คนทำ QE กับคนสร้าง Bitcoin ใครฉลาดกว่ากันครับ

QE ต้องใช้ความเชื่อมั่นพิมพ์เงินเป็นเป็นเข่งเป็นกระบุงส่งออก แต่ทุกดอลล่าร์ทุกเซนต์ที่ออกไปมีภาระผูกพันธ์เมื่อออกไปอย่างมีค่ากลับมาก็ต้องแลก
ไอโฟนได้ หมายความว่าต้องพร้อมแลกด้วยทรัพยากรที่ตนเองมีและผลิตได้ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแค่กระดาษธรรมดา เงินเหล่านี้เมื่อถึงมือกลุ่มคนที่มี
ศักยภาพที่มีมายมายในประเทศก็หมายถึงกำลังทรัพย์ที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นผลงานนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรถยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ เมตาเวิร์ส ฯลฯ เกิดการผลิต คนมีงานทำ เงินหมุนเวียนสร้างมูลค่า พยุงเศรษฐกิจปากท้องของประเทศก่อนลด QE ลงเมื่อทุกอย่างลงตัว เงินตัวเอง ทรัพยากรตัวเอง เพื่อปากท้องของตัวเอง

Bitcoin ต้องใช้ความเชื่อมัน อ่านไม่ผิดครับตั้งใจพิมพ์คำว่า "เชื่อมัน" จริงๆ อุปโลกน์เหรียญมโน ทำโลโก้บ๊องๆให้ชื่อบ้าๆบอ สัตว์บ้าง อาหารบ้าง
dogcoin shiba sushi ดีนะยังไม่มี buffalocoin แบบคาราบาวมีเขาสองอันบนหัว เพื่อความน่าเชื่อถือก็ใส่สตอรี่เข้าไปว่ามันสร้างจากใครก็ไม่รู้
หลุดพ้นจากทุกอย่างสร้างโดยคนไม่มีที่มานามว่าซาโตชิหรืออะไร ก็ว่ากันไป ยัง ยังน่าเชื่อถือไม่พอก็สร้างเรื่องเข้าไปอีกว่ามันมาพร้อมเทคโนโลยี
การเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่เรียกว่าบล็อกชงบล็อกเชนอะไรสักอย่าง จนผมงงตกลงเขาเรียกมันว่าอะไรกันแน่ คริปโต บิทคอยน์ หรือบล็อกเชน จากนั้น
ก็เอามาขายเหรียญละล้าน สองล้าน คิดดู 21 ล้านเหรียญเป็นเงินเท่าไรหมุนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบสร้างผลิตภาพผลิตผล สร้างเงินงานจากการซื้อขาย
เหรียญมโน สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับกลุ่มผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ อื่นๆอีกมากมาย คอมพ์ก็คอมพ์คนอื่น พลังงานก็พลังงานคนอื่น เงินก็เงินคนอื่น
แต่หมุนอยู่ในกระเป๋าเรา 

 คนอื่นทำนาเลี้ยงงัวเลี้ยงหมู เผชิญฝนแล้งปุ๋ยแพงบ้าง อาหารสัตว์แพงมั่ง บ้างก็โรคระบาด ขาดทุนแล้วขาดทุนอีกกู้แล้วกู้อีก 
แต่เรานั่งปั่นโลหะกาศ เหรียญอิเล็กทอนิกส์ นั่งไขว่ห้างรับทรัพย์สบายๆ เหนือจนไม่รู้จะเหนือยังไง
...เชื่อแล้วว่าโลกนี้มีพ่อมด(การเงิน)จริงๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่