สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คุณอาจจะไม่รู้ เขาแม่ลูกกัน แม่อาจจะแอบให้เงินลูกชายก็ได้ คุณแค่สะใภ้ เป็นลูกสาวบ้านอื่น
สามีอาจจะปิดคุณก็ได้นะ ว่าได้อะไรจากแม่มาบ้าง
แต่ก็ช่างเหอะ เขาแม่ลูกกัน รักกันไม่แปลกหรอก
แต่คุณเอง ควรมีเงินทองในมือบ้าง
ลำพังแค่ทำเลขายของ ถ้ามั่นใจ100เลยว่า ขายได้ ไหวแน่ๆ ยอมจ่ายค่าเช่าแกเลย
แล้วขายได้ก็เก็บๆเงินไว้ให้ดี เอาไว้ต่อยอดตัวเองกับลูก
สามีคุณเขารอดแล้ว มีแม่เขา
ลูกคุณมีแต่คุณ แล้วคุณล่ะมีใครดูแล ?? เคยถามตัวเองไหม
แต่เราคิดหนักตรงที่คุณต้องมานั่งเสียบไม้บาบีคิวให้แม่ผัว แบบใช้แรงงานกันฟรีๆเนี่ยนะ
ย่าแกก็เลยตะกละ จะขายมันทุกอย่างเลย เพราะมีคุณคอยเตรียมให้นี่เอง เลยคิดว่าง่าย
เช่าที่ขายของจากแม่ผัวตัวเอง อันนี้รับได้
แต่ โดนใช้แรงงานฟรีๆ ไม่มีอะไรตอบแทน รับไม่ไหวแล้ว
ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น
พาตัวเองออกมาเถอะ ไปรับจ้างล้างจานให้คนอื่น ยังได้ค่าแรง
อยู่ทำไมกับคนไม่มีน้ำใจ สามีก็พึ่งไม่ได้
มองไม่เห็นอนาคตเลย
สามีอาจจะปิดคุณก็ได้นะ ว่าได้อะไรจากแม่มาบ้าง
แต่ก็ช่างเหอะ เขาแม่ลูกกัน รักกันไม่แปลกหรอก
แต่คุณเอง ควรมีเงินทองในมือบ้าง
ลำพังแค่ทำเลขายของ ถ้ามั่นใจ100เลยว่า ขายได้ ไหวแน่ๆ ยอมจ่ายค่าเช่าแกเลย
แล้วขายได้ก็เก็บๆเงินไว้ให้ดี เอาไว้ต่อยอดตัวเองกับลูก
สามีคุณเขารอดแล้ว มีแม่เขา
ลูกคุณมีแต่คุณ แล้วคุณล่ะมีใครดูแล ?? เคยถามตัวเองไหม
แต่เราคิดหนักตรงที่คุณต้องมานั่งเสียบไม้บาบีคิวให้แม่ผัว แบบใช้แรงงานกันฟรีๆเนี่ยนะ
ย่าแกก็เลยตะกละ จะขายมันทุกอย่างเลย เพราะมีคุณคอยเตรียมให้นี่เอง เลยคิดว่าง่าย
เช่าที่ขายของจากแม่ผัวตัวเอง อันนี้รับได้
แต่ โดนใช้แรงงานฟรีๆ ไม่มีอะไรตอบแทน รับไม่ไหวแล้ว
ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น
พาตัวเองออกมาเถอะ ไปรับจ้างล้างจานให้คนอื่น ยังได้ค่าแรง
อยู่ทำไมกับคนไม่มีน้ำใจ สามีก็พึ่งไม่ได้
มองไม่เห็นอนาคตเลย
ความคิดเห็นที่ 12
คือถ้าตัดเรื่องความรู้สึกส่วนตัวออกไป ถ้าจุดนั้นเคยให้เช่าได้ 3500 ต่อเดือน แล้วคุณจะมาขอใช้ฟรีๆ มันก็ไม่แฟร์กับเจ้าของที่หรือเปล่า? (บ้านของแม่สามี?) ตัวคุณเองก็ยังมีงานประจำทำ ไม่ใช่ว่าสิ้นไร้หนทางขนาดนั้น หรือแม้แต่ถนนหน้าบ้าน ที่เขาบอกให้รถเข็นขายลูกชิ้นเช่าได้ ทำไมคุณจะจ่ายค่าเช่าเองไม่ได้?
และถ้าคิดว่าทำแล้วขายได้ ก็น่าจะพอจ่ายค่าเช่าได้ ก็ลองต่อรองดู ขอส่วนลดอะไรก็ว่าไป ถ้ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้เช่า หรือขึ้นราคา ค่อยว่าเขามีอคติ ถ้ามองจากคนนอก เหมือนคุณอยากลองงานอดิเรก โดยที่ไม่อยากลงทุนเลยมากกว่า พอขายไม่ได้ ก็ให้คนอื่นsupportแทน? ลองมองมุมกลับนะ เหมือนคุณกำลังขอเงินเขาเดือนละ 3500 บาทฟรีๆนั่นแหละ
ส่วนสามี แม่เขาก็คงช่วยเหลือเงินสามีคุณอยู่นั่นแหละ ไม่งั้นวันๆค่าใช้จ่ายในบ้านใครออก? ที่ว่าช่วยทำนู่นทำนี่ จริงๆแล้วแม่สามีก็คงมองว่าไม่ได้ใช้ทำงานฟรี แต่มองว่า ก็ให้เงินสามีคุณไปใช้จ่ายแทนค่าจ้างหรือเปล่า หรือจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำค่าไฟแทนหมด? ลองถามดีๆ?
ผมอาจจะมองต่างจากคคห.อื่น ผมมองว่า แม่สามี ไม่จำเป็นต้องเอาใจคุณ หรือช่วยเหลือคุณเป็นพิเศษ อาจจะมีน้ำใจบางอย่าง แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ ที่จะช่วยทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข เช่นให้ใช้ที่ฟรีๆโดยไม่มีค่าเช่า เหมือนกับที่เขาช่วยลูกเขา ความสัมพันธ์ที่ดีต้องสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่บังคับให้ต้องทำดีช่วยเหลือทุกอย่าง เพียงเพราะจดทะเบียนทางกฎหมายกับลูกเขา(จดหรือไม่จดก็ไม่เกี่ยวตรงนี้)
แต่สามีคุณตะหาก ที่ต้องทำหน้าที่นั้นกับคุณ ไปเจรจาต่อรอง ขวนขวาย หาที่ทาง หรือหารายได้เสริมให้คุณ (รวมถึงตัวเขาเองด้วยก็ต้องหาเพิ่ม) ยังไม่นับว่าที่ผ่านมา 20ปี เขาก็อาจจะทำให้คุณมาไม่น้อยแล้ว แต่ถ้าคุณตัดมาพูดเฉพาะปัจจุบัน ก็เลยดูเหมือนเขาไม่ทำอะไรให้หรือเปล่า?
ผมว่าลองขอแยกชั่วคราวก่อนก็ได้ ห่างกันบ้างอาจจะคิดอะไรได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าควรไปอย่างไรต่อ แต่ที่ว่าจะทำร้านขายขนม ถ้ากลับไปทำที่บ้าน จะยังขายได้ไหม ทำเลดีไหม ตรงนี้ก็ต้องคำนึง ไม่ใช่น้อยใจว่าจะทำเองโดยไม่ประเมินสภาพการณ์ให้ดีก่อน บางทีการจ่ายค่าเช่าอาจจะคุ้มค่ากว่าก็ได้?
และถ้าคิดว่าทำแล้วขายได้ ก็น่าจะพอจ่ายค่าเช่าได้ ก็ลองต่อรองดู ขอส่วนลดอะไรก็ว่าไป ถ้ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้เช่า หรือขึ้นราคา ค่อยว่าเขามีอคติ ถ้ามองจากคนนอก เหมือนคุณอยากลองงานอดิเรก โดยที่ไม่อยากลงทุนเลยมากกว่า พอขายไม่ได้ ก็ให้คนอื่นsupportแทน? ลองมองมุมกลับนะ เหมือนคุณกำลังขอเงินเขาเดือนละ 3500 บาทฟรีๆนั่นแหละ
ส่วนสามี แม่เขาก็คงช่วยเหลือเงินสามีคุณอยู่นั่นแหละ ไม่งั้นวันๆค่าใช้จ่ายในบ้านใครออก? ที่ว่าช่วยทำนู่นทำนี่ จริงๆแล้วแม่สามีก็คงมองว่าไม่ได้ใช้ทำงานฟรี แต่มองว่า ก็ให้เงินสามีคุณไปใช้จ่ายแทนค่าจ้างหรือเปล่า หรือจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำค่าไฟแทนหมด? ลองถามดีๆ?
ผมอาจจะมองต่างจากคคห.อื่น ผมมองว่า แม่สามี ไม่จำเป็นต้องเอาใจคุณ หรือช่วยเหลือคุณเป็นพิเศษ อาจจะมีน้ำใจบางอย่าง แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ ที่จะช่วยทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข เช่นให้ใช้ที่ฟรีๆโดยไม่มีค่าเช่า เหมือนกับที่เขาช่วยลูกเขา ความสัมพันธ์ที่ดีต้องสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่บังคับให้ต้องทำดีช่วยเหลือทุกอย่าง เพียงเพราะจดทะเบียนทางกฎหมายกับลูกเขา(จดหรือไม่จดก็ไม่เกี่ยวตรงนี้)
แต่สามีคุณตะหาก ที่ต้องทำหน้าที่นั้นกับคุณ ไปเจรจาต่อรอง ขวนขวาย หาที่ทาง หรือหารายได้เสริมให้คุณ (รวมถึงตัวเขาเองด้วยก็ต้องหาเพิ่ม) ยังไม่นับว่าที่ผ่านมา 20ปี เขาก็อาจจะทำให้คุณมาไม่น้อยแล้ว แต่ถ้าคุณตัดมาพูดเฉพาะปัจจุบัน ก็เลยดูเหมือนเขาไม่ทำอะไรให้หรือเปล่า?
ผมว่าลองขอแยกชั่วคราวก่อนก็ได้ ห่างกันบ้างอาจจะคิดอะไรได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าควรไปอย่างไรต่อ แต่ที่ว่าจะทำร้านขายขนม ถ้ากลับไปทำที่บ้าน จะยังขายได้ไหม ทำเลดีไหม ตรงนี้ก็ต้องคำนึง ไม่ใช่น้อยใจว่าจะทำเองโดยไม่ประเมินสภาพการณ์ให้ดีก่อน บางทีการจ่ายค่าเช่าอาจจะคุ้มค่ากว่าก็ได้?
แสดงความคิดเห็น
ตอนนี้ กำลังตัดสินใจแยกกันอยู่กับสามี ไม่รู้ว่าเราคิดถูกหรือผิดค่ะ
1. คชจ.สำหรับลูก หนัก ๆ ทุกอย่างหาร 2 ค่ะ เล็กน้อย ๆ ก็สลับกันออกค่ะ
2. คชจ. ในบ้าน สามีเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านเป็นหลัก แต่เราก็ซื้อบ้างค่ะ
.... แต่ ประเด็นที่จะตัดสินใจอยู่ตรงนี้ค่ะ....
ปัจจุบัน สามีโดนฟ้องล้มละลาย เนื่องจากไปค้ำประกันเพื่อนที่ทำงาน แล้วเพื่อนไม่ได้ส่งธนาคาร (ตรงนี้ขอข้ามนะคะ) เราจึงอยากหารายได้เสริมมาช่วยในครอบครัว เนื่องจากเราทำเบเกอรี่เป็น หน้าบ้านเราติดถนนเส้นหลัก ไม่มีร้านเบเกอรี่ แถมหน้าบ้านมีซุ้มกาแฟซึ่งเขาเคยเช่าที่บ้านเราทำแต่ปัจจุบันไม่ทำแล้ว เราจึงคุยกับสามีว่า เราจะขายกาแฟสด และ ทำเบเกอรี่ขาย (ไม่ต้องลงทุนใหม่นะคะ ทุกอย่างมีหมดแล้ว) เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุด สามีเห็นดีด้วย จึงไปบอกแม่เขา เราอยู่บ้านสามีค่ะ คำตอบที่ได้จากแม่คือ ไม่ให้ขาย เพราะจะเก็บไว้ให้คนอีนเช่า ถ้าจะขายให้จ่ายเงินเซ้งร้านมา 38,000.- เท่าที่เจ้าเดิมติดหนี้ไว้ เราอยากขายมาก สามีพูดกับเราว่า แม่ไม่ให้จะทำไงได้ เขาจะไม่ยอมพูดอะไรให้แม่เขาเสียความรู้สึกแม้แต่น้อยค่ะ เราก็แบบ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เราจะตั้งโต๊ะขายกาแฟสด แบบ slowbar หน้าบ้าน เพราะยังมีพื้นที่หน้าบ้านอีกที่ใช้ขายของได้
สามีก็ไปขออนุญาตแม่ เพื่อขอพื้นที่ตรงที่ว่าง คำตอบคือ น้องอ่ะ บอกให้คนมาเช่าขายลูกชิ้นทอดแล้ว กูให้ไม่ได้หรอก
ตอนนี้ ซุ้มกาแฟไม่มีคนเช่าค่ะ ซุ้มก่าแฟโบราณว่าง สามีก็ไปขออนุญาตอีกรอบให้เราขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์ และวันหยุด แม่สามีก็บอกว่า กูขายเอง อายุ 73 แล้วค่ะ สามีบอกว่าทำไม่ไหวหรอก เขาก็บอกว่าทำไหว ทั้ง ๆ ที่ เช้า ขายแกงถุง (สามีเราทำให้แม่ไปขาย) สาย ๆ ขายบาร์บีคิว กับ กาแฟโบราณ (เรา กับลูกเรา เสียบเตรียมไว้ให้ตั้งแต่กลางคืน) ส่วนร้านกาแฟ สามีเราเป็นคนเตรียมให้ทุกอย่างเหมือนกัน แม่มีหน้าที่ขายอย่างเดียว
ที่บ้านแม่ไม่ได้ลำบากค่ะ มีเงินเก็บเยอะกว่าเราด้วยซ้ำค่ะ เพราะที่บ้านทำบ้านเช่า แต่เรากับสามีคือ แทบไม่มีเงินกันเลยจะตายอยู่แล้ว เราเลยคุยกับสามีว่า เราจะกลับไปขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้านเรา มาช่วยเหลือครอบครัว สามีก็ไม่ได้ว่าไร แค่บอกว่า เขาก็ทิ้งแม่เขาไปไม่ได้ เหมือนกัน หากเราอยากกลับไปก็ได้ แต่เขาไม่กล้าพูดเรื่องขายของอีกแล้ว กลัวแม่เสียใจ
เราตัดสินใจถูกมั้ยคะ ทุกคน หรือเราควรทำอย่างไรดีคะ
ปล. สามีเรา และ เรา ช่วยกันดูแลแม่เป็นอย่างดีค่ะ ไม่เคยปล่อยให้เขาทำอะไรเอง สามีเรา กับ เรา ทำให้ทุกอย่าง