คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมคิดว่าจุดเริ่มต้นของการเขียนนิยายทุกเรื่องคือเราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า "เราอยากเขียนเรื่องนี้เพราะอะไร" ครับ
คำตอบของคำถามนี้แหละครับที่จะนำเราไปสู่นิยายยาวๆหนึ่งเรื่องได้
แรงบันดาลใจในการสร้างนิยายแต่ละเรื่องของผมมีที่มาจากเหตุผลต่างกัน มีตั้งแต่
"เคยเรียนซัมเมอร์ที่อิตาลี 1 เดือน อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่อยู่"
"ชอบฟังเนื้อหาในเพลงนี้ เอามาสร้างเรื่องยังไงดีนะ"
"ชอบดาราจีน 2 คนนี้ ทั้งคู่ต่างคาแรคเตอร์ มีอายุห่างกันจนเป็นแม่เป็นลูกกันได้ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าพวกเขามาเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ ?"
ไม่แน่ใจว่าตามตำราสอนเขียนนิยายเขาแนะให้ทำยังไงบ้าง แต่ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรตายตัวครับ นิยายบางเรื่องนักเขียนอาจจะคิดฉากได้ก่อน (เช่น อยากใช้ฉากสถานที่ที่เคยไปมาเขียนเรื่อง) บางเรื่องอาจจะคิดพล็อตได้ก่อน (เช่น อยากแต่งเรื่องแนวรักสามเส้า รักต่างวัย) บางเรื่องอาจจะคิดตัวละครเอกได้ก่อน (อยากมีพระเอกนิสัยแบบคนที่ชอบ) แล้วแต่ว่าเรื่องนั้นจะใช้อะไรเป็นแรงบันดาลใจครับ
พอได้หลักยึดแล้วว่า "อยากเขียนเกี่ยวกับสิ่งนี้" ผมก็จะค่อย ๆ คิดเนื้อเรื่อง คิดตัวละคร องค์ประกอบที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องไปทีละส่วน ทางที่ดีแนะนำว่าควรศึกษารูปแบบการวางพล็อตนิยายที่เรียกว่า พล็อตแผนภาพสามเหลี่ยม ที่จะสอนจุดเริ่มเรื่อง จุดชนวน ไคลแมกซ์ ฯลฯ เอาไว้อย่างละเอียดว่าในแต่ละขั้นตอนควรมีเนื้อเรื่องแบบไหน จะง่ายต่อการวางเนื้อเรื่องมากครับ
เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ผมจะคิดและจดไอเดียขึ้นมาในใจว่าส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องแต่ละส่วนคืออะไร ฉากอะไรบ้างที่อยากให้มี ยกตัวอย่างเช่นจุดเริ่มต้นที่นางเอกได้มาพบกับพระเอกเป็นเพราะถูกจับมาที่บ้านหลังหนึ่ง ช่วงกลาง ๆ เรื่องนางเอกไปหลงรักผู้ชายคนใหม่ ท้ายเรื่องผู้ชายคนนั้นทำไม่ดีกับนางเอก พระเอกไปช่วย เลยกลับมารักกันอีกครั้ง ฯลฯ
บางครั้งผมก็มีฉากอยู่ในใจเยอะมาก เยอะจนจำด้วยสมองไม่ไหว เลยต้องอาศัยจดบันทึกไว้ช่วยจำ ทำเป็นไฟล์แยกไว้ต่างหากแบบนี้ :
การวางโครงเรื่องนิยาย สำหรับผมมันเหมือนการเล่นเกมต่อจุดครับ เพราะการที่ผมคิด ฉากที่อยากให้มี เอาไว้หลาย ๆ ฉาก เมื่อถึงเวลาจะทำให้มันต่อเนื่องกัน เราก็ต้องมาวางแผนว่าจากฉากนี้, ตอนนี้ จะไปถึงอีกฉาก, อีกตอน มันควรจะมีอะไรระหว่างทางบ้าง มีเหตุผลอะไรมารองรับไหม เขียนแบบนี้จะดูสมเหตุสมผลหรือเปล่า ฯลฯ
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรทำการบ้าน หาข้อมูลให้เยอะ ก่อนมาเขียนเรื่องใด ๆ ครับ การหาข้อมูลนั้นจำเป็นมากสำหรับการแต่งนิยาย เพราะนอกจากจะทำให้เรื่องของเราสมจริง ดูดีมีสาระแล้ว หลาย ๆ ครั้งมันยังช่วยจุดประกายให้เราคิดได้ว่าควรดำเนินเรื่องยังไงต่อไป
ผมแต่งนิยายเกี่ยวกับเกาะไต้หวัน ศึกษาทั้งค่านิยม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ ของไต้หวัน จนสามารถต่อจุดที่ยังคิดไม่ออกได้ เช่น คนสนิทของพระเอกหักหลังพระเอกเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีบ้านของตัวเอง นางเอกแก่กว่าพระเอกเลยไม่เป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมจีน บ้านพระเอกอยู่ใต้ แต่ตัวเองทำงานอยู่เหนือ ต้องเดินทางหลายชั่วโมง ทำให้นัดเจอคนสำคัญไม่ทัน เป็นต้นครับ
ตอนนี้เรามีเนื้อเรื่องคร่าว ๆ แล้ว หาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว พอเป็นแบบนี้ ผมก็จะลงมือเขียนโครงเรื่องพร้อมกับรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ ว่าแต่ละตอนมีเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนนี้เราจะเล่าอะไร ให้คนอ่านรู้ประมาณไหน สอดแทรกข้อมูลอะไรบ้าง ฯลฯ ไฟล์นี้ผมจะทำไว้เป็นไกด์ไลน์ของตัวเอง พอลงมือแต่งจริง ก็จะต้องคอยดูเนื้อหาในไฟล์นี้ควบคู่กันไปด้วย ว่าต้องเขียนยังไงบ้าง
พอวางโครงเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุดแล้ว คือลงมือแต่งเนื้อเรื่องจริง
วิธีการของผมก็มีทั้งหมดเท่านี้แหละครับ แต่ละเรื่องใช้เวลาวางแผนนานเป็นเดือน นานสุดที่เคยก็ราว ๆ 4 เดือน ก่อนจะเริ่มลงมือเขียนจริง แต่ถึงจะเสียเวลาระหว่างทางไปเยอะ พอเริ่มลงมือแต่งจะรู้สึกว่าอะไรหลาย ๆ อย่างมันง่ายขึ้นมาก ปัญหา writer's block ไม่ค่อยเกิด หรือถ้าเขียนไม่ออกก็เป็นไม่นาน เพราะผมได้ผ่านการคิดวางแผนอย่างถี่ถ้วนมาก่อนแล้ว
ผมไม่ทราบว่าทั้งหมดที่อธิบายมานี้มันยาวและเข้าใจยากเกินไปหรือเปล่า ถ้าคุณยังไม่เข้าใจก็ยินดีอธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นนะครับ ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการแต่งนิยายครับ
คำตอบของคำถามนี้แหละครับที่จะนำเราไปสู่นิยายยาวๆหนึ่งเรื่องได้
แรงบันดาลใจในการสร้างนิยายแต่ละเรื่องของผมมีที่มาจากเหตุผลต่างกัน มีตั้งแต่
"เคยเรียนซัมเมอร์ที่อิตาลี 1 เดือน อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่อยู่"
"ชอบฟังเนื้อหาในเพลงนี้ เอามาสร้างเรื่องยังไงดีนะ"
"ชอบดาราจีน 2 คนนี้ ทั้งคู่ต่างคาแรคเตอร์ มีอายุห่างกันจนเป็นแม่เป็นลูกกันได้ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าพวกเขามาเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ ?"
ไม่แน่ใจว่าตามตำราสอนเขียนนิยายเขาแนะให้ทำยังไงบ้าง แต่ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรตายตัวครับ นิยายบางเรื่องนักเขียนอาจจะคิดฉากได้ก่อน (เช่น อยากใช้ฉากสถานที่ที่เคยไปมาเขียนเรื่อง) บางเรื่องอาจจะคิดพล็อตได้ก่อน (เช่น อยากแต่งเรื่องแนวรักสามเส้า รักต่างวัย) บางเรื่องอาจจะคิดตัวละครเอกได้ก่อน (อยากมีพระเอกนิสัยแบบคนที่ชอบ) แล้วแต่ว่าเรื่องนั้นจะใช้อะไรเป็นแรงบันดาลใจครับ
พอได้หลักยึดแล้วว่า "อยากเขียนเกี่ยวกับสิ่งนี้" ผมก็จะค่อย ๆ คิดเนื้อเรื่อง คิดตัวละคร องค์ประกอบที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องไปทีละส่วน ทางที่ดีแนะนำว่าควรศึกษารูปแบบการวางพล็อตนิยายที่เรียกว่า พล็อตแผนภาพสามเหลี่ยม ที่จะสอนจุดเริ่มเรื่อง จุดชนวน ไคลแมกซ์ ฯลฯ เอาไว้อย่างละเอียดว่าในแต่ละขั้นตอนควรมีเนื้อเรื่องแบบไหน จะง่ายต่อการวางเนื้อเรื่องมากครับ
เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ผมจะคิดและจดไอเดียขึ้นมาในใจว่าส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องแต่ละส่วนคืออะไร ฉากอะไรบ้างที่อยากให้มี ยกตัวอย่างเช่นจุดเริ่มต้นที่นางเอกได้มาพบกับพระเอกเป็นเพราะถูกจับมาที่บ้านหลังหนึ่ง ช่วงกลาง ๆ เรื่องนางเอกไปหลงรักผู้ชายคนใหม่ ท้ายเรื่องผู้ชายคนนั้นทำไม่ดีกับนางเอก พระเอกไปช่วย เลยกลับมารักกันอีกครั้ง ฯลฯ
บางครั้งผมก็มีฉากอยู่ในใจเยอะมาก เยอะจนจำด้วยสมองไม่ไหว เลยต้องอาศัยจดบันทึกไว้ช่วยจำ ทำเป็นไฟล์แยกไว้ต่างหากแบบนี้ :
การวางโครงเรื่องนิยาย สำหรับผมมันเหมือนการเล่นเกมต่อจุดครับ เพราะการที่ผมคิด ฉากที่อยากให้มี เอาไว้หลาย ๆ ฉาก เมื่อถึงเวลาจะทำให้มันต่อเนื่องกัน เราก็ต้องมาวางแผนว่าจากฉากนี้, ตอนนี้ จะไปถึงอีกฉาก, อีกตอน มันควรจะมีอะไรระหว่างทางบ้าง มีเหตุผลอะไรมารองรับไหม เขียนแบบนี้จะดูสมเหตุสมผลหรือเปล่า ฯลฯ
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรทำการบ้าน หาข้อมูลให้เยอะ ก่อนมาเขียนเรื่องใด ๆ ครับ การหาข้อมูลนั้นจำเป็นมากสำหรับการแต่งนิยาย เพราะนอกจากจะทำให้เรื่องของเราสมจริง ดูดีมีสาระแล้ว หลาย ๆ ครั้งมันยังช่วยจุดประกายให้เราคิดได้ว่าควรดำเนินเรื่องยังไงต่อไป
ผมแต่งนิยายเกี่ยวกับเกาะไต้หวัน ศึกษาทั้งค่านิยม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ ของไต้หวัน จนสามารถต่อจุดที่ยังคิดไม่ออกได้ เช่น คนสนิทของพระเอกหักหลังพระเอกเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีบ้านของตัวเอง นางเอกแก่กว่าพระเอกเลยไม่เป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมจีน บ้านพระเอกอยู่ใต้ แต่ตัวเองทำงานอยู่เหนือ ต้องเดินทางหลายชั่วโมง ทำให้นัดเจอคนสำคัญไม่ทัน เป็นต้นครับ
ตอนนี้เรามีเนื้อเรื่องคร่าว ๆ แล้ว หาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว พอเป็นแบบนี้ ผมก็จะลงมือเขียนโครงเรื่องพร้อมกับรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ ว่าแต่ละตอนมีเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนนี้เราจะเล่าอะไร ให้คนอ่านรู้ประมาณไหน สอดแทรกข้อมูลอะไรบ้าง ฯลฯ ไฟล์นี้ผมจะทำไว้เป็นไกด์ไลน์ของตัวเอง พอลงมือแต่งจริง ก็จะต้องคอยดูเนื้อหาในไฟล์นี้ควบคู่กันไปด้วย ว่าต้องเขียนยังไงบ้าง
พอวางโครงเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุดแล้ว คือลงมือแต่งเนื้อเรื่องจริง
วิธีการของผมก็มีทั้งหมดเท่านี้แหละครับ แต่ละเรื่องใช้เวลาวางแผนนานเป็นเดือน นานสุดที่เคยก็ราว ๆ 4 เดือน ก่อนจะเริ่มลงมือเขียนจริง แต่ถึงจะเสียเวลาระหว่างทางไปเยอะ พอเริ่มลงมือแต่งจะรู้สึกว่าอะไรหลาย ๆ อย่างมันง่ายขึ้นมาก ปัญหา writer's block ไม่ค่อยเกิด หรือถ้าเขียนไม่ออกก็เป็นไม่นาน เพราะผมได้ผ่านการคิดวางแผนอย่างถี่ถ้วนมาก่อนแล้ว
ผมไม่ทราบว่าทั้งหมดที่อธิบายมานี้มันยาวและเข้าใจยากเกินไปหรือเปล่า ถ้าคุณยังไม่เข้าใจก็ยินดีอธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นนะครับ ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการแต่งนิยายครับ
แสดงความคิดเห็น
เรากำลังสร้านิยายเรื่องหนึ่งแต่เป็นคนเรียงลำดับข้อมูลไม่ถูกค่ะ
คือเราเป็นคนที่รู้พื้นฐานการแต่งนิยายอยู่พอสมควรค่ะ แต่ติดปัญหาตรงที่เราไม่รู้ว่าอะไรควรเริ่มก่อนหรือเริ่มหลัง อะไรควรทำเป็นอย่างแรกและต่อลงมาให้ไม่งงซึ่งทุกครั้งที่เราจะสร้างนิยายสักเรื่องมักติดปัญหาตรงนี้แหละค่ะ ยกตัวอย่างเช่นควรสร้างพล็อตหรือฉากก่อน ตัวละครความเชื่อมโยงของเนื้อเรื่องอะไรเทือกนี่ะค่ะ เราเป็นคนไม่เก่งเรื่องวางแผนแม้จะทำตามในเน็ตเรากงงอยู่ดี จึงอยากขอคำแนะนำชี้แนะจากผู้มีประสบการณ์ว่าเวลาจะแต่งนิยายสักเรื่องทุกท่านวางแผน วางพล็อต ลำดับข้อมูลยังไงกัน ถ้าให้ดีขอแบบเข้าใจง่ายนะคะ