สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ว่ากันในเชิงกลไกเลยก็ต้องย้อนไปถึง
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ถึงปลายศตวรรษที่ 17
ที่มีโครงการผันน้ำจากลุ่มแม่น้ำโดยไดเมียวในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และเพื่อกระจายพื้นที่เกษตรกรรม และจากการพัฒนาพื้นที่หนองบึงให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นแหล่งกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานคนมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั่วเกาะญี่ปุ่นในช่วงแรกจากราว 16 ล้านคนไปเป็น 30 ล้านคน ซึ่งนักวิชาการเรียกช่วงนี้ว่า "The Great Age of Opening Fields"
ต่อมาในช่วงต้นสมัยเมจิ (1868-1931) บรรดาซามูไรหนุ่มที่ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นนักปกครองยุคใหม่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของกองกำลังทหาร เพื่อป้องกันประเทศจากการรบกวนของต่างชาติ จึงได้มีนโยบายเร่งการเติบโตประชากรขึ้นด้วยบัญญัติข้อห้ามและข้อลงโทษจากการทำแท้งในปีค.ศ.1880 (บทลงโทษมีผลบังคับในปี 1907) ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวนาสามารถเลือกฆ่าทารกในสภาวะข้าวยากหมากแพงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
อีกทั้งยังมีพรอพากันด้าจากรัฐบาลว่าด้วยเรื่อง"กุลสตรีในอุดมคติ" ที่ต้องเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี มีสามี มีลูก โดยเฉพาะลูกชาย และรับผิดชอบงานบ้านงานเรือน ซึ่งทางรัฐบาลซื้อใจกลุ่มการเมืองที่เป็นผู้หญิงด้วยการเพิ่มการศึกษา และบทบาททางการเมืองให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียง และเข้ามาเป็นส่วนร่วมหนึ่งของสังคมมากขึ้น เพื่อเร่งจำนวนประชากรให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อเข้าสู่ระบบการเกณฑ์ทหาร
กลไกต่อมาคือการลดอัตราการตายของประชากรโดยทั่วไปและในเด็ก อันสืบเนื่องมาจากการนำเข้ายาแผนตะวันตกที่เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 จากการก่อตั้ง The Pharmaceutical Society และ Japan Pharmaceutical Association ในปี ค.ศ. 1893
และระดับการเข้าถึงการศึกษาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งอัตราการเข้าโรงเรียนที่เพิ่มขึ้นจาก 28.1% ในปี 1873, 45% ในปี 1887 และเป็น 91.6 % ในปีค.ศ. 1902 จากตรงนี้และการลดอัตราการตายจากการใช้ยาแผนตะวันตก จะเห็นว่ารัฐบาลให้ความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตประชากร จุดประสงค์สำคัญนั้นเพื่อการวางรากฐานสังคมใหม่ให้เป็นไปในรูปแบบทันสมัยนิยม และเพิ่มฐานการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้นในเชิงอุตสาหกรรม
จากตารางนี้จะเห็นว่าภายหลังจากที่คนเข้าถึงการศึกษาของรัฐมากกว่า 90% ในปี 1902 รายได้ของประชากรให้หลังจากนั้นประมาณ 10 ปีเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 4 เท่าตัวคือจากราว 2,000 ไปเป็น 7,600 และมีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากขั้นปฐมภูมิ เช่นพวกข้าวสาร ผ้าฝ้าย ไปเป็นขั้นทุติยภูมิอย่างพวกสิ่งทอมากขึ้น อันเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
จากการเพิ่มขึ้นของ GDP per capita อย่างก้าวกระโดดช่วงแรกดังนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ในทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า Nelson's theory of low level equilibrium trap กล่าวคือเมื่อมีการตั้งรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับที่กำหนด ประชากรจะเพิ่มขึ้นตาม แต่เมื่อถึงจุดลิมิตทางกายภาพ ประชากรจะลดลงสวนทางกับรายได้เฉลี่ยต่อหัว
ซึ่งตรงนี้อธิบายถึงสาเหตุการเพิ่มขึ้นในระลอกที่ 2ของประชากรจากผลของการเร่ง GDP โดยพิจารณาจากช่วง [y/p]1 ถึง [y/p]x และผลของประชากรญี่ปุ่นที่ลดลงอย่างที่เห็นในปัจจุบันซึ่งพิจารณาจากช่วง [y/p]2 ถึง [y/p]z
การรีบูมภายหลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เห็นอัตราการเกิดของประชากรพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 3.4% ตั้งแต่ปีค.ศ. 1947 ถึง 1949, ก่อนที่จะกลับเข้าสู่อัตราการเพิ่มคงที่ที่ 1.7% ในปี 1957 และการกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจระลอกใหม่ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมาก็ยังผลให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องติดเพดานตามทฤษฎี Low level equilibrium ดังกล่าวอันทำให้ประชากรทรงตัวและลดลง
ส่วนธุรกิจการสร้างหนังโป๊ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1960s เป็นเพียงแค่การขยายโอกาสทางธุรกิจ เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มของประชากรนั้นพบว่า ไม่สามารถช่วยกระตุ้นให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ถึงปลายศตวรรษที่ 17
ที่มีโครงการผันน้ำจากลุ่มแม่น้ำโดยไดเมียวในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และเพื่อกระจายพื้นที่เกษตรกรรม และจากการพัฒนาพื้นที่หนองบึงให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นแหล่งกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานคนมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั่วเกาะญี่ปุ่นในช่วงแรกจากราว 16 ล้านคนไปเป็น 30 ล้านคน ซึ่งนักวิชาการเรียกช่วงนี้ว่า "The Great Age of Opening Fields"
ต่อมาในช่วงต้นสมัยเมจิ (1868-1931) บรรดาซามูไรหนุ่มที่ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นนักปกครองยุคใหม่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของกองกำลังทหาร เพื่อป้องกันประเทศจากการรบกวนของต่างชาติ จึงได้มีนโยบายเร่งการเติบโตประชากรขึ้นด้วยบัญญัติข้อห้ามและข้อลงโทษจากการทำแท้งในปีค.ศ.1880 (บทลงโทษมีผลบังคับในปี 1907) ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวนาสามารถเลือกฆ่าทารกในสภาวะข้าวยากหมากแพงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
อีกทั้งยังมีพรอพากันด้าจากรัฐบาลว่าด้วยเรื่อง"กุลสตรีในอุดมคติ" ที่ต้องเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี มีสามี มีลูก โดยเฉพาะลูกชาย และรับผิดชอบงานบ้านงานเรือน ซึ่งทางรัฐบาลซื้อใจกลุ่มการเมืองที่เป็นผู้หญิงด้วยการเพิ่มการศึกษา และบทบาททางการเมืองให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียง และเข้ามาเป็นส่วนร่วมหนึ่งของสังคมมากขึ้น เพื่อเร่งจำนวนประชากรให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อเข้าสู่ระบบการเกณฑ์ทหาร
กลไกต่อมาคือการลดอัตราการตายของประชากรโดยทั่วไปและในเด็ก อันสืบเนื่องมาจากการนำเข้ายาแผนตะวันตกที่เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 จากการก่อตั้ง The Pharmaceutical Society และ Japan Pharmaceutical Association ในปี ค.ศ. 1893
และระดับการเข้าถึงการศึกษาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งอัตราการเข้าโรงเรียนที่เพิ่มขึ้นจาก 28.1% ในปี 1873, 45% ในปี 1887 และเป็น 91.6 % ในปีค.ศ. 1902 จากตรงนี้และการลดอัตราการตายจากการใช้ยาแผนตะวันตก จะเห็นว่ารัฐบาลให้ความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตประชากร จุดประสงค์สำคัญนั้นเพื่อการวางรากฐานสังคมใหม่ให้เป็นไปในรูปแบบทันสมัยนิยม และเพิ่มฐานการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้นในเชิงอุตสาหกรรม
จากตารางนี้จะเห็นว่าภายหลังจากที่คนเข้าถึงการศึกษาของรัฐมากกว่า 90% ในปี 1902 รายได้ของประชากรให้หลังจากนั้นประมาณ 10 ปีเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 4 เท่าตัวคือจากราว 2,000 ไปเป็น 7,600 และมีการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากขั้นปฐมภูมิ เช่นพวกข้าวสาร ผ้าฝ้าย ไปเป็นขั้นทุติยภูมิอย่างพวกสิ่งทอมากขึ้น อันเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
จากการเพิ่มขึ้นของ GDP per capita อย่างก้าวกระโดดช่วงแรกดังนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ในทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า Nelson's theory of low level equilibrium trap กล่าวคือเมื่อมีการตั้งรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับที่กำหนด ประชากรจะเพิ่มขึ้นตาม แต่เมื่อถึงจุดลิมิตทางกายภาพ ประชากรจะลดลงสวนทางกับรายได้เฉลี่ยต่อหัว
ซึ่งตรงนี้อธิบายถึงสาเหตุการเพิ่มขึ้นในระลอกที่ 2ของประชากรจากผลของการเร่ง GDP โดยพิจารณาจากช่วง [y/p]1 ถึง [y/p]x และผลของประชากรญี่ปุ่นที่ลดลงอย่างที่เห็นในปัจจุบันซึ่งพิจารณาจากช่วง [y/p]2 ถึง [y/p]z
การรีบูมภายหลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เห็นอัตราการเกิดของประชากรพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 3.4% ตั้งแต่ปีค.ศ. 1947 ถึง 1949, ก่อนที่จะกลับเข้าสู่อัตราการเพิ่มคงที่ที่ 1.7% ในปี 1957 และการกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจระลอกใหม่ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมาก็ยังผลให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องติดเพดานตามทฤษฎี Low level equilibrium ดังกล่าวอันทำให้ประชากรทรงตัวและลดลง
ส่วนธุรกิจการสร้างหนังโป๊ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1960s เป็นเพียงแค่การขยายโอกาสทางธุรกิจ เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มของประชากรนั้นพบว่า ไม่สามารถช่วยกระตุ้นให้ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
KOKO_MOD ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4983861 ถูกใจ, yoonnoi ถูกใจ, marupong ถูกใจ, กานต์(วีระพัฒน์) ถูกใจ, Terre ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6518656 หลงรัก, ท่านชายโอ๊ก ทึ่ง, Timin2101 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมญี่ปุ่น ถึงมีประชากรมากกกว่าไทย แต่พื้นที่น้อยกว่าไทย หรือมันเกิดจากหนังโป๊ ที่ทำให้พวกเขาหน้ามืดตามัว ????