เผื่อจะมีเนื้อหาคล้ายปมสงสัยจากตัวหนังครับ ส่วนตัวตามความเข้าใจผมผมว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องมโนพระเอกตั้งแต่เปิดเรื่องเลย เอาละมาวิเคราะห์ตามมุมมองผมกันผมมองว่าพระเอกเก็บรูปที่ถ่ายกับนางเอกไว้ดูนั้นลึกๆแล้ว พระเอกชอบนางเอกแล้วนางเอกก็ชอบพระเอกด้วยต่างคนต่างชอบกันและก็รู้เรื่องราวของกันและกันดีเรื่องที่นางเอกบอกว่าแม่เล่นชู้จนตัวเองเกิดมาเป็นลูกชู้พอเกิดมาแม่ก็ไปมีคนใหม่ที่ไม่ใช่พ่อตัวเอง จนเป็นปมให้นางเอกคิดจะหนีออกจากบ้านประชดแม่ไปกับคนที่รัก ผมว่าเนื้อหาส่วนนี้เป็นส่วนที่พระเอกรู้มานานแล้วก่อนเป็นเนื้อหาในหนังเพราะในหนังมีฉากที่นางเอกรู้จักทางไปมาของบ้านพระเอกและก็เพื่อนพระเอกลูกหมอได้ถึงแม้ว่าในหนังจะมีฉากที่แม่นางเอกเล่าเรื่องนางเอกให้พ่อเลี้ยงฟังว่านางเอกไม่ค่อยมีเพื่อนแฟนยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คิดว่าคงรู้เรื่องราวของเพื่อนร่วมห้องบ้างหน่อยละโดยเฉพาะพระเอกที่มีท่าทีที่ชอบกันและกันคงรู้เรื่องเป็นอย่างดีคงเคยบอกไว้ก่อน เนื้อหาของหนังเป็นความมโนของ จขกท เองนางเอกอาจเป็นประเภทชอบอยู่คนเดียว นางเอกจะย้ายบ้านไปที่ใหม่ และก็ย้ายไปจริงๆ พระเอกคงเสียใจจนทำให้เกิดเรื่องราวในหนังก็คือฉากเปิดเรื่องพระเอกดำน้ำลึกๆ ไปหานางเอกแล้วก็บ่นย่ำ ๆ ว่า ถ้า ถ้า ถ้าหาก ถ้าหากว่า นั้นคงเป็นการสื่อถึงความคิดจินตนาการความมโนลึก ๆ ของพระเอก และไอ้ลูกแก้วผมมองว่านั้นคือสิ่งที่แทนความคิดของพระเอกในหนังเป็นแนวแฟนตาซีคงทำออกมาให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้แทนความคิดที่เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้แต่รู้สึกได้เพราะในชีวิตจริงคงไม่มีไอ้ลูกแก้วอุปกรณ์ที่สามารถทะลุเวลาย้อนเวลาได้หรอกคุณนึกถึงภาพภาพหลอดไฟLEDหัวกลม ๆ นะเอาตามหลักสากลคือหลอดไฟที่ไม่สว่างแทนความไม่รู้ แต่พอหลอดไฟสว่างนั้นแทนความคิดได้คิดออกแล้วประมาณนี้เหมือนกันกับไอ้ลูกแก้วในหนังอ่ะทุกครั้งที่พระเอกมันคิดมโนพระเอกมันจะขว้างลูกแก้วแล้วลูกแก้วมันจะสว่างขึ้นแถมในลูกแก้วมีไส้ลักษณะเหมือนไส้หลอดไฟ เป็นคำว่าif เป็นการเริ่มจินตนาการคิดเริ่มคิดใหม่คิดแบบนี้ไม่เค้าท่าเริ่มคิดใหม่ด้วยคำถ้าว่า(if) ในหนังผมขอนับตั้งแต่เปิดเรื่องคือเรื่องจิตนาการมโนลูบแรกของพระเอกเลยละกันในหนังคงปลูกเรื่องตัวละครให้คนดูเข้าใจพระเอกมันคงมโนอิงหลักความเป็นจริงชีวิตจริงคงว่ายน้ำแพ้งั้นคิดใหม่งั้นถ้ารอบนี้แพ้ขอให้ได้ไปเจอนางเอกหน่อยละกันแต่ก็คงจะพานางเอกหนีไปไม่ได้เพราะยังไงพ่อแม่ก็มาตามพากลับบ้านคิดแบบนี้พลาดงั้นเริ่มคิดใหม่ไม่เข้าท่าเป็นหลอดไฟสว่างขึ้นพร้อมถ้าหากว่าถ้าชนะก็คงได้มีเวลากับนางเอกขึ้นแต่ก็คงพานางเอกหนีไม่ได้อยู่ดีงั้นคิดแบบนี้พลาดไม่เอาคิดใหม่รอบที่3รอบนี้เริ่มห่างไกลจากความจริงหลอดไฟสว่างขึ้นถ้าหากว่าหนีจากพ่อแม่ได้เลยละพ่อแม่จับไม่ได้คงเป็นอะไรที่เท่น่าดูสังเกตได้ฉากในหนังนางเอกร้องเพลงใส่ชุดเจ้าหญิงคงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวพานางเอกหนีมาได้แต่ยังไงถ้ายึดตามความเป็นจริงก็พ่อแม่นางเอกคงไม่ละความพยายามก็ต้องตามนางเอกกลับมาอยู่ดีทั้งเพื่อนก็ต้องรู้  คงทำไม่ได้จนมาสู่หลอดไฟความคิดการมโนรอบที่4รอบสรุปเลยก็คือ ไม่ต้องคิดว่าซะว่าพ่อแม่นางเอกจะมีความพยายามมาตามนางเอกคืนไม่ต้องคิดซะว่าเพื่อนรู้คิดแค่ว่าหนีสำเร็จได้อยู่กับนางเอกแค่สองคนพอคิดแบบง่าย ๆ ไม่ต้องยึดตามความจริงแค่เนี่ยพอ และฉากสุดท้ายที่จุดดอกไม้ไฟน่าจะเล่นกับความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่เวลาดูดอกไม้ไฟแล้วต้องอธิษฐานความปรารถนา ดอกไม้ไฟระเบิดออกมาเป็นภาพความปรารถนาของพระเอกต่าง ๆ มากมายที่ขอแค่ให้ได้อยู่กับนางเอกเท่านั้นพอไม่ว่าจะฉากไปเที่ยวด้วยกัน ได้ไปเล่นสวนสนุกด้วยกันได้จูบกันรวมๆ ขอแค่พระเอกได้อยู่กับนางเอกเท่านั้นฉากนี้เพลงเพราะสวยมากและก็ลงไปว่ายน้ำลึก ๆ ด้วยกันกับนางเอก ตีความสรุปได้เลยว่าไม่ว่าจะคิดกี่ลูบกี่แบบจะถ้าหากว่า(if)โยนลูกแก้วกี่ครั้งแต่ลึกๆ ในจิตใจในจินตนาการในจิตสำนึกขอแค่ได้อยู่กับนางเอกพอและทิ้งท้ายด้วยคำพูดนางเอกว่าตอนเราพบกันอีกครั้งโลกจะเป็นแบบไหนนะ ถึงจะเป็นคำพูดนางเอกแต่มันอยู่ในจินตนาการมโนของพระเอกมันก็คือความคิดพระเอกทั้งหมดทุกเรื่องตั้งแต่เราดูมาทั้งหมดนั้นแหละแล้วก็ว่ายน้ำขึ้นไปบ่งบอกเลิกคิดมโนลึก ๆ แล้วไปเผชิญหน้ากับความจริงซะท้ายเรื่องช่วงเช็คชื่อในคาบเรียนคือโลกความจริงไม่ใช่จินตนาการของพระเอกนางเอกไม่มีรายชื่อเพราะลาออกไปแล้ว ส่วนพระเอกเช็คชื่อแต่ไม่งั้นก็คือพระเอกได้ออกไปตามหานางเอกจริง ๆ