เมื่อฉันต้องผ่าเข่ารักษาเอ็นไขว้หน้าที่ขาดไป

ผ่านไปแล้วสองปีกับการเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า

วันนี้เลยจะมาขอแชร์ประสบการณ์ผ่าเข่ารักษาเอ็นไขว้หน้า หมอนรองกระดูก และ รักษากระดูกอ่อนฉีกขาดหน่อยละกัน

เรื่องมันเริ่มจาก

เมื่อประมาณมหา’ลัย ปี 2 ช่วงนั้นนี่น้าฟิตเปรี๊ยะมาก แบบว่าเลิกเรียนปุ๊บต้องรีบกลับบ้านไปเตะบอลเกือบทุกวัน วันนั้นจำได้ว่าเลิกเรียนเร็ว เลยแวะไปสยามซื้อนาฬิกาใหม่ กะว่าวันรุ่งขึ้นคงใส่ไปอวดเพื่อนหล่อๆ หลังจากซื้อนาฬิกาเสร็จก็รีบบึ่งรถกลับบ้านเพื่อไปเตะบอลทันที

พอไปถึงสนามบอล ด้วยความฟิต ก็เล่นไปได้สักพักถึงจังหวะที่น้าวิ่งไล่บอลไปจนเกือบถึงหน้าประตู เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กองหลังฝั่งตรงข้ามจะเข้ามาเคลียร์บอล นี่ก็นึกว่าเล่นชิงแชมป์บอลโลกมั้งกระโดดขวางกะว่าบล็อกปุ๊บลงมาวิ่งเก็บบอลหล่อๆ แทนที่ผลงานจะเป็นไปแบบที่ตั้งใจ ปรากฏว่า จังหวะลงมามันผิดท่าไง เสียงกร๊อบดังที่เข่า จังหวะนั้นแหละรู้ทันทีว่าเข่ากรูไปแน่นอนละ ลงมาแทนที่จะวิ่งไปเก็บบอลหล่อๆ ก็กลายเป็นกลิ้งเป็นหมูตกจากที่สูงทันที กลิ้นหลุนๆๆๆ จนเพื่อนเข้ามาดูและหามออกไปนั่งข้างสนาม สรุปกรูพาตัวเองไปหาหมอ ครับ เอ็นไขว้หน้าขาดเรียบร้อย

สรุป วันรุ่งขึ้นกรูเข้าเฝือกและใส่นาฬิกาใหม่อวดตัวเองอยู่บ้าน (T-T)

หลังจากนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ จากการเล่นกีฬาอยู่เป็นเนืองๆ

ผ่านไป สิบกว่าปี

เมื่อเดือน พฤศจิกายน 62 ที่ผ่านมา ช่วงนั้นนี่งานชุกมาก ซึ่งแมทซ์แข่งกอล์ฟก็มากตามไปด้วยเช่นกัน ทั้งส่วนตัว และส่วนงาน เลยทำให้ต้องออกรอบบ่อยมาก ประหนึ่งว่าเป็น Jon Rahm ใครไม่รู้จักก็ข้ามๆ ไปนะ

จริงๆ แล้วเข่าคนเราเนี่ยมันจะมีเอ็นที่สำคัญๆ อยู่ประมาณสี่ชิ้น คือ เอ็นด้านข้าง ซ้าย ขวา และ เอ็นไขว้ หน้า หลัง โดยปกติแล้วเข่าคนเรานี่ มันจะสามารถบิด ได้น้อยมากๆ น้อยสุดๆ น๊อยน้อย น้อยจริงๆ นะ น้อ...(พอละ จะย้ำเยอะไปไหน) เอาเป็นว่ามันน้อยจริงๆ อ่ะ (ยังไม่หยุดย้ำ) ทีนี้ของน้าเนี่ย ด้วยความที่เอ็นไขว้หน้ามันขาด ซึ่งเอ็นตัวนี้แหละเป็นตัวที่คอยบังคับไม่ให้เข่าเราบิดมากเกินไป เข่าน้าเลยมีลักษณะเหมือน libero (ลิบเบอโร่ – ตัวรับอิสระ) แต่ของน้านี่เป็น เข่าบิดอิสระ ใช่ครับ มันสามารถบิดได้มากกว่าของคนปกติทั่วไป

และด้วยความที่ตีกอล์ฟเนี่ยมันจะต้องมีการบิด การเอี้ยว อยู่เนืองๆ ทีนี้เวลามันบิดได้มากกว่าคนอื่นเนี่ยมันก็เลยทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “บด” ของกระดูกอ่อนเข่า และ หมอนรองกระดูก บดแล้วบดเล่า บดไปบดมา บดจนหมอนรองกระดูกมันเปื่อยอ่ะฮะ เปื่อยจนขอบมันลุ่ย ใครนึงไม่ออกลองนึกภาพ แมงกะพรุน อ่ะ ส่วนปลายที่มันลุ่ยๆ พริ้วๆ อ่ะ แบบนั้นเลย จนร่างกายมันทนไม่ไหวเข่าบวมมาก สุดท้ายนั่งยองๆ ไม่ได้เลยต้องตัดสินใจผ่า

ขั้นตอนการรักษา น้าเลือกวิธีส่องกล้องผ่าตัด ซึ่งหมอจะทำการเปิดแผลเล็กๆ บริเวณ ใต้ลูกสะบ้า สองแผลเพื่อเอาเครื่องมือเข้าไปดำเนินการ และเปิดอีกหนึ่งแผลเหนือหน้าแข้งเผื่อตัดเอาเส้นเอ็นบริเวณแฮมสตริงของเรามาเส้นนึงเพื่อเอามาใช้แทนเอ็นไขว้หน้าที่ขาดไป แล้วก็ตักหมอนรองหัวเข่าให้เรียบห้องกันการลุ่ยต่อเนื่อง สุดท้ายเจาะกระดูกอ่อน เพื่อให้ร่างกายสร้างกระดูกอ่อนชนิดใหม่มาทดแทน

ซึ่งโดยปกติแล้วการรักษาเอ็นไขว้หน้าของคนอื่นเนี่ย ถ้ารักษาแค่เอ็นไขว้หน้าอย่างเดียว หลังผ่าตัดประมาณสักอาทิตย์เดียวหมอก็จะอนุญาตให้เดินลงน้ำหนักได้แล้ว แต่ของน้าเนี่ยฟาดไป 8 อาทิตย์กว่าหมอจะอนุญาตให้ลงน้ำหนักได้

และแล้ววันที่ต้องขึ้นเขียงก็มาถึง ระหว่างเตรียมตัวเตรียมใจอยู่ที่ห้องพัก พยาบาลเดินมาบอกว่าให้เปลี่ยนชุด ถอดออกให้หมดใส่แค่ชุดที่โรงพยาบาลให้มาอย่างเดียว ด้วยความอายประกอบกับเป็นการผ่าเข่า ก็เลยถามว่าต้องถอด กกน. ไหม พยาบาลบอกว่านั่นชิ้นสำคัญเลยค่ะที่จะต้องถอด พยาบาลเห็นมาเยอะแล้วค่ะ ชิวๆ ไม่อายหรอก อิ🌸🌸🌸 กรูกลัวกรูอาย กรูไม่ได้กลัวยิ้มอาย แต่สุดท้ายก็ต้องถอดอยู่ดี

โดยปกติแล้วการผ่าตัดเข่าเนี่ย เค้าจะให้คนไข้เลือกว่าจะดมยาสลบหรือบล๊อกหลัง แต่ด้วยความที่แม่กะเมีย ขู่ไว้เยอะว่าเนี่ยบล๊อกหลังเจ็บแบบนู้นแบบนี้ จะได้รู้ถึงความทรมานของคนคลอดลูก จ๊ะๆๆๆ กรูเลือกดมยา แ ม่ งงง เลย วิสัญญีก็เลยมาถามว่าทำไมถึงอยากดมยา ถ้าคนไข้ที่ยังมีอายุไม่เยอะไม่อยากให้ดมยา เพราะมันจะมีเอฟเฟค นี่นั่นนู่น รมไปถึงเคสที่แย่จริงๆ อาจจะไม่ฟื้นก็มี (อี🦎🦎🦎 หน้าลูกกรูลอยมาเลย) เสียงอ่อยๆ บอกหมอ บล็อกก็ได้

พอถึงเวลา ก็มีบุรุษพยาบาลมาเข็นเตียงเอาร่างกะเข่าเน่าๆ ของน้าออกจากห้องพักไปยังห้องผ่าตัด ห้องผ่าตัดนี่คือแบบหนาวๆมากๆ อี🌸🌸🌸หนาวจนนึกว่าหิมะจะตกไหมวะ ถึงห้องปุ๊บย้ายขึ้นเตียงผ่าตัด หมอก็เอาสายอะไรไม่รู้มาแปะไว้ที่จมูก แต่พยาบาลบอกว่าอันนี้คือสายอ๊อกซิเจนนะคะ เสร็จแล้วก็บอกให้เรานอนตะแคง ซึ่งนี่ก็รู่ได้ทันทีว่าจะเริ่มบล็อกหลังจะ พยาบาลบอกว่าให้พยายามเอาหัวลงไปชิด....พรึบ ภาพตัด อ่าว สรุปกรูสลบไปก่อนบล็อกหลังอีกฮะ ก็ดีไม่เจ็บ 55555

หลังจากผ่าเสร็จ

ตื่นมารอบแรกด้วยอาการเมา และเบลอ ยาสลบ (สรุป หมอให้ยาสลบด้วยแต่อ่อนๆ) ถามนู่นนี่นั่น ซ้ำไปซ้ำมา ไม่ถึงสองนาทีแล้วก็หลับต่อ

ตื่นมารอบสอง รอบนี้มีอาการอ้วกจร้า อ้วกเสร็จหลับต่อ

ตื่นมารอบสาม รอบนี้ดีขึ้นหน่อยไม่มีอาการเมา หรือ เบลอยา แล้ว แต่รู้สึกมีอาการแปลก แสบๆ บริเวณเป้ากุงเกง เปิดดู โอ้วโหววว อิ🦎🦎🦎 โดนสวนฉี่เด้อ ช่ายคับ อ่านไม่ผิด สวนฉี่ จริงๆ ไอ้..หมอออออ ไม่บอกกรูก่อนวะว่าต้องสวนฉี่ด้วย กรูยังไม่ทันได้ร่ำลาไอ้เชษฐ์เพื่อนรักกรูเลย (พอๆๆ ไม่ใช่ผ่าตัดแปลงเพศ)

วันออกจากโรงพยาบาล วันอื่นเวลามีพยาบาลมาเช็ดตัวก็จะเป็น ป้าๆ บ้างน้องๆ ตัวกลมๆ บ้าง มีวันนี้แหละที่มาแบบสวยเชียว แต่ที่ไม่สวยคือวันนี้ต้องเอาสายสวนฉี่ออกจากไอ้เชษฐ์เพื่อนรัก ใช่จร้า นางคือคนที่จะมาเอาสายออกด้วยเลย นี่ก็อายจะไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหนดี เลยเอามาวางทาบไว้ที่อกอารมคุณพระช่วยลูกด้วย ตอนนางจะดึงออกนางบอกว่าหายใจเข้าลึกๆนะคะ ไอ้เราก็นึกว่า น่าจะวิเดียวแหละ คงไม่น่านานเพราะท่อเราก็ไม่ได้ยาวเท่าไร พอนางพูดจบนางดึงทันที พร้อมกับเสียง อะเหื้อออออ ที่ครางอยู่ในลำคอน้าเบาๆ ระคนสงสัยว่า ทำไมนานจังวะ (นับในใจได้เกือบสี่วิฯ) มารู้ทีหลังว่าเค้าจะสวนไปจนถึงกระเพาะฉี่เลยฮะ ( เชษฐ์ เราขอโทษนะเพื่อน T-T )

ออกจากรพ. สองอาทิตย์แรกใส่เฝือกตลอดเวลา ห้ามโดนน้ำ ห้ามลงน้ำหนักเด็ดขาด

อาทิตย์ที่สาม ถอดเฝือกได้แล้ว แต่ต้องใส่เบลส (เฝือกโปร่งแบบปรับองศาได้) ตลอดเวลายกเว้นตอนอาบน้ำ ยังคงห้ามลงน้ำหนักอยู่ ใช้ไม้ค้ำเดินตลอดเวลา

อาทิตย์ที่ 8 ถอดเบลสออกแล้ว ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ ลงน้ำหนักได้เต็มที่ แต่ยังเดินกะเพลกอยู่ ยืดเข่าตรงสุดไม่ได้ งอสุดก็ไม่ได้เช่นกัน

หมอบอกว่าอาการบวมอาจจะมีได้ถึงสามเดือน หกเดือนกลับมาออกกำลังกายได้ ตีกอล์ฟได้ต้องรออีกเก้าเดือน (T-T) อดตีกอล์ฟไปอีกนาน

จบ....ตัดจบแบบดื้อๆ เหมือนหนังอินดี้

End credit

เราขอโทษอีกครั้งนะ เชษฐ์ เพื่อนรัก

ปล.ช่วงนี้ใครเจอน้ากรุณาอย่าเตะตัดขานะ แค่หยิกก็ยอมแพ้ละจ้าาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่