ขึ้นบ้านใหม่ กับตั้งศาลพระภูมิ ทำวันเดียวกันได้หรือไม่

สวัสดีครับ ขออนุญาตเรียนถามท่านสมาชิก หรือผู้รู้ครับ พอดีผมเพิ่งสร้างบ้านเสร็จและมีศาลพระภูมิเก่าที่แม่ตั้งผิด คือหันหน้าเข้าประจันหน้ากับประตูบ้าน และจะต้องมีการทำพิธีถอน และตั้งใหม่ แต่เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้เรียนหนังสือ และย้ายศาลพระภูมิมามากกว่า 7 ครั้งแล้ว และผิดทิศผิดทางมาโดยตลอด ประกอบกับบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างบนที่เดิมก็เพิ่งเสร็จ แต่ผมทำงานอยู่ต่างประเทศ และโควิดทำให้กลับไปได้ไม่นานนัก จึงอยากจัดการทั้งเรื่องขึ้นบ้านใหม่และ ตั้งศาลให้เสร็จพร้อมกันไปเลย จึงอยากเรียนถามว่า ผมสามารถทำพิธีทั้งสองอย่างพร้อมกันในวันเดียวได้หรือไม่ครับ และอันไหนควรทำก่อน ระหว่างตั้งศาลกับขึ้นบ้านใหม่ ขอบพระคุณมากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมจะไม่บอกว่าควรตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ จขกท. และครอบครัว
        ในสังคมไทย ถูกผสมผสารความเชื่อพุทธและพราหมณ์เข้าไป หากพุทธแท้ๆ ก็น้อยเต็มที วัดทั้งหลาย ที่สร้างเทวรูป ก็ต้องทุบทิ้ง ปลุกเสกวัตถุมงคลก็พิธีกรรมพรามหณ์ทั้งนั้น
ตอบตามที่ จขกท. ถามแล้วกัน ตอบจากประสบการณ์ ในช่วงที่บวชเรียน แต่เวลาผ่านมานานแล้วนะครับ
                    ช่วงที่ผมบวช ไปงานเยอะ งานตามศาลเจ้า ขึ้นบ้านใหม่ ยกศาล ทำบุญสวน ฯลฯ

            ทำได้ครับ การตั้งศาลพระภูมิ บางคนใช้พรามหณ์ บางคนใช้ อาจารย์ที่ศึกษามาทางโหรฯ หรือ อาจารย์สำนักต่างๆ  เช่น อาจารย์สุพิศ ศรีราษฎร์. แห่งสำนัก วัดกลางเหนือ จ สมุทรสงคราม เป็นต้น (ปัจจุบันท่านอายุมากแล้ว)  ฯลฯ มีเยอะแล้วแต่ละพื้นที่
            เวลาทำบุญ คนเหล่านี้จะรู้ว่า ให้พระเป็นประธาน
            เขาจะเตรียมเครื่องบวงสรวง โยงสายสิญจน์ ไปที่พระพุทธด้วย
                    หากตั้งศาลพระภูมิ จะนิมนต์พระหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ แต่ละแห่งความเชื่อ แนวปฎิบัติแตกต่างไป
       บางคนทำบุญบ้าน พร้อมตั้งศาลพระภูมิ ถวานสังฆทานไปพร้อมเลย คือ ให้พระเอาบาตรมาใส่ข้าว เจ้าภาพเตรียมอาหารใส่บินโต ถวายไปเลย
สวดเสร็จ เอากลับไปฉันที่วัด ลดการติดเชื้อ
       ช่วงเช้าสวดทำบุญบ้าน  สวดพาหุง สวดพระปริตร ชัยมงคลคาถา ถวายสังฆทาน รับพร
           อาจารย์ทำพิธีตั้งศาลฯ ก็จะเริ่มทำพิธี ที่จริงหลายๆ บทสวด ก็ไม่ต่างจากพระสวด เช่น บทสวดชุมนุมเทวดา
                     สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง  ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ ........ อะไรก็ว่าไป
                     พอตั้งเสร็จ บางพื้นที่ พระก็จะสวดชัยมงคลคาถาเพิ่มให้ เป็นศิริมงคล เป็นอันจบ

     พวกพิธีกรรมความเชื่อ ก็ถูกผสมผสาน หากแปลความได้ก็จะดีและเข้าใจกุศโลบาย เข้าใจปริศนาธรรม หากฟังไม่รู้ ก็จะคล้อยไปตามพิธีกรรม
    
ปกติทำบุญบ้าน พระก็จะสวดบท ชุมนุมเทวดา  เป็นบทขัดสัคเค
            เช่น  ...... สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัต์ราคัจฉันตุ เทวะตา......  
          สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน, ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต,
         ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา,  ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ.

                 สอนธรรม ให้เจ้าภาพและคนมาทำบุญ ได้สำนึกและตระหนักว่า
ข้าพเจ้า ขออัญเชิญหมู่เทวดาทั้งหลาย ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นกามภพก็ดี รูปภพก็ดี และขอเชิญภุมเทวดาทั้งหลาย ผู้สิงสถิตอยู่บนยอดเขาและที่หุบเหวก็ดี ที่วิมานบนอากาศ ก็ดี ที่เกาะก็ดี ที่แว่นแคว้นก็ดี ที่บ้านก็ดี ที่ต้นไม้ใหญ่และป่าชัฏก็ดี ที่เรือนก็ดี ที่ไร่และนาก็ดี รวมถึงยักษ์ คนธรรพ์ และพญานาค ที่อาศัยอยู่ในน้ำ บนบกที่ลุ่ม ที่ดอนทั้งหลาย จงมา ประชุมกัน ขอเทวดาผู้เป็นสาธุชนทั้งหลาย ผู้มายืนอยู่ ณ ที่ใกล้แล้ว จงสดับคำสอนอันประเสริฐ ของพระมุนี จากข้าพเจ้า.
                  แต่แท้จริงแล้ว ได้ซ่อนปริศนาธรรมไว้ เพื่อบอกว่า
            จะหนีอื่นหมื่นแสนในแดนโลก  จะย้ายโยกหลบลี้หนีพ้นได้
            แต่หนีหนึ่งซึ่งมีชื่อคือความตาย   หนีไม่ได้ใครไม่พ้นสักคนเดียว
            จะซ่อนกายในกลีบเมฆกลางเวหา  ซ่อนกายาในสมุทรสุดวิสัย
             จะซ่อนตัวในหุบเขาเลาเนาไพร    ณ ถิ่นใดพ้นตายนั้นไม่มี
                          ก็มีที่มาจากเรื่องเล่าในตำนาน พระพุทธองค์โปรดพกาพรหม
ภาพนี้ จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 109 ธันวาคม 2552 โดยกานต์ธีรา

      เรื่องนี้ไม่มีในพระไตรปิฎกนะครับ เป็นเล่าต่อกันมา
                การตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่  ก็เป็นอุบายของคนในสมัยก่อน ว่า ให้ทำสิ่งดี ทำบุญให้เนืองๆ เวลาทำบุญ ทำสิ่งเป็นมงคล ก็จะมีเทวดามา สดับฟังธรรมด้วย ทางพระก็เลยปรับอุบาย ให้มีบทชุมนุมเทวดา ==> เมื่อเข้าใจปริศนาธรรมแล้ว จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้นะครับ
                
                  พระเอง เมื่อสวดชุมนุมเทวดาแล้ว สวดพระปริตรแล้ว ฯลฯ ก็ต้องสวดส่งเทวดาด้วย คือ บอกว่างานจบแล้ว แต่ท่านจะอยู่ต่อหรือจะไปไหนต่อก็แล้วแต่ท่านนะครับ
               พระก็จะสวด  เทวะตาอุยโยชะนะคาถา ส่งแขกพิเศษนะครับ  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
         คือความว่า ให้พ้ทุกข์ พ้นโศกตามสมควรกับกุศลกรรมที่ทำมา ขอท่านเทดาทั้งหลายอนุโมทนา ให้พร มนุษย์ทั้งหลายจงให้ทาน รักษาศีล  แบ่งปันด้วยใจ เทพทั้งหลายเชิญกลับได้ โดยอ้างพระพุธเจ้า เพื่อให้เทพเกรงใจ ต้องกลับ ฮ่าๆๆ

         เมื่อเข้าใจที่มาของปริศนาธรรม ของบรรพชนแล้ว ทำหรือไม่ทำ ก็เลือกเอา
             หาก จขกท. ทำบ้านให้แม่ แม่มีความเชื่อเหล่านี้ ก็วางอุบายให้ท่านใส่บาตร สัปดาห์ละหนสอหนก็ยังดี ขนมผลไม้มีก็แบ่งปันเด็กๆ ในหมู่บ้าน แล้วทำบุญกรวดน้ำ แบ่งปันบุญนี้ให้คนอื่นๆ เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งหมายรวมถึงคนที่ไม่ชอบเรา และเราไม่ชอบเขา ให้อโหสิต่อกัน แบ่งบุญให้พระภูมิ-เจ้าที่ ให้ พระภูมิ-เจ้าที่ เป็นเครื่องมือ ในการปลดปล่อยอคติ ความแค้น ความโกรธ พยาบาทต่างๆ ให้เบาบางลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่