ชวนแม่ลงใต้ "เบตง...จะแค่ไหนกันเชียว"
ช่วงฤดูหนาวหลายๆคนก็อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศและชมทะเลหมอกซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือกขึ้นเหนือ แต่เราเลือกที่จะลงใต้แทน ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องไปโน้มน้าวแม่ให้ไปด้วยกัน หลังจากหนีแม่เที่ยวแล้วก็อยากเป็นลูกที่ดีบ้าง แม่ก็มีความกังวลเนื่องจากช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับยะลาพอดี จากทีแรกจะมากันเองเลยต้องขอเป็นทัวร์เพื่อลดความกังวลต่างๆ
การเดินทางไปยะลาเริ่มจากสนามบินดอนเมืองไปยังหาดใหญ่ เพื่อขึ้นรถตู้ จากเส้นทางที่รถตู้วิ่งลงมาเป็นถนนที่ดีมาก มีจุดตรวจเป็นระยะ และช่วงแรกเราว่าขับจนง่วงอ่ะ จะไประวังช่วงโค้งเยอะๆก็ก่อนเข้าเบตงนู้น ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่แม่เป็นกังวล
จุดแรกที่เราแวะก็คงไม่พ้น ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองปัตตานี โดยการไหว้ขอพรก็มีคนคอยแนะนำขั้นตอนการไหว้อยู่ตลอด และที่ตัวเราเองคุ้นหูเกี่ยวกับเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวคงเป็นงานประเพณีแห่เจ้าแม่ในช่วง ขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ซึ่งเค้าได้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ด้านข้างศาลเจ้า รวมถึงมีการอธิบายความเป็นมาของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ประวัติปัตตานีและชุมชนจีน ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมมาขอพรด้านโชคลาภและการค้าขายกันค่ะ
เดินจากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปนิดนึง จะพบกับย่านเมืองเก่าของปัตตานี อาคารบ้านเรือนเป็นแบบสถาปัตยกรรมจีน อย่างเช่น กือดาจีนอ ซึ่งหมายถึง ตลาดจีน เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอบ้านขุนพิทักษ์รายาซึ่งเป็นการประยุกต์สถาปัตยกรรมในท้องถิ่นผสมกับจีน น่าเสียดายที่เราไม่ได้เข้าไปยังด้านในตัวบ้าน
หลังจากนั้นเราก็มุ่งเข้าจังหวัดยะลา ผ่านอำเภอบันนังสตา อำเภอธารโต ที่จำสองอำเภอนี้ได้เพราะความคุ้นหูล้วนๆ
ปั๊มที่ใครมาก็ต้องได้แวะช่วงอำเภอธารโต ซึ่งเป็นที่อยู่ของเงาะป่าซาไกและใช้นามสกุล ศรีธารโต ทำให้เรานึกถึงรายการตีสิบ ตอนตำนานรักซาไก ความน่ารักและการดูแลกันของทั้งคู่
ก่อนที่เราจะเข้าสู่เบตงจะต้องผ่านสะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลาบาลา หรือสะพานข้ามเขื่อนบางลาง ซึ่งสะพานนี้สร้างเพื่อความสะดวกในการเดินทางจากเดิมที่ต้องผ่านภูเขาที่คดเคี้ยว ทำให้ล่าช้าและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ สะพานนี้สามารถประหยัดเวลาลงได้ประมาณ 30 นาที ย่นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามค่ะ
เมื่อเข้ามาถึงเบตงแล้วกลัวคนไม่รู้ว่าอยู่ไหน แวะไปเช็คอินถ่ายรูปที่ป้าย OK Betong สักหน่อย
แล้วไปให้สุดประเทศไปเลย เช็คอินต่อที่ป้ายใต้สุดสยาม ถ้าช่วงไม่มีโควิดคงจะเดินผ่านไปทางมาเลเซีย ซื้อของกินและถ่ายรูปชมบรรยากาศได้ แต่ตอนนี้ปิดรั้วจ้า
หลังจากเดินทางมาทั้งวันและแม่เริ่มปวดเมื่อยแล้ว เราจะเข้าที่พักให้หายเหนื่อยก่อนที่เบตงเมอร์ลิน ซึ่งอยู่บริเวณหอนาฬิกาเบตงและอุโมงค์เบตง เป็นห้องพักแนววินเทจจากการหาที่เปิดปิดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในห้องพัก ห้องพักสะอาด และที่สำคัญเราว่าวิวสวยนะ มีผับใกล้โรงแรมเลยแต่มันปิด
ในช่วงเย็นเราเดินออกมาที่หอนาฬิกาเบตง เพื่อไปดูตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสร้างโดยอดีตนายไปรษณีย์และเป็นนายกเทศมนตรีคนแรก เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารทั้งรับจดหมายและวิทยุกระจายข่าวสาร ปัจจุบันนักท่องเที่ยวแบบเราก็ยังเอาโปสการ์ดมาหย่อนใส่ตู้กันอยู่น้าา
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์เป็นอุโมงค์ลอดผ่านเขาแห่งแรกของประเทศไทย ปกติแล้วจะมีไฟสวยงามให้ถ่ายรูป แต่ช่วงนี้กำลังปรับปรุงอยู่ค่ะ อีกด้านหนึ่งของอุโมงค์จากที่เราเดินออกมาจะพบกับรูปปั้นไก่เบตง และภาพ Street art ต่างๆ ขากลับเราไม่ได้เดินผ่านอุโมงค์แต่เดินขึ้นเนินผ่านสวนสาธารณะไปยังจุดชมวิวที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งปิดซ่อมแซมอยู่ เป็นจุดที่มองเห็นวิวเมืองเบตงที่สวยงามมากๆค่ะ
ก่อนกลับเข้าไปนอนเราก็แวะไปซื้อโรตี แต่คิวยาวมากกก แม้ว่าวันที่เรามาคนจะไม่ค่อยเยอะ แต่ก็รอนานเป็นชั่วโมง ระหว่างรอก็เดินเล่นถ่ายรูป Street art ไปก่อน จริงๆของกินเยอะมาก เราแวะตลอดทาง 555
[CR] ชวนแม่ลงใต้ "เบตง...จะแค่ไหนกันเชียว"
ช่วงฤดูหนาวหลายๆคนก็อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศและชมทะเลหมอกซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือกขึ้นเหนือ แต่เราเลือกที่จะลงใต้แทน ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องไปโน้มน้าวแม่ให้ไปด้วยกัน หลังจากหนีแม่เที่ยวแล้วก็อยากเป็นลูกที่ดีบ้าง แม่ก็มีความกังวลเนื่องจากช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับยะลาพอดี จากทีแรกจะมากันเองเลยต้องขอเป็นทัวร์เพื่อลดความกังวลต่างๆ
ก่อนที่เราจะเข้าสู่เบตงจะต้องผ่านสะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลาบาลา หรือสะพานข้ามเขื่อนบางลาง ซึ่งสะพานนี้สร้างเพื่อความสะดวกในการเดินทางจากเดิมที่ต้องผ่านภูเขาที่คดเคี้ยว ทำให้ล่าช้าและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ สะพานนี้สามารถประหยัดเวลาลงได้ประมาณ 30 นาที ย่นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้