ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าหมายเลข 1 แห่งอาเซียน กับชีวิต 5 เดือนแรกนั้น ได้สัมผัสสนามเพียงน้อยนิด แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนเกินในสโมสรมากไปกว่า การที่เขาไม่สามารถสื่อสารกับใครได้เลย
วันหนึ่งขณะที่สโมสรอัลเมเรีย มีจัดงานเลี้ยงค็อกเทลร่วมกันทั้งสโมสร ทุกคนจับคู่จับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เขากลับกลายเป็นคนเดียวที่พูดกับใครไม่ได้ เขารู้สึกเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ท่ามกลางเสียงหัวเราะแห่งความสุขของทุกๆ คนภายในทีม เขาได้แต่นั่งนิ่งและยิ้มเจื่อนๆตามคนอื่นไป
“พอนานเข้าๆ เริ่มรู้สึกว่าเราตามเพื่อนไม่ทัน…ทุกๆอย่าง” มุ้ย เริ่มเล่าถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“เราเริ่มรู้สึกแย่กับการไม่เข้าใจสิ่งที่โค้ชต้องการสื่อสารมากขึ้น เราพูดไม่ได้ มันรู้สึกด้อยๆไปเอง เวลามีนัดหมายอะไร เราก็ไม่รู้เรื่อง มันสะสมมาเรื่อยๆ เราก็ยิ่งไม่กล้าคุย แต่ช็อตที่รู้สึกแย่ที่สุด คือ วันที่มีประชุมกันทั้งสโมสร และจัดเป็นค็อกเทลเลี้ยงช่วงเที่ยงวันหลังซ้อมตอนเช้า ทุกคนจับกลุ่มคุยกัน แล้วมีเราอยู่คนเดียว ทั้งสโมสรที่พูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง มันยิ่งแย่กว่าเวลาอยู่ในสนาม”
“ความรู้สึกมันเหมือนโดนปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ทั้งที่เราก็นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ นั่นแหละ เขาพูดอะไรหัวเราะอะไรกัน...เราก็ได้แต่หัวเราะตาม ปัญหาเรื่องภาษามันเริ่มชัดขึ้น”
“กับการฝึกซ้อม ยังคงหนักและสนุก แต่เราเริ่มรู้สึกได้ถึงการไม่ได้รับการยอมรับ หลายครั้งเราวิ่งทำทางสวยๆ ไป แต่เขาก็เลือกจะไม่ส่งบอลให้กับเรา รวมถึงเวลาแข่งด้วย”
“ผมได้ลงน้อยลงเรื่อยๆ บางทีเริ่มไม่มีชื่อเป็นตัวสำรอง และถ้าได้ลงส่วนใหญ่ก็ถูกจับไปเล่นริมเส้นซะมากกกว่า”
แม้เริ่มพบเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากในชีวิตลูกหนังอาชีพบนแดนกระทิงดุ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้จารึกประวัติศาสตร์เอาไว้… วันที่ 5 ธันวาคม 2014 ในศึกโกปา เดล เรย์ หรือชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ของประเทศสเปน รอบ 32 ทีมสุดท้าย ธีรศิลป์ แดงดา ได้ลงสนามพบกับ เรอัล เบติส ทีมจากศึกเซกุนด้า ดิวิชั่น นาทีที่ 5 กีเก้ ซานเชซ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ธีรศิลป์ หลุดเข้าไปยิงประตู กลายเป็นนักเตะคนไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในเวทีลูกหนังของสเปน
“มันน่าจะเป็นการหลุดเดี่ยวที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตนะ (ยิ้ม)”
“มันกดดันมาก เพราะเราเห็นมาแต่ไกลเลยว่ามันหลุดแน่ๆ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกเวลาเล่นที่ไทย ที่เราจะได้มีโอกาสหลุดไปยิงบ่อยๆ มันทำให้เราคิดว่าต้องยิงยังไงดีวะ จะชิบแบบที่เคยทำได้ไหม เฮ้ย! แล้วถ้ามันไม่เข้าล่ะ เราเคยเห็นนักบอลต่างประเทศยิงลอดขาบ่อยๆ ซึ่งที่ไทยไม่ค่อยมีใครทำได้ แล้วเราจะลองทำแบบนั้นไหม ธรรมชาติของผู้รักษาประตูที่นี่เป็นยังไง คือ มันเป็นการหลุดเดี่ยวที่คิดเยอะมาก และสุดท้ายผมก็เลือกยิงธรรมดาๆเข้าไป”
“แต่เกมนั้นไม่ใช่เกมที่ผมรู้สึกประทับใจนะ…ฟุตบอลที่นั่นสปีดบอลมันเร็วมาก พอครึ่งหลัง ผมรู้ตัวเลยว่าพลังระเบิดเราน้อยลง คือ ไม่ได้หมดแรงนะ แต่สปีดมันตก ทั้งที่การซ้อมที่นั่นทำให้เราฟิตมาก แต่ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าเออ...เรายังเล่นได้ไม่ครบ 90 นาทีที่นั่นจริงๆ”
จากนั้นอีกแค่ 4 วัน ฟ้าผ่าลงกลางเมืองอัลเมเรีย...วันที่ 9 ธันวาคม 2014 ฟรานซิสโก โรดริเกซ กุนซือผู้มีส่วนในการตัดสินคว้าตัว “มุ้ย” ไปร่วมทีมที่สเปนถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังแพ้ อิเอบาร์ เละเทะ 2 - 5 เขาเดินเข้ามาลาทุกคนในห้องแต่งตัวด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้า ไม่นานหลังจากนั้นทางสโมสรประกาศแต่งตั้ง ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ เข้ามา งานแรกของเขา คือ การให้ ธีรศิลป์ นั่งชมเกมระหว่างอัลเมเรีย กับเรอัลมาดริด บนอัฒจันทร์...“เอล แดงดา” เริ่มคิดแล้วว่าที่นั่นอาจไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป
“โค้ชใหม่ (ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ) เขาไม่ได้เป็นคนต้องการตัวเรามาตั้งแต่แรกเหมือนกับ ฟรานซิสโก โรดริเกซและภาระหน้าที่ของเขา คือ การเข้ามาพาอัลเมเรียรอดตกชั้น”
“การสื่อสารระหว่างผมกับเขา มันแย่กว่าตอนฟรานซิสโกอีก ยิ่งพอแต่ละแมตช์มันต้องตึงเครียดมากขึ้น เขาก็ยิ่งไม่มีเวลามาสนใจเรา มานั่งสื่อสารกับเรา เขาต้องการคนที่พูดได้ ปลุกใจได้เลย พูดแล้วเข้าใจแทคติกได้เลย”
“เรารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้ต้องการตัวเรา มันต่างกับตอนฟรานซิสโก ที่เรารู้ตั้งแต่แรกว่าเขามีส่วนตัดสินใจเลือกผมเข้าสู่ทีมจริงๆ”
“ทุกๆอย่างมันรวดเร็ว ทางสโมสรเมืองทองฯ ได้ติดต่อพูดคุยถึงการขอยกเลิกสัญญายืมตัว ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะได้เราช่วยต่อ มันก็ยิ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการเรา”
1 มกราคม 2015 พันจ่าอากาศเอก ประสิทธิ์ แดงดา ออกมายืนยันว่าลูกชายกำลังจะเก็บกระเป๋ากลับเมืองไทย ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเกมที่เอสตาดิโอ เด โลส โกส เมดิเตร์เรเนียน เมื่อวันที่ 11 มกราคม กับ เซบีญ่า ที่เต็มไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง เกลวิน การ์เมโล่, การ์โลส บัคก้า และ ยาโก อัสปาส กลายเป็นสัมผัสสุดท้ายอย่างเป็นทางการของเขากับชีวิตที่ประเทศสเปน
“เกมกับเซบีญ่า ผมถูกเรียกไปติดเป็นตัวสำรองอีกครั้ง และผมก็ไม่คาดหวังว่าจะได้ลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายแล้วด้วย”
“มันเป็น 10 นาทีที่ผมผ่อนคลายมากที่สุดในชีวิตที่สเปน ผมลงเล่นโดยที่ไม่คิดอะไรเลย เราได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องวิ่งตามที่โค้ชสั่งทุกอย่าง และผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเกมที่ผมเล่นได้ดีที่สุดด้วย ครองบอลได้ หาจังหวะทำประตูได้”
“ความจริง 6 เดือน ที่อยู่ที่นั่น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของผมแล้ว หากไม่นับเรื่องความสำเร็จ การยิงประตู หรือการคว้าแชมป์ แต่ถ้าถามว่าเสียดายไหม ผมไม่เสียดาย…”
“และถ้าถามผมว่าหากคิดว่านับเฉพาะเรื่องฟุตบอลเพียวๆผมเล่นได้ไหม? - ผมคิดว่าได้”
ขอบคุณเคดิตจาก
https://www.fourfourtwo.com/th/features/kaalkhranghnuengainyuorp-khwaamcchringthiialemeriiykhngthiirsilp-aedngdaa?page=0%2C1
อีกครั้งกับ กาลครั้งหนึ่งในยุโรป:ความจริงที่อัลเมเรียของ..ธีรศิลป์ แดงดา ตอน2
วันหนึ่งขณะที่สโมสรอัลเมเรีย มีจัดงานเลี้ยงค็อกเทลร่วมกันทั้งสโมสร ทุกคนจับคู่จับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เขากลับกลายเป็นคนเดียวที่พูดกับใครไม่ได้ เขารู้สึกเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ท่ามกลางเสียงหัวเราะแห่งความสุขของทุกๆ คนภายในทีม เขาได้แต่นั่งนิ่งและยิ้มเจื่อนๆตามคนอื่นไป
“พอนานเข้าๆ เริ่มรู้สึกว่าเราตามเพื่อนไม่ทัน…ทุกๆอย่าง” มุ้ย เริ่มเล่าถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“เราเริ่มรู้สึกแย่กับการไม่เข้าใจสิ่งที่โค้ชต้องการสื่อสารมากขึ้น เราพูดไม่ได้ มันรู้สึกด้อยๆไปเอง เวลามีนัดหมายอะไร เราก็ไม่รู้เรื่อง มันสะสมมาเรื่อยๆ เราก็ยิ่งไม่กล้าคุย แต่ช็อตที่รู้สึกแย่ที่สุด คือ วันที่มีประชุมกันทั้งสโมสร และจัดเป็นค็อกเทลเลี้ยงช่วงเที่ยงวันหลังซ้อมตอนเช้า ทุกคนจับกลุ่มคุยกัน แล้วมีเราอยู่คนเดียว ทั้งสโมสรที่พูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง มันยิ่งแย่กว่าเวลาอยู่ในสนาม”
“ความรู้สึกมันเหมือนโดนปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ทั้งที่เราก็นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ นั่นแหละ เขาพูดอะไรหัวเราะอะไรกัน...เราก็ได้แต่หัวเราะตาม ปัญหาเรื่องภาษามันเริ่มชัดขึ้น”
“กับการฝึกซ้อม ยังคงหนักและสนุก แต่เราเริ่มรู้สึกได้ถึงการไม่ได้รับการยอมรับ หลายครั้งเราวิ่งทำทางสวยๆ ไป แต่เขาก็เลือกจะไม่ส่งบอลให้กับเรา รวมถึงเวลาแข่งด้วย”
“ผมได้ลงน้อยลงเรื่อยๆ บางทีเริ่มไม่มีชื่อเป็นตัวสำรอง และถ้าได้ลงส่วนใหญ่ก็ถูกจับไปเล่นริมเส้นซะมากกกว่า”
แม้เริ่มพบเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากในชีวิตลูกหนังอาชีพบนแดนกระทิงดุ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้จารึกประวัติศาสตร์เอาไว้… วันที่ 5 ธันวาคม 2014 ในศึกโกปา เดล เรย์ หรือชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ของประเทศสเปน รอบ 32 ทีมสุดท้าย ธีรศิลป์ แดงดา ได้ลงสนามพบกับ เรอัล เบติส ทีมจากศึกเซกุนด้า ดิวิชั่น นาทีที่ 5 กีเก้ ซานเชซ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ธีรศิลป์ หลุดเข้าไปยิงประตู กลายเป็นนักเตะคนไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในเวทีลูกหนังของสเปน
“มันน่าจะเป็นการหลุดเดี่ยวที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตนะ (ยิ้ม)”
“มันกดดันมาก เพราะเราเห็นมาแต่ไกลเลยว่ามันหลุดแน่ๆ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกเวลาเล่นที่ไทย ที่เราจะได้มีโอกาสหลุดไปยิงบ่อยๆ มันทำให้เราคิดว่าต้องยิงยังไงดีวะ จะชิบแบบที่เคยทำได้ไหม เฮ้ย! แล้วถ้ามันไม่เข้าล่ะ เราเคยเห็นนักบอลต่างประเทศยิงลอดขาบ่อยๆ ซึ่งที่ไทยไม่ค่อยมีใครทำได้ แล้วเราจะลองทำแบบนั้นไหม ธรรมชาติของผู้รักษาประตูที่นี่เป็นยังไง คือ มันเป็นการหลุดเดี่ยวที่คิดเยอะมาก และสุดท้ายผมก็เลือกยิงธรรมดาๆเข้าไป”
“แต่เกมนั้นไม่ใช่เกมที่ผมรู้สึกประทับใจนะ…ฟุตบอลที่นั่นสปีดบอลมันเร็วมาก พอครึ่งหลัง ผมรู้ตัวเลยว่าพลังระเบิดเราน้อยลง คือ ไม่ได้หมดแรงนะ แต่สปีดมันตก ทั้งที่การซ้อมที่นั่นทำให้เราฟิตมาก แต่ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้ตัวเลยว่าเออ...เรายังเล่นได้ไม่ครบ 90 นาทีที่นั่นจริงๆ”
จากนั้นอีกแค่ 4 วัน ฟ้าผ่าลงกลางเมืองอัลเมเรีย...วันที่ 9 ธันวาคม 2014 ฟรานซิสโก โรดริเกซ กุนซือผู้มีส่วนในการตัดสินคว้าตัว “มุ้ย” ไปร่วมทีมที่สเปนถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังแพ้ อิเอบาร์ เละเทะ 2 - 5 เขาเดินเข้ามาลาทุกคนในห้องแต่งตัวด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้า ไม่นานหลังจากนั้นทางสโมสรประกาศแต่งตั้ง ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ เข้ามา งานแรกของเขา คือ การให้ ธีรศิลป์ นั่งชมเกมระหว่างอัลเมเรีย กับเรอัลมาดริด บนอัฒจันทร์...“เอล แดงดา” เริ่มคิดแล้วว่าที่นั่นอาจไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป
“โค้ชใหม่ (ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ติเนซ) เขาไม่ได้เป็นคนต้องการตัวเรามาตั้งแต่แรกเหมือนกับ ฟรานซิสโก โรดริเกซและภาระหน้าที่ของเขา คือ การเข้ามาพาอัลเมเรียรอดตกชั้น”
“การสื่อสารระหว่างผมกับเขา มันแย่กว่าตอนฟรานซิสโกอีก ยิ่งพอแต่ละแมตช์มันต้องตึงเครียดมากขึ้น เขาก็ยิ่งไม่มีเวลามาสนใจเรา มานั่งสื่อสารกับเรา เขาต้องการคนที่พูดได้ ปลุกใจได้เลย พูดแล้วเข้าใจแทคติกได้เลย”
“เรารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้ต้องการตัวเรา มันต่างกับตอนฟรานซิสโก ที่เรารู้ตั้งแต่แรกว่าเขามีส่วนตัดสินใจเลือกผมเข้าสู่ทีมจริงๆ”
“ทุกๆอย่างมันรวดเร็ว ทางสโมสรเมืองทองฯ ได้ติดต่อพูดคุยถึงการขอยกเลิกสัญญายืมตัว ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะได้เราช่วยต่อ มันก็ยิ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการเรา”
1 มกราคม 2015 พันจ่าอากาศเอก ประสิทธิ์ แดงดา ออกมายืนยันว่าลูกชายกำลังจะเก็บกระเป๋ากลับเมืองไทย ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเกมที่เอสตาดิโอ เด โลส โกส เมดิเตร์เรเนียน เมื่อวันที่ 11 มกราคม กับ เซบีญ่า ที่เต็มไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง เกลวิน การ์เมโล่, การ์โลส บัคก้า และ ยาโก อัสปาส กลายเป็นสัมผัสสุดท้ายอย่างเป็นทางการของเขากับชีวิตที่ประเทศสเปน
“เกมกับเซบีญ่า ผมถูกเรียกไปติดเป็นตัวสำรองอีกครั้ง และผมก็ไม่คาดหวังว่าจะได้ลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายแล้วด้วย”
“มันเป็น 10 นาทีที่ผมผ่อนคลายมากที่สุดในชีวิตที่สเปน ผมลงเล่นโดยที่ไม่คิดอะไรเลย เราได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องวิ่งตามที่โค้ชสั่งทุกอย่าง และผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเกมที่ผมเล่นได้ดีที่สุดด้วย ครองบอลได้ หาจังหวะทำประตูได้”
“ความจริง 6 เดือน ที่อยู่ที่นั่น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของผมแล้ว หากไม่นับเรื่องความสำเร็จ การยิงประตู หรือการคว้าแชมป์ แต่ถ้าถามว่าเสียดายไหม ผมไม่เสียดาย…”
“และถ้าถามผมว่าหากคิดว่านับเฉพาะเรื่องฟุตบอลเพียวๆผมเล่นได้ไหม? - ผมคิดว่าได้”
ขอบคุณเคดิตจาก https://www.fourfourtwo.com/th/features/kaalkhranghnuengainyuorp-khwaamcchringthiialemeriiykhngthiirsilp-aedngdaa?page=0%2C1