รีวิว Spider-Man: No Way Home : จงเติบโตขึ้นผ่านอดีตกับปัจจุบันที่ถูกร้อยเรียงอย่างงดงาม (มีสปอย)

   ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่หนังเข้าฉายในบ้านเรา และทางออฟฟิศเชียลของมาร์เวลก็มีการประกาศปลดสปอยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นเท่ากับว่า เราสามารถพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังได้อย่างไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วนั่นเอง (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถพูดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น) ซึ่งหากจะรีวิวโดยการต้องพูดอ้อมไปอ้อมมาเพื่อจะไม่แตะต้องประเด็นของการปรากฎตัวของ "สไปเดอร์แมนทั้ง 3 คน" มันก็คงเป็นการรีวิวที่อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย

   หากใครที่ติดตามข่าวของสไปเดอร์แมนภาคนี้ ตั้งแต่ตัวอย่างแรกที่ปล่อยออกมา รวมถึงพล็อตเรื่องที่มันชวนให้ตั้งคำถามว่า ภาคนี้จะมีการปรากฏตัวของสไปเดอร์แมนรุ่นพี่อย่างโทบี้ แม็กไกวร์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ หรือไม่ ซึ่งแน่นอนทางมาร์เวลก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับอย่างที่สุด ขนาดตัวของทอม ฮอลแลนด์เอง กว่าจะรู้เรื่องนี้ก็ต้องรอให้ถึงตอนถ่ายเลยทีเดียว โดยคนที่ต้องรับมือกับคำถามเรื่องนี้มากที่สุด คือ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เพราะว่าตัวเขาในช่วงนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการเดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาอยู่ แน่นอนว่าสื่อเองก็ต้องถามถึงเรื่องที่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวอยู่ในสไปเดอร์แมนภาคล่าสุดด้วยหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้ และต้องชื่นชมแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และคนอื่นๆ ที่ยอมปิดบังเรื่องนี้จนวินาทีสุดท้ายเพื่อให้พวกเราได้รับอรรถรสอย่างเต็มที่ในโรงภาพยนตร์นั่นเอง 

  โดยเหตุการณ์ใน Spider-Man : No Way Home จะเป็นการดำเนินเรื่องต่อจากภาคที่แล้วอย่าง Far From Home แบบต่อเนื่องทันที หลังจากการถูกเปิดโปงตัวจริงภายใต้หน้ากาก ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ที่ถูกสังคมตามจับตามองตลอด 24 ชั่วโมง จนไม่เป็นอันทำอะไร หนำซ้ำยังทำให้คนรอบข้างของเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย ทางออกเดียวที่ทำได้ คือการไปขอให้จอมเวทย์ที่เคยร่วมกันกอบกู้จักรวาลเมื่อครั้งก่อนอย่าง ดร.สเตรนจ์ ช่วยลบความทรงจำของผู้คนที่รู้ถึงตัวจริงของเขาออกไป แต่นั่นกลับกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ เมื่อผลของมันทำให้จักรวาลคู่ขนานต่างๆ ถูกเปิดออก และส่งวายร้ายในอดีตที่ต้องการไล่ล่าสไปเดอร์แมนกลับมาอีกครั้ง ปีเตอร์จึงต้องร่วมมือกับเพื่อนๆ เพื่อจัดการกับหายนะครั้งนี้ก่อนที่จะสายเกินไป

  สิ่งที่รู้สึกว่ามาร์เวลยังคงทำได้ดีมาตลอด คือ เรื่องการวางตัวละครให้ถูกที่ถูกทาง ยิ่งโจทย์ในครั้งนี้คือการนำตัวละครจากแฟรนไชส์ก่อนหน้าที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่ก็ยังหาที่ลงให้แต่ละตัวละครได้อย่างแนบเนียนและสอดคล้องกับตัวหนังปัจจุบัน โดยไม่รู้สึกว่ามีใครถูกทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์เลย อีกอย่างหนึ่งก็คือในส่วนของฉากต่อสู้ที่รู้สึกว่าเวลามี ดร.สเตรนจ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเมื่อใด เราจะได้เห็นโลกทัศน์แบบล้ำๆ เสมอ อย่างในคราวนี้ก็เหมือนกัน แม้จะไม่ใช่การต่อสู้ใหญ่ของเรื่อง แต่มันกลับดูตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ฉากใหญ่ๆของเรื่องเลยทีเดียว
   ในส่วนของการเล่าเรื่อง ช่วงแรกหนังจะออกไปในทางซีรี่ย์วัยรุ่นสักหน่อย ในเรื่องของการจัดการกับปัญหาจากภาคที่แล้ว ซึ่งทำให้เราได้เห็นถึงความเป็น "เด็ก" ของปีเตอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังคงเป็นประเด็นหลักของเรื่องที่ว่าด้วยการเติบโตทางความคิดของเขา ด้วยความคิดน้อย และไม่รอบคอบนี่แหละ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเรียกได้ว่า "ทั้งจักรวาล" ของมาร์เวลหลังจากนี้เลย และต่อมาเหมือนว่าตัวหนังจะทำให้เรารู้สึกโล่งใจ ที่ปีเตอร์และพรรคพวกเหมือนจะคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่นั่นแหละความโล่งใจบวกกับความมั่นใจในตัวเองของปีเตอร์ที่กลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัส และสิ่งที่จะเปลี่ยนปีเตอร์ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้ก็มีแต่ตัวของปีเตอร์(จากจักรวาลอื่น)เองเท่านั้น

  มาถึงไฮไลท์ที่ยังไงก็ต้องพูดถึงอย่าง "สไปเดอร์แมน 3 คน" ที่แม้ว่าหลายคนจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็ทรงพลังกว่าที่คิดไว้มากนัก อย่างที่บอก นี่ไม่ใช่การเอามาใส่อย่างลวกๆ เพื่อทำตามคำเรียกร้องของแฟนๆแต่อย่างใด แต่คือการคิดอย่างรอบคอบที่เป็นจุดขายของมาร์เวลอยู่แล้ว ซึ่งการปรากฏตัวของสไปเดอร์แมนรุ่นพี่ทั้งสองอย่างโทบี้ แม็กไกวร์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (ที่ฟังดูเหลือเชื่อแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว) ที่ในแง่หนึ่งคือ การมาช่วยชี้นำตัวของปีเตอร์ ทอม ฮอลแลนด์ ในฐานะรุ่นพี่ และช่วยต่อสู้กับวายร้ายที่หลุดเข้ามา แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันคือการเติมเต็มและแก้ไขความผิดพลาดในอดีต ที่ในหนังบอกว่า "ทุกคนควรมีโอกาสที่สอง" ทั้งเหล่าวายร้ายและสไปเดอร์แมนเองก็ล้วนแต่เคยมีเรื่องผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ใจว่านี่คือเหตุบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเหตุการณ์ในครั้งนี้มันเป็นการร้อยเรียงเรื่องราวที่ดูเหมือนจะไม่มีทางบรรจบกันได้เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างงดงามและน่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

  และในอีกแง่หนึ่ง ไม่ว่าแต่ละคนจะมีความเห็นต่อสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นโทบี้ แม็กไกวร์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ต่างกันออกไปอย่างไรก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันได้กลายเป็นสิ่งที่ยกระดับคุณค่าของทั้งสองเวอร์ชั่น ดั่งไวน์ที่ถูกบ่มไว้จนได้ที่ และถูกเปิดมาดื่มในเวลาที่แสนวิเศษ ซึ่งในเวลานี้เรายกย่องทั้งสามเวอร์ชั่นเป็นสไปเดอร์แมนที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย
 
  ว่าถึงเรื่องที่อาจจะหลายคนอาจจะข้องใจกับการตัดสินใจของปีเตอร์ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆขึ้น แต่ถ้าเราเข้าใจบุคลิกของปีเตอร์จริงๆ เขาก็ตัดสินใจในแบบที่เป็นตัวเองอย่างสุดๆ ทั้งอยากจะช่วยคนอื่นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง หรือเอาแต่ใจด้วยก็ตาม ซึ่งคนที่น่าจะต้องถูกตำหนิจริงๆ ควรจะเป็น ดร.สเตรนจ์มากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งที่ตัวเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับไม่ห้ามและยอมทำตามคำขอของปีเตอร์ ทั้งที่รู้ผลที่ตามมา (แต่นี่ก็เป็นนิสัยของสเตรนจ์ด้วยนั่นแหละ ที่ชอบทำอะไรแผลงๆ และชอบทดลองเวทย์มนต์อยู่แล้ว เหมือนตอนที่แอบเอามณีเวลามาใช้ในหนังของตัวเองด้วยก็เช่นกัน) 
 
  ด้านฝั่งตัวร้ายที่แม้จะมีการแบ่งบทที่น่าประทับใจ แต่คนที่น่าพูดถึงเห็นจะหนีไม่พ้น วิลเลม เดโฟ หรือ กรีน ก็อบลิน จากสไปเดอร์แมนของโทบี้ แม็กไกวร์ ที่แสดงทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีตแม้แต่น้อย ด้วยการแสดงออกถึงความแปรปรวนทางจิตแบบคนสองบุคลิก ที่ทำให้เราเกลียดและสงสารไปพร้อมๆกัน กลายเป็นตัวละครที่โด่ดเด่นไม่แพ้การปรากฏตัวของสามสไปเดอร์แมน

  และเป็นการเน้นย้ำถึงเหตุผลที่โรงภาพยนตร์ยังคงเป็นสิ่งที่มอบความสุขให้กับผู้คนที่แตกต่างจากการดูในสื่ออื่นๆ เชื่อว่าคนที่ได้รับชมในรอบแรกๆ ที่มีคนเข้าชมเยอะๆ หรือเต็มโรง เสียงเฮในฉากของการปรากฏตัวของแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และโทบี้ แม็กไกวร์ นั้นจะกลายเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย คล้ายๆกับฉาก Avengers Assemble จาก Avengers: Endgame ที่ความรู้สึกร่วมของคนในโรงช่วยเพิ่มความทรงพลังของเรื่องราวจนหลายคนอาจจะต้องหลั่งน้ำตา ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ กับการรับชมภาพยนตร์

  สรุปแล้ว Spider-Man : No Way Home เป็นภาพยนตร์ที่ยกระดับแฟรนไชส์สไปเดอร์แมนทั้งหมดได้อย่างยอดเยี่ยม และเปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ อันมหาศาล รวมทั้งสร้างประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่น่าประทับใจให้กับผู้คนที่ผูกพันกับสไปเดอร์แมนอย่างไม่มีวันลืม 

ฝากเพจน้องใหม่ไว้ด้วยนะครับ ริวิว ภาพยนตร์ อนิเมะ 
Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่