : สมมติว่าคุณเดินทางไปฆ่าปู่ย่าตายายของคุณ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณพึ่งจะสร้างไทม์ไลน์ใหม่ที่ไม่มีคุณอยู่ขึ้นมา ไม่มีวนลูป ไม่มี Paradox แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่สามารถกลับไปยังไทม์ไลน์เดิมของคุณได้นะ 


⭐ ที่กล่าวมาทั้งหมด Attack On Titan เป็นเรื่องนึงที่ใช้เทคนิค การอธิบายการเดินทางข้ามเวลา คล้าย ๆ แบบ Fixed Timeline ค่ะ 
ที่บอกว่าคล้ายเพราะ AOT ไม่ได้เดินทางข้ามเวลา แบบนั่งไทม์แมชชีน หรือใช้นาฬิกาย้อนเวลา แต่เป็นการดูความทรงจำในอดีตเท่านั้นค่ะ
จะพูดให้ถูกคือ Attack On Titan ไม่ใช่การ์ตูนที่เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา แต่สิ่งที่เอเรน ทำคือการท่องความทรงจำในอดีตของกรีช่า (พ่อ) หรือก็คือเอเรน ทำเพียงแค่ดูความทรงจำในอดีตเท่านั้น แต่...!! เอเรนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนในอดีตกระทำบางอย่างจากคำโน้มน้าวของตัวเอง เลยดูเหมือนว่า เอเรนแทรกแซง หรือเปลี่ยนแปลงอดีต คำตอบคือ มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอดีต แต่สิ่งที่เอเรนทำ เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และจะเกิดขึ้นตลอดไป 

ไม่ว่าจะอดีต หรือ อนาคตในเรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ค่ะ แนวคิดเรื่องแก้อดีต และอนาคตเปลี่ยนจึงไร้ผลกับเรื่องนี้
คล้าย ๆ คำพูดที่ว่า "Time is a flat circle" (อะไรก็ตามที่เราทำ หรือกำลังจะทำ เราจะทำมันอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า) 
อนาคตที่เกิดขึ้นใน Attack On titan มันได้เกิดขึ้นไปแล้ว แม้ว่าเราจะรับรู้เรื่องราวจนถึงแค่ปัจจุบันก็ตาม เราจะเห็นที่เอเรนโน้มน้าวพ่อของเขาเหมือนเป็นการเปลี่ยนอดีต แค่เหมือน แต่ไม่ใช่ค่ะ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เอเรนทำ หรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้น มันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 
ผลกระทบจากการกระทำของตัวละครในอดีต ส่งผลให้เราเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้นข้างหน้านี้.... 

The Attack Titan : ไททันจู่โจม

ประเด็นสำคัญของพลังในไททันจู่โจม คือ "การมองเห็นอนาคต (รวมถึงอดีต) บางส่วนของคนสืบทอดรุ่นถัดไปจากตัวเอง" 
ความทรงจำที่ผู้ถือครองพลังนี้จะเห็นจะแสดงออกมาเป็นเหมือน "ภาพยนต์" พวกเขาจะเห็น แต่ไม่สามารถตอบโต้ได้ 
ยกตัวอย่าง เอเลน ครูเกอร์ รับรู้ถึงการมีอยู่ของอาร์มิน และมิคาสะ ผ่านความทรงจำของกรีช่า เยเกอร์ 

Note : อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://ppantip.com/topic/40617488/comment5 (มีการแก้ไขอิงทุกอย่างจนถึงตอนจบแล้ว) 


พลังในการโต้ตอบของเอเรน

แม้ว่า...ผู้ถือครองพลังไททันจู่โจม จะได้รับความทรงจำบางส่วนมาจากผู้สืบทอดคนถัดไป
ซึ่งปกติแล้วพวกเขาไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ไม่ว่าจะความทรงจำไหน ๆ แม้แต่เอเรนก่อนหน้านี้ก็ทำไม่ได้จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ (121) 

Q : คำถามเกิดขึ้นเลย ?? ทำไมเอเรน ดูเหมือนว่าเปลี่ยนแปลงอดีตบางอย่างในตอนที่ 121 หรือเปล่า ?
A : ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอดีตค่ะ ที่เอเรนทำคือการมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครในอดีต (กรีช่า) โดยมาจากเงื่อนไขพิเศษ ดังนี้ :

1. ไททันจู่โจม 
2. ไททันบรรพบุรุษ
3. เชื่อมต่อกับสายเลือดราชวงศ์ 

⭐ กุญแจสำคัญในการรวม 3 เงื่อนไขนี้คือ การที่ซีคเอาหัว ชน กับเอเรน 
ซีคมีความสามารถที่จะควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถใช้ Paths เพื่อให้เขาทั้งสองได้สัมผัสกับความทรงจำในอดีตของกรีช่าอย่างเต็มรูปแบบ และไม่จำกัด เราจะเห็นว่า ซีค และเอเรน เดินผ่านช่วงชีวิต (ในความทรงจำ) ของกรีช่า ความจริงแล้วใช้แค่สองเงื่อนไขคือข้อ  2.ไททันบรรพบุรุษ และ 3.สายเลือดราชวงศ์ ซึคก็สามารถมองความทรงจำของ กรีช่า ได้อย่างอิสระแล้ว ราวกับมองผ่านกระจกด้านเดียว แต่ถ้ามีเงื่อนไขไม่ครบทั้ง 3. ข้อ การที่เอเรนโต้ตอบกับกรีช่า คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย...

กล่าวโดยย่อคือ : ถ้าเอเลนมีพลังไททันตัวอื่น ที่ไม่ใช่ไททันจู่โจม เขาจะทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น 
แต่เพราะไททันจู่โจมที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ กรีช่าก็เลยใช้มันเพื่อดูความทรงจำของเอเรนในเหตุการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่แบบเรียลไทม์ 
นี่เป็นเงื่อนไขพิเศษของไททันจู่โจมจริง ๆ 


รูปข้างบนนี้คืออะไร ? :
- เมื่อกรีช่ารู้สึกเหมือนว่าจะมองเห็น หรือได้ยินเสียงเอเรน เป็นเพราะกรีช่าได้รับความจำในอนาคตสั้น ๆ จากมุมมองของเอเรน 
ซึ่งที่กรีช่าได้ยิน และเหมือนจะมองเห็นนั้น หมายความว่า กรีช่า มองเห็นตัวเองจากมุมมองของบุคคลที่ 3 
NOTE : สรุปง่าย ๆ  คือกรีช่าไม่ได้มองเห็นตัวเอเรนที่มาพูดโน้มน้าว แต่กรีช่า มองเห็น และได้ยินเสียง จากมุมมองของเอเรน
เป็นดั่งบุคคลที่ 3 ค่ะ [ เอเรน >> กรีช่า (ในมุมมองของเอเรน) >> กรีช่า (คนที่กำลังกระทำอยู่) ] งงไหม 555 

เอาง่าย ๆ กว่านี้คือ * เอเรน กับ กรีช่า (ในมุมมองของเอเรน) มองเห็นภาพแบบเดียวกัน (ตามรูปข้างบน) ก็คือมองเห็นกรีช่า (คนที่กำลังกระทำอยู่) * กรีช่าจึงเป็นบุคคลที่สาม เพราะเขามองเห็นตัวเอง จากมุมมองของคนอื่น (ซึ่งก็คือเอเรน) นั่นเอง 

- และกรีช่า ที่ตอบสนองต่อคำพูดของเอเรน มันก็เป็นภาพส่วนนึงที่เอเรน กับ ซีค กำลังดูอยู่
ซึ่งทำให้เกิดการสื่อสารแบบ Two way Communication ได้ การที่เอเรน เข้าไปโต้ตอบกับกรีช่า ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอดีต แต่เป็นการทำให้อนาคตในปัจจุบันมันเกิดขึ้น หรือสรุปได้ก็คือ เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
- ยกตัวอย่าง : Harry Potter ภาค 3 : เฮอร์ไมโอนี่ใช้นาฬิกาย้อนเวลาไปช่วยบัคบีค
และ แฮรี่ เสกคาถาผู้พิทักษ์ช่วยเหลือตัวเอง (ตอนแรกแฮรี่คิดว่าเป็น เจมส์ พ่อตัวเอง) 

⭐ กล่าวโดยสรุปอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปัจจุบันค่ะ ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ทุกอย่างเกิดขึ้นที่เส้นเวลาเดียวกัน 
เหตุการณ์ทุกอย่างเคยเกิดขึ้นไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากนี้ เพราะคุณคือสาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นค่ะ
ในกรณีของเอเรนคือ : ถ้าไม่กดดันกรีช่าให้ฆ่า กรีช่าจะไม่ทำ(สังหารหมู่) แล้วอนาคตที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่เกิดค่ะ แล้วจะกลายเป็น Paradox 
ในกรณีของแฮร์รี่พอตเตอร์ ภาค 3 : ถ้าวันนั้นแฮรี่ ไม่เสกคาถาผู้พิทักษ์ช่วยตัวเขา กับ ซีเรียสไว้ แฮรี่จะตายค่ะ และเขาจะย้อนกลับไม่ได้ มันก็จะเป็น Paradox และบัคบีคไม่ได้ตายในไทม์ไลน์ไหนเลย เฮอร์ไมโอนี่ กับแฮรี่ตอนแรกทั้งคู่คิดว่า ถ้าทั้งสองไม่มาช่วย บัคบีคจะตาย แต่ไม่ใช่ มันไม่ได้ตายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเฮอร์ไมโอนี่ และแฮรี่ จะมาช่วยแน่ ๆ ไม่ว่าจะไทม์ไลน์ไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่