คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
สวัสดีค่ะ เราอยากแนะนำ จขกท เรื่องการเรียนต่อต่างประเทศค่ะเพราะตอนที่เราตัดสินใจมาเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เราเป็นเหมือน จขกท ทุกอย่างเลยค่ะ
เรามาออสเตรเลียตอนอายุ 25 ค่ะด้วยวีซ่านักเรียน เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเราที่ต้องตัดสินใจในช่วงอายุตอนนั้นเพราะเรามีงานที่เราชอบและทำประจำอยู่เงินเดือน 30k++ มีคอนโดที่ต้องผ่อน และรถยนต์ที่ยังผ่อนอยู่ 1 คันค่ะ กว่าจะตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่ไทยแล้วมาเริ่มต้นตามความฝันที่ต่างแดนมันยากที่สุดค่ะ กลัวการเปลี่ยนแปลงด้วย
การมาใช้ชีวิตต่างแดนจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากขึ้นอยู่กับทัศนคติและการปรับตัวของเราด้วยค่ะ เรามาด้วยวีซ่านักเรียนด้วยการสปอนต์เซอร์ตัวเองค่ะ มาเรียนภาษา 1 ปีแล้วตัดสินใจต่อวีซ่าสายวิชาชีพค่ะ เราเรียนต่อพยาบาลที่ออสเตรเลีย 2 ปีและทำงานในสายงานการพยาบาลค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนต่อทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หาเงินจ่ายค่าเทอมวนไปค่ะ เพื่อที่จะได้อยู่ต่ออย่างถูกกฎหมายที่นี่ ตอนนี้ก็ 7 ปีแล้วค่ะ คอนโดและรถยนต์ที่ไทยตัดสินใจขายตั้งแต่สองปีแรกที่ย้ายมาค่ะ เพราะคิดว่าอยากอยู่ออสเตรเลียมากกว่าไทย ถือว่าไปตายเอาดาบหน้า เราเรียนของเราไปเรื่อยเปื่อยที่ออสเตรเลียเพื่อหาตัวเองให้เจอและงานที่ชอบค่ะ ทำทุกอย่างงานเสริฟ งานในครัว งานคาเฟ่ งานนวด งานพยาบาล งานช่วยเหลือคนพิการ มันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจแต่ถ้าเรามั่นใจเราก็ทำได้ค่ะ
เรามีเพื่อนผู้หญิงหลายคนค่ะที่มาจากไทยและต่างชาติมาเรียนสายอาชีพ เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟ ช่างก่อสร้าง ช่างเสริมสวย ในระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วยค่ะ เพื่อจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าบ้านค่าเรียนค่ากินอยู่ ก็อยู่กันจนเรียนจบและมีงานทำค่ะ แต่แต่ละคนสู้งาน งานไหนมีไปหมด ไม่เกี่ยงงานหรือชอบลาหยุด ใจสู้กันมากเลยค่ะ
ในทุกทุกการตัดสินใจมันมีความเสี่ยงเสมอ อยากให้ จขกท ลองชั่งใจและตัดสินใจดีดีก่อนมาใช้ชีวิตต่างแดนนะคะ อายุ 27 ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มเรียนใหม่ค่ะ ผลวีซ่าไม่ได้ตัดสินจากอายุ แต่ตัดสินจากโรงเรียนที่เราเลือก เหตุผลที่เราลงเรียน และเงินที่โชว์ในบัญชีค่ะ
หวังว่าคอมเม้นจะมีประโยชน์กับ จขกท นะคะ
เรามาออสเตรเลียตอนอายุ 25 ค่ะด้วยวีซ่านักเรียน เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเราที่ต้องตัดสินใจในช่วงอายุตอนนั้นเพราะเรามีงานที่เราชอบและทำประจำอยู่เงินเดือน 30k++ มีคอนโดที่ต้องผ่อน และรถยนต์ที่ยังผ่อนอยู่ 1 คันค่ะ กว่าจะตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่ไทยแล้วมาเริ่มต้นตามความฝันที่ต่างแดนมันยากที่สุดค่ะ กลัวการเปลี่ยนแปลงด้วย
การมาใช้ชีวิตต่างแดนจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากขึ้นอยู่กับทัศนคติและการปรับตัวของเราด้วยค่ะ เรามาด้วยวีซ่านักเรียนด้วยการสปอนต์เซอร์ตัวเองค่ะ มาเรียนภาษา 1 ปีแล้วตัดสินใจต่อวีซ่าสายวิชาชีพค่ะ เราเรียนต่อพยาบาลที่ออสเตรเลีย 2 ปีและทำงานในสายงานการพยาบาลค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนต่อทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หาเงินจ่ายค่าเทอมวนไปค่ะ เพื่อที่จะได้อยู่ต่ออย่างถูกกฎหมายที่นี่ ตอนนี้ก็ 7 ปีแล้วค่ะ คอนโดและรถยนต์ที่ไทยตัดสินใจขายตั้งแต่สองปีแรกที่ย้ายมาค่ะ เพราะคิดว่าอยากอยู่ออสเตรเลียมากกว่าไทย ถือว่าไปตายเอาดาบหน้า เราเรียนของเราไปเรื่อยเปื่อยที่ออสเตรเลียเพื่อหาตัวเองให้เจอและงานที่ชอบค่ะ ทำทุกอย่างงานเสริฟ งานในครัว งานคาเฟ่ งานนวด งานพยาบาล งานช่วยเหลือคนพิการ มันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจแต่ถ้าเรามั่นใจเราก็ทำได้ค่ะ
เรามีเพื่อนผู้หญิงหลายคนค่ะที่มาจากไทยและต่างชาติมาเรียนสายอาชีพ เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟ ช่างก่อสร้าง ช่างเสริมสวย ในระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วยค่ะ เพื่อจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าบ้านค่าเรียนค่ากินอยู่ ก็อยู่กันจนเรียนจบและมีงานทำค่ะ แต่แต่ละคนสู้งาน งานไหนมีไปหมด ไม่เกี่ยงงานหรือชอบลาหยุด ใจสู้กันมากเลยค่ะ
ในทุกทุกการตัดสินใจมันมีความเสี่ยงเสมอ อยากให้ จขกท ลองชั่งใจและตัดสินใจดีดีก่อนมาใช้ชีวิตต่างแดนนะคะ อายุ 27 ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มเรียนใหม่ค่ะ ผลวีซ่าไม่ได้ตัดสินจากอายุ แต่ตัดสินจากโรงเรียนที่เราเลือก เหตุผลที่เราลงเรียน และเงินที่โชว์ในบัญชีค่ะ
หวังว่าคอมเม้นจะมีประโยชน์กับ จขกท นะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เริ่มต้นจาก ทำมัยถึงต้องมีรถถึง 2คัน ไม่ขายทิ้งไปละครับ จะได้รีบปิดหนี้ กยศ
อายุ 27 ขอวีซ่านักเรียนเริ่มยากแล้วนะครับ green lotto ก็คือ lotto ดวงล้วนๆ
ไปชีวิตต่างแดน ยังไง immigrant ก็คือ immigrant ยกเว้นคุณจะอัพสเกล พัฒนาความสามารถ มีความรู้ ข้ามฝากจาก blue ไปอยู่โซน white ให้ได้
ถ้ามองอย่างนี้ ลองพัฒนาตัวเองก่อน คอร์สออนไลน์ดีๆโตไวมาก ยิ่งโควิด ยิ่งเจอคอร์สดีๆมาเปิดออนไลน์ เผลอๆจะเจอหนทางใหม่ๆ
ถ้างานที่ทำอยู่มันกดดัน มันเครียด ก็หางานใหม่
ผมไม่ทราบและไม่ทางเข้าใจนะครับว่าคุณกำลังเจอกับอะไรหรือมีเหตุผลอะไร แต่ผมเชื่อว่าคุณผ่านไปได้ คิดและไตร่ตรองดีๆ วางแผนให้รอบครอบกว่านี้ อย่ามองในมุมเดียว อย่าให้ประเมินสถานการณ์ดีเกินกว่าที่เป็นจริง
ไม่ว่าคุณจะปรึกษาใครว่าทำได้ โอกาสมี จงจำไว้ ไม่มีใครเล่าด้านแย่ๆให้คนอื่นฟังหรอก โลกมันก็แค่ที่ที่คนใส่หน้ากาก หันด้านที่ดีเข้าหากัน
อายุ 27 ขอวีซ่านักเรียนเริ่มยากแล้วนะครับ green lotto ก็คือ lotto ดวงล้วนๆ
ไปชีวิตต่างแดน ยังไง immigrant ก็คือ immigrant ยกเว้นคุณจะอัพสเกล พัฒนาความสามารถ มีความรู้ ข้ามฝากจาก blue ไปอยู่โซน white ให้ได้
ถ้ามองอย่างนี้ ลองพัฒนาตัวเองก่อน คอร์สออนไลน์ดีๆโตไวมาก ยิ่งโควิด ยิ่งเจอคอร์สดีๆมาเปิดออนไลน์ เผลอๆจะเจอหนทางใหม่ๆ
ถ้างานที่ทำอยู่มันกดดัน มันเครียด ก็หางานใหม่
ผมไม่ทราบและไม่ทางเข้าใจนะครับว่าคุณกำลังเจอกับอะไรหรือมีเหตุผลอะไร แต่ผมเชื่อว่าคุณผ่านไปได้ คิดและไตร่ตรองดีๆ วางแผนให้รอบครอบกว่านี้ อย่ามองในมุมเดียว อย่าให้ประเมินสถานการณ์ดีเกินกว่าที่เป็นจริง
ไม่ว่าคุณจะปรึกษาใครว่าทำได้ โอกาสมี จงจำไว้ ไม่มีใครเล่าด้านแย่ๆให้คนอื่นฟังหรอก โลกมันก็แค่ที่ที่คนใส่หน้ากาก หันด้านที่ดีเข้าหากัน
แสดงความคิดเห็น
หมดไฟ อยากลองเปลี่ยนทางเดินชีวิต แต่กลัวเพราะมีภาระ
หนี้สิน รถ 2 คัน + กยศ ประมาณ 650,000 บาท
ทำงานนี้มาเกือบ 4 ปี รู้สึกเบื่อ กดดัน หมดไฟ อิ่มตัว
ไม่มีความฝัน ไม่เคยตั้งเป้าหมายแบบจริงๆจังๆ
แต่ครั้งหนึ่งได้เจอเพื่อน ชี้ทาง และอยู่กับเป้านี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว
คือการไปเรียนต่อ และหางานทำที่ต่างประเทศ
เราอยากจะเสี่ยง เพื่อให้ตัวเองได้ไป ไปแบบถูกกฎหมาย ทิ้งทุกอย่างที่นี่ และเริ่มใหม่
เป้าหมายคือ เรียนภาษา และเรียนต่อสายวิชาชีพ ด้านไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ ค่อนข้างน่าสนใจ แต่ไม่ถึงกับมากเพราะไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร
เราเป็นเพศหญิง ตอนสมัยจบ ม.3 อยากลองไปทางสายอาชีพ แต่พ่อแม่ไม่อยากให้เรียน ไม่ใช่เพราะมันไม่ดี แต่ภาพลักษณ์ ณ ตอนนั้น สายอาชีพถูกมองไม่ดี ไม่อยากให้ลูกได้ไปอยู่ในบรรยายกาศนั้น เราเรียนสายศิลป์ ต่อด้วย ป.ตรี นิติศาสตร์ จบออกมาแบบอดทน ถึงได้รู้ไม่ใช่ทาง ความศรัทธาหมดไปกับความจริงที่เจอ
ที่อยากเริ่มใหม่ด้วยอายุที่เกือบจะเยอะ และสายอาชีพเพราะตอนนี้ยังเข้าใจว่า ต่างประเทศน่าจะเปิดกว้างสายงานนี้ มากกว่าไทยในเรื่องของการทำงาน สำหรับผู้หญิง
ตั้งใจจะทำงานต่ออีกปีและลาออก พุ่งเป้าไปนอก อาจจะด้วยวีนักเรียน ถ้าได้ work and holiday หรือ green grad lotto ก็ดี โดยอาจจะมีเงินสัก 150,000 เป็นทุน พยายามเก็บอยู่ หากไม่พอจะเอารถรีไฟแนนซ์ น่าจะช่วยได้ระดับหนึ่ง และไปเสี่ยงชะตาดู
มันน่าเสี่ยงไหม เงินทุนน้อย แต่อยู่ต่อไปเพื่อเก็บเงินมันก็ได้เพิ่มไม่เท่าไหร่ แถมอายุเราก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ถ้า 30 ไป ทำอะไรก็ยาก
มีแฟน แต่ไม่มีอะไรผูกมัด มีแค่พ่อกับแม่ ยังแข็งแรงดี ไม่ได้ส่งเงินให้ แต่ผ่อนงวดรถให้ท่าน 1 คัน อีกคันของเรา ไม่ได้อยากทิ้ง อยากดูแลแหละ แต่ถ้ารอให้ตัวเองได้มีชีวิตเป็นของตัวเองช้าไป กลัวจะเสียใจ ส่วนเรื่องหนี้สิน ตั้งใจว่าจะสำรองไว้ 3 เดือน เพื่อจ่าย และระหว่างนั้นจะหางานทำที่โน้นให้ได้และเก็บเงินส่งเงินมาใช้หนี้
พ่อแม่ไม่มีเงินให้ เราต้องซัพพอร์ตตัวเองทั้งหมด
วางแผนระดับหนึ่ง ซึ่งเสี่ยงมาก แต่ถ้ามัวแต่กอดงานเอาไว้ เพราะสถานการณ์โควิด กลัวว่าจะต้องเสียใจมากกว่า
โอกาสโตในงานมี แต่ไม่อยากทำ มันหมดแล้วจริงๆ จนหัวหน้าพูดว่าทำดีมา 3 ปี และตอนนี้จะเทหรอ ในใจตอบไป ใช่ค่ะ 55555
เครียดมาก ใจมันอยากไปๆ แต่ก็กลัว มันควรเสี่ยงไหม ใครเป็นเหมือนกันบ้าง แชร์ๆทางเดินของแต่ละคนให้หน่อย พี่ๆที่ผ่านช่วงชีวิตมา หรือเพื่อนที่กำลังมองหาเส้นทางใหม่ อยากได้ตัวอย่างเพื่อสามารถเอามาปรับกับ แผน หรือความคิดตัวเองได้