ชมคลิป 'ซาอุฯ' ให้การต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของ 'คณะนายกฯไทย'
26 ม.ค.2565 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย
การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน
https://www.thaipost.net/hi-light/72680/
วันประวัติศาสตร์!‘บิ๊กตู่’แจงผลงานเยือน‘ซาอุฯ’ ฟื้นสัมพันธ์การทูต ร่วมมือท่องเที่ยว-แรงงาน
วันพุธ ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565, 07.44 น.
นายกฯประกาศ ‘ไทย-ซาอุดีอาระเบีย’ ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว ระบุเป็นวันประวัติศาสตร์ เตรียมเปิดศักราชใหม่ความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว แรงงาน พลังงาน
26 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ได้เดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยโอกาสนี้ได้เข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะรัฐมนตรีหลายท่าน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาในช่วงที่ผ่านมาหลายปี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี เพื่อรื้อฟื้นและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การค้าและการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน สาธารณสุข และการท่องเที่ยว รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อาทิ สิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบพหุภาคีถต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในการเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อติดตามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โอกาสนี้ รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ เพื่อวางแผนและกำหนดสาขาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศอย่างเป็นระบบและมีการบูรณาการ ซึ่งจะเป็นกลไกการติดตาม ประเมิน และทบทวนผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการอนุญาตให้แรงงานไทยกลับเข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียได้ รวมถึงการส่งเสริมแรงงานฝีมือและเฉพาะทางของไทย ซึ่งตนได้ให้กระทรวงแรงงานเตรียมการไว้แล้วล่วงหน้าก็คาดว่าจะทำได้เร็วขึ้น
นายกฯกล่าวว่า พี่น้องคนไทยทุกท่าน อยากให้ทราบว่าวันนี้เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ วันแห่งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งสองประเทศ ทั้งในมิติการเมือง ความมั่นคง ปลอดภัย เศรษฐกิจ และสังคม โดยไทยและซาอุดีอาระเบียสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนาของกันและกัน โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย และวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 ที่มีความประสานสอดคล้องกัน การฟื้นฟูความสัมพันธ์ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนสำหรับไทยและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะครัวโลกเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย และในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยว ของไทย
ทั้งนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทย ในฐานะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับต้นของโลก
นายกฯกล่าวว่า นอกจากนี้การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันกลับมาเป็นปกติ ก็จะสามารถรื้อฟื้นการกลับเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบียของแรงงานฝีมือ แรงงานภาคบริการ และแรงงานเฉพาะทางของไทย ซึ่งก่อนการลดความสัมพันธ์ระหว่างกัน เคยมีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียกว่า 300,000 คน และสร้างรายได้ส่งกลับประเทศไทยมากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมกุฎราชกุมารฯ ทรงพูดกับตนเองว่าจะมีการก่อสร้างมากมาย สร้างห้องพักจำนวนเป็นล้านห้องที่ต้องใช้แรงงาน และยินดีรับแรงงานจากไทยไปทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ได้มีโอกาสพบปะและสอบถามความเป็นอยู่ของชุมชนไทยในซาอุดีอาระเบีย และได้ยืนยันกับพี่น้องคนไทยทุกคนว่า รัฐบาลไทยจะให้ความดูแลคนไทยในซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีอย่างเช่นที่ผ่านมาแน่นอน และสุดท้ายขอแสดงความยินดีกับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย - ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์และเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทั้งสองประเทศในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องคนไทยและชาวซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน
https://www.naewna.com/politic/631175
https://www.brighttv.co.th/news/politics/prayuth-visit-saudi-arabia
ปลาบปลื้มใจไปกับภารกิจลุงตู่ค่ะ
💚มาลาริน/อย่างสมเกียรติค่ะ...ชมคลิป 'ซาอุฯ' ให้การต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของ 'คณะนายกฯไทย'
26 ม.ค.2565 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย
การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน
https://www.thaipost.net/hi-light/72680/
วันประวัติศาสตร์!‘บิ๊กตู่’แจงผลงานเยือน‘ซาอุฯ’ ฟื้นสัมพันธ์การทูต ร่วมมือท่องเที่ยว-แรงงาน
วันพุธ ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565, 07.44 น.
นายกฯประกาศ ‘ไทย-ซาอุดีอาระเบีย’ ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว ระบุเป็นวันประวัติศาสตร์ เตรียมเปิดศักราชใหม่ความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว แรงงาน พลังงาน
26 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ได้เดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยโอกาสนี้ได้เข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะรัฐมนตรีหลายท่าน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาในช่วงที่ผ่านมาหลายปี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี เพื่อรื้อฟื้นและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การค้าและการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน สาธารณสุข และการท่องเที่ยว รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อาทิ สิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบพหุภาคีถต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในการเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อติดตามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โอกาสนี้ รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ เพื่อวางแผนและกำหนดสาขาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศอย่างเป็นระบบและมีการบูรณาการ ซึ่งจะเป็นกลไกการติดตาม ประเมิน และทบทวนผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการอนุญาตให้แรงงานไทยกลับเข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียได้ รวมถึงการส่งเสริมแรงงานฝีมือและเฉพาะทางของไทย ซึ่งตนได้ให้กระทรวงแรงงานเตรียมการไว้แล้วล่วงหน้าก็คาดว่าจะทำได้เร็วขึ้น
นายกฯกล่าวว่า พี่น้องคนไทยทุกท่าน อยากให้ทราบว่าวันนี้เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ วันแห่งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งสองประเทศ ทั้งในมิติการเมือง ความมั่นคง ปลอดภัย เศรษฐกิจ และสังคม โดยไทยและซาอุดีอาระเบียสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนาของกันและกัน โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย และวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 ที่มีความประสานสอดคล้องกัน การฟื้นฟูความสัมพันธ์ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนสำหรับไทยและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะครัวโลกเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย และในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยว ของไทย
ทั้งนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทย ในฐานะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับต้นของโลก
นายกฯกล่าวว่า นอกจากนี้การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันกลับมาเป็นปกติ ก็จะสามารถรื้อฟื้นการกลับเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบียของแรงงานฝีมือ แรงงานภาคบริการ และแรงงานเฉพาะทางของไทย ซึ่งก่อนการลดความสัมพันธ์ระหว่างกัน เคยมีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียกว่า 300,000 คน และสร้างรายได้ส่งกลับประเทศไทยมากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมกุฎราชกุมารฯ ทรงพูดกับตนเองว่าจะมีการก่อสร้างมากมาย สร้างห้องพักจำนวนเป็นล้านห้องที่ต้องใช้แรงงาน และยินดีรับแรงงานจากไทยไปทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ได้มีโอกาสพบปะและสอบถามความเป็นอยู่ของชุมชนไทยในซาอุดีอาระเบีย และได้ยืนยันกับพี่น้องคนไทยทุกคนว่า รัฐบาลไทยจะให้ความดูแลคนไทยในซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีอย่างเช่นที่ผ่านมาแน่นอน และสุดท้ายขอแสดงความยินดีกับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย - ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์และเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทั้งสองประเทศในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องคนไทยและชาวซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน
https://www.naewna.com/politic/631175
https://www.brighttv.co.th/news/politics/prayuth-visit-saudi-arabia
ปลาบปลื้มใจไปกับภารกิจลุงตู่ค่ะ