สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรก ผิดยังไงแนะนำได้นะคะ
เราเคยคบหาดูใจกับ ผช มาสองคนสมัยเรียน แล้วเป็นความสัมพันธ์ที่เลวร้ายมากๆ จนฝังใจถึงทุกวันนี้ แต่สุดท้ายเราก็ได้มาคบคนที่ 3 ตอนช่วงปี3 เป็นคนดีแบบที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอมาก่อนเลยค่ะ
เราคบกันด้วยความเข้าใจ แทบไม่ทะเลาะกันเลยค่ะ ปีนึงนับครั้งได้ เขาเป็นคนดื่มแต่ไม่ได้ชอบสังสรรค์ ปกติชอบดื่มที่บ้าน หรือที่ห้องคนเดียวไม่ก็กับคนสนิทไม่กี่คน ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว เพื่อนๆเขาเราสนิทด้วยหมด เรื่องไหนที่เราไม่ชอบ เราบอกเขา ถ้าเขาวิเคราะห์ว่ามันดีกับตัวเขา เขาจะปรับปรุงตัวทันที ไม่เคยขอโทษปากเปล่า ขอโทษและพยายามแก้ไขจริงๆ ดูแลเราดีมาก จนแทบจะดีเกินไป จำรายละเอียดเล็กน้อยของเราได้หมดทุกอย่าง เทศกาล วันครบรอบมีของขวัญให้ หนังสือ เพลง หนัง ซีรี่ ดูเเนวเดียวกันหมด ไม่เคยอึดอัดกับความสัมพันธ์นี้เลยค่ะ
แต่ติดเรื่องที่บ้านเขา พ่อเขาเป็นอดีตนักการเมือง และแม่เขาเป็นไฮโซเก่า แต่เป็นบ้านหลังที่2 ทางบ้านเขาดูไม่ค่อยพอใจเราเท่าไรค่ะ เคยเหน็บแนมเรากลางโต้ะทานข้าว แฟนเราก็อยู่ แต่แฟนเราทำเป็นไม่ได้ยิน เคยมีเพื่อนๆแฟนเราเขามาทานข้าวที่บ้านแฟนเรา อยู่ๆแม่แฟนเราก็บอกว่าอยากให้แฟนเราแต่งกับลูกสาวเพื่อนแม่เป็นเจ้าของเหมืองเพชรที่ฝรั่งเศส แล้วเปิดรูปลูกสาวเพื่อนคนนั้นให้ทั้งโต้ะดู พอถึงตาเราก็ให้แม่บ้านเอาข้ามเราไม่ให้เราเห็น
เราเคยไปทานข้าวกับแฟนที่บ้าน แม่เขาทานแล้วเลยเตรียมแค่ของเรากับแฟน แฟนเราบอกให้กินก่อนเขาจะไปเข้าห้องน้ำ เราก้กินก่อน แม่เขาโมโหเราที่เรากินข้าวก่อนลูกชายเขา
ไปทานข้าวนอกบ้านมีคนมาขอถ่ายรูปพ่อแฟน คนมาขอถ่ายรูปถามว่าเราเป็นแฟนลูกชายหรอ พ่อแฟนก็ถอนหายใจมองหน้าเราแล้วบอก "เพื่อน" แฟนเราก็อยู่ตรงนั้นค่ะ
เวลาไปทานข้าวกับที่บ้านแฟน ให้แม่บ้านจัดจานและที่นั่งแค่ของพ่อแม่เขา และแฟน แต่ของเราต้องจัดการเองทุกรอบ
มีอีกเยอะค่ะแต่เดี๋ยวจะยาว555
เราคุยกับแฟนเรื่องนี้ทุกครั้ง เพราะแต่ละครั้งที่พ่อแม่เขาทำใส่เราแฟนเราก็อยู่ตรงนั้นแต่ไม่เคยทำอะไรให้ดีขึ้น เราจะออกหน้าบวกก็ใช่ที่
เราก็มานั่งคิดว่า เราก็ไม่ได้แย่จนถึงกับต้องทำกับเราแบบนี้รึปล่าว พ่อเราก็เป็นถึงผู้บัญชาการกรมนึง แม่เราก็เป็นข้าราชการ พี่ชายเราเป็นนักบิน ทางบ้านมีธุรกิจอสังหาเล็กๆ ส่วนตอนนั้นเราก็เรียนอยู่มหาลัยรัฐอันดับ1 ของประเทศ เหมือนตอนนั้นเราเริ่มสงสารพ่อแม่เราเอง ตอนแฟนเราไปกับที่บ้านเรา พ่อแม่เราดูแลต้อนรับอย่างดี จากตอนแรกที่พ่อแม่เราไม่ชอบนักการเมืองสุดๆ ตอนรู้ว่าเราคบคนนี้ คือจะให้เลิกอย่างเดียว แต่พอรู้จักแฟนเรา พ่อแม่เราก็เอ็นดูแฟนเรามากเพราะเขาเป็นคนน่ารักและถ่อมตัว แต่พอตัดภาพมาที่บ้านแฟนเราทำกับเรา ถ้าพ่อแม่เรารู้จะปวดใจขนาดไหน เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขซักครั้งเดียว
จนเราเรียนจบต้องกลับมาอยู่ต่างจังหวัด (เราเรียนที่กรุงเทพ) ช่วงปีแรกๆ เรารับงานเป็นฟรีแลนซ์ เราอยากเก็บเงินไปเรียนต่อ ไม่อยากรบกวนที่บ้าน พ่อเราใกล้เกษียน เราอยากให้พ่อเราใช้เงินที่เขาหามาเองดีกว่าเอามาลงที่เรา ตอนเราเรียนจบ เราเริ่มคุยกันเรื่องแต่งงาน แต่เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร (แฟนทำงานกรุงเทพ) เพราะเราอายุยังน้อย เพิ่งคบกันได้2 ปีเศษ และเรายังสนุกกับงาน แต่ระยะหลังๆตั้งแต่เราอยู่กันคนละที่ ปีนึงเราได้เจอกันน้อยมากๆ ปีแรกที่เรากลับมาเจอกัน2 เดือนครั้ง แต่ปีต่อมา บางปีเจอกันปีละไม่เกิน5 ครั้ง แต่เราไม่เคยเรียกร้องอะไร เขาทำงานไปด้วยเรียนโทไปด้วย เราน่าจะชินกับการอยู่คนเดียวไปแล้ว จนปีที่4เข้าปีที่5 ที่คบกัน เราเลยคุยเรื่องแต่งงานกับแฟนเรา (ทุกครั้งเรื่องแต่งงานเราจะเป็นฝ่ายพูดก่อนตลอด) เขาบอกว่ายังไม่รู้ว่าจะได้ย้ายมาที่จังหวัดเดียวกับเราตอนไหน และยังไม่รู้แพลนแต่งงาน เราเลยบอกว่า งั้นจดทะเบียนก่อนมั้ย แล้วจัดงานหมั้นงานแต่งเล็กๆก็ได้เราไม่คิดมาก เขาก็บอกมาคำนึงว่า
"จดทะเบียนทำไม ไม่มีประโยชน์ จะแต่งก็แค่จัดงานแต่งพอ"
เราก็ทะเลาะกัน เพราะเขาทำงานด้านกฎหมายแต่บอกว่าเอกสารสมรสไม่มีประโยชน์.... วันนั้นเขายืนกรานว่ายังไงถ้าแต่งงานก็ไม่จดทะเบียน เราเหนื่อยเลยปล่อยผ่านไป
เราคิดว่าเราคงไม่คิดมากเรื่องนี้ เพราะมองว่าเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา แต่เหมือนมันบั่นทอนเราเองเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว ไหนจะเรื่องบ้านเขา ไหนจะเรื่องนี้ ไหนจะไม่ค่อยเจอกัน และเราไม่เคยพูดถึงอีกเพราะทุกวันก็ไม่ได้เจอกัน คุยกันแค่ตอนกลางคืน ไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ จนเราเริ่มรู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องเจอกันก็ได้ ไม่อยากสกินชิพ ไม่ใช่เพราะเรื่องทะเบียนทั้งหมด แต่เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันแทบไม่มี จนเราอยู่ตัวคนเดียวได้ไปแล้ว และเราไม่ได้มีคนอื่นนะคะ
จนเข้าปีที่5 ที่คบกัน เราตัดสินใจเอาเงินเก็บที่จะเรียนต่อมาลงกิจการ สร้างสถาบันเล็กๆขึ้นมาเอง แล้วกิจการเริ่มไปได้ดี เราคิดว่าถ้ากิจการไปได้ดีมากๆ จะขยายและอาจจะมีสาขาสอง ถ้าเราอยากเรียนต่อเราก็หาคนมาช่วยบริหารและไปเรียนได้
ต่อจากนั้น เราคุยเรื่องแต่งงานกันอีกรอบ เขาบอกว่า
"ถ้าแต่งงานก็ต้องจดทะเบียน งั้นจดทะเบียนก่อนค่อยจัดงานดีมั้ย"
เราก็ถามว่าไหนปีก่อนบอกว่าไม่อยากจด บอกไม่มีประโยชน์ เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยพูดแบบนั้นมาก่อน เราเริ่มเอาเรื่องนี้มาปรึกษาหลายๆคน แต่ละคนก็ให้คำแนะนำที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายเราก็มาถามตัวเองว่า เรายังรักเขารึปล่าว เราโอเคมั้ยกับการคบหากันแล้วเจอกันปีละครั้ง เราโอเคมั้ยกับการที่คบคนๆนึง เราสบายใจที่อยู่ด้วยแต่ไม่อยากสกินชิพหรืออะไรทำนองชู้สาวอีก เราเลยขอห่างกับเขาซัก3-4 เดือนให้เราทบทวนตัวเองว่าเราพร้อมจะใช้ชีวิตกับคนนี้จริงๆรึปล่าว ตอนนี้เดือนที่3 ละค่ะ แล้วเราไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนที่ไม่มีเขาเลย อาจจะเพราะปกติไม่มีอยู่แล้วก็ได้555 เราสนุกกับงาน และยังไม่อยากแต่งงาน อายุปาไปจะ30 อีกไม่กี่ปีแล้ว แต่เราใกล้จะได้เวลากลับมาตกลงว่าจะเอายังไงกับความสัมพันธ์นี้ เราก็มานั่งคิดว่า เราเจอความสัมพันธ์แย่ๆมาสองครั้ง เขาเป็นครั้งที่ดีที่สุด แต่ก็อย่างที่เล่าไป เราขี้เกียจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปคบจะไปกันรอดขนาดไหน เอายังไงดีคะ ช่วยด้วย5555555
เราควรไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ดีมั้ย
เราเคยคบหาดูใจกับ ผช มาสองคนสมัยเรียน แล้วเป็นความสัมพันธ์ที่เลวร้ายมากๆ จนฝังใจถึงทุกวันนี้ แต่สุดท้ายเราก็ได้มาคบคนที่ 3 ตอนช่วงปี3 เป็นคนดีแบบที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอมาก่อนเลยค่ะ
เราคบกันด้วยความเข้าใจ แทบไม่ทะเลาะกันเลยค่ะ ปีนึงนับครั้งได้ เขาเป็นคนดื่มแต่ไม่ได้ชอบสังสรรค์ ปกติชอบดื่มที่บ้าน หรือที่ห้องคนเดียวไม่ก็กับคนสนิทไม่กี่คน ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว เพื่อนๆเขาเราสนิทด้วยหมด เรื่องไหนที่เราไม่ชอบ เราบอกเขา ถ้าเขาวิเคราะห์ว่ามันดีกับตัวเขา เขาจะปรับปรุงตัวทันที ไม่เคยขอโทษปากเปล่า ขอโทษและพยายามแก้ไขจริงๆ ดูแลเราดีมาก จนแทบจะดีเกินไป จำรายละเอียดเล็กน้อยของเราได้หมดทุกอย่าง เทศกาล วันครบรอบมีของขวัญให้ หนังสือ เพลง หนัง ซีรี่ ดูเเนวเดียวกันหมด ไม่เคยอึดอัดกับความสัมพันธ์นี้เลยค่ะ
แต่ติดเรื่องที่บ้านเขา พ่อเขาเป็นอดีตนักการเมือง และแม่เขาเป็นไฮโซเก่า แต่เป็นบ้านหลังที่2 ทางบ้านเขาดูไม่ค่อยพอใจเราเท่าไรค่ะ เคยเหน็บแนมเรากลางโต้ะทานข้าว แฟนเราก็อยู่ แต่แฟนเราทำเป็นไม่ได้ยิน เคยมีเพื่อนๆแฟนเราเขามาทานข้าวที่บ้านแฟนเรา อยู่ๆแม่แฟนเราก็บอกว่าอยากให้แฟนเราแต่งกับลูกสาวเพื่อนแม่เป็นเจ้าของเหมืองเพชรที่ฝรั่งเศส แล้วเปิดรูปลูกสาวเพื่อนคนนั้นให้ทั้งโต้ะดู พอถึงตาเราก็ให้แม่บ้านเอาข้ามเราไม่ให้เราเห็น
เราเคยไปทานข้าวกับแฟนที่บ้าน แม่เขาทานแล้วเลยเตรียมแค่ของเรากับแฟน แฟนเราบอกให้กินก่อนเขาจะไปเข้าห้องน้ำ เราก้กินก่อน แม่เขาโมโหเราที่เรากินข้าวก่อนลูกชายเขา
ไปทานข้าวนอกบ้านมีคนมาขอถ่ายรูปพ่อแฟน คนมาขอถ่ายรูปถามว่าเราเป็นแฟนลูกชายหรอ พ่อแฟนก็ถอนหายใจมองหน้าเราแล้วบอก "เพื่อน" แฟนเราก็อยู่ตรงนั้นค่ะ
เวลาไปทานข้าวกับที่บ้านแฟน ให้แม่บ้านจัดจานและที่นั่งแค่ของพ่อแม่เขา และแฟน แต่ของเราต้องจัดการเองทุกรอบ
มีอีกเยอะค่ะแต่เดี๋ยวจะยาว555
เราคุยกับแฟนเรื่องนี้ทุกครั้ง เพราะแต่ละครั้งที่พ่อแม่เขาทำใส่เราแฟนเราก็อยู่ตรงนั้นแต่ไม่เคยทำอะไรให้ดีขึ้น เราจะออกหน้าบวกก็ใช่ที่
เราก็มานั่งคิดว่า เราก็ไม่ได้แย่จนถึงกับต้องทำกับเราแบบนี้รึปล่าว พ่อเราก็เป็นถึงผู้บัญชาการกรมนึง แม่เราก็เป็นข้าราชการ พี่ชายเราเป็นนักบิน ทางบ้านมีธุรกิจอสังหาเล็กๆ ส่วนตอนนั้นเราก็เรียนอยู่มหาลัยรัฐอันดับ1 ของประเทศ เหมือนตอนนั้นเราเริ่มสงสารพ่อแม่เราเอง ตอนแฟนเราไปกับที่บ้านเรา พ่อแม่เราดูแลต้อนรับอย่างดี จากตอนแรกที่พ่อแม่เราไม่ชอบนักการเมืองสุดๆ ตอนรู้ว่าเราคบคนนี้ คือจะให้เลิกอย่างเดียว แต่พอรู้จักแฟนเรา พ่อแม่เราก็เอ็นดูแฟนเรามากเพราะเขาเป็นคนน่ารักและถ่อมตัว แต่พอตัดภาพมาที่บ้านแฟนเราทำกับเรา ถ้าพ่อแม่เรารู้จะปวดใจขนาดไหน เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขซักครั้งเดียว
จนเราเรียนจบต้องกลับมาอยู่ต่างจังหวัด (เราเรียนที่กรุงเทพ) ช่วงปีแรกๆ เรารับงานเป็นฟรีแลนซ์ เราอยากเก็บเงินไปเรียนต่อ ไม่อยากรบกวนที่บ้าน พ่อเราใกล้เกษียน เราอยากให้พ่อเราใช้เงินที่เขาหามาเองดีกว่าเอามาลงที่เรา ตอนเราเรียนจบ เราเริ่มคุยกันเรื่องแต่งงาน แต่เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร (แฟนทำงานกรุงเทพ) เพราะเราอายุยังน้อย เพิ่งคบกันได้2 ปีเศษ และเรายังสนุกกับงาน แต่ระยะหลังๆตั้งแต่เราอยู่กันคนละที่ ปีนึงเราได้เจอกันน้อยมากๆ ปีแรกที่เรากลับมาเจอกัน2 เดือนครั้ง แต่ปีต่อมา บางปีเจอกันปีละไม่เกิน5 ครั้ง แต่เราไม่เคยเรียกร้องอะไร เขาทำงานไปด้วยเรียนโทไปด้วย เราน่าจะชินกับการอยู่คนเดียวไปแล้ว จนปีที่4เข้าปีที่5 ที่คบกัน เราเลยคุยเรื่องแต่งงานกับแฟนเรา (ทุกครั้งเรื่องแต่งงานเราจะเป็นฝ่ายพูดก่อนตลอด) เขาบอกว่ายังไม่รู้ว่าจะได้ย้ายมาที่จังหวัดเดียวกับเราตอนไหน และยังไม่รู้แพลนแต่งงาน เราเลยบอกว่า งั้นจดทะเบียนก่อนมั้ย แล้วจัดงานหมั้นงานแต่งเล็กๆก็ได้เราไม่คิดมาก เขาก็บอกมาคำนึงว่า
"จดทะเบียนทำไม ไม่มีประโยชน์ จะแต่งก็แค่จัดงานแต่งพอ"
เราก็ทะเลาะกัน เพราะเขาทำงานด้านกฎหมายแต่บอกว่าเอกสารสมรสไม่มีประโยชน์.... วันนั้นเขายืนกรานว่ายังไงถ้าแต่งงานก็ไม่จดทะเบียน เราเหนื่อยเลยปล่อยผ่านไป
เราคิดว่าเราคงไม่คิดมากเรื่องนี้ เพราะมองว่าเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา แต่เหมือนมันบั่นทอนเราเองเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว ไหนจะเรื่องบ้านเขา ไหนจะเรื่องนี้ ไหนจะไม่ค่อยเจอกัน และเราไม่เคยพูดถึงอีกเพราะทุกวันก็ไม่ได้เจอกัน คุยกันแค่ตอนกลางคืน ไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ จนเราเริ่มรู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องเจอกันก็ได้ ไม่อยากสกินชิพ ไม่ใช่เพราะเรื่องทะเบียนทั้งหมด แต่เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันแทบไม่มี จนเราอยู่ตัวคนเดียวได้ไปแล้ว และเราไม่ได้มีคนอื่นนะคะ
จนเข้าปีที่5 ที่คบกัน เราตัดสินใจเอาเงินเก็บที่จะเรียนต่อมาลงกิจการ สร้างสถาบันเล็กๆขึ้นมาเอง แล้วกิจการเริ่มไปได้ดี เราคิดว่าถ้ากิจการไปได้ดีมากๆ จะขยายและอาจจะมีสาขาสอง ถ้าเราอยากเรียนต่อเราก็หาคนมาช่วยบริหารและไปเรียนได้
ต่อจากนั้น เราคุยเรื่องแต่งงานกันอีกรอบ เขาบอกว่า
"ถ้าแต่งงานก็ต้องจดทะเบียน งั้นจดทะเบียนก่อนค่อยจัดงานดีมั้ย"
เราก็ถามว่าไหนปีก่อนบอกว่าไม่อยากจด บอกไม่มีประโยชน์ เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยพูดแบบนั้นมาก่อน เราเริ่มเอาเรื่องนี้มาปรึกษาหลายๆคน แต่ละคนก็ให้คำแนะนำที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายเราก็มาถามตัวเองว่า เรายังรักเขารึปล่าว เราโอเคมั้ยกับการคบหากันแล้วเจอกันปีละครั้ง เราโอเคมั้ยกับการที่คบคนๆนึง เราสบายใจที่อยู่ด้วยแต่ไม่อยากสกินชิพหรืออะไรทำนองชู้สาวอีก เราเลยขอห่างกับเขาซัก3-4 เดือนให้เราทบทวนตัวเองว่าเราพร้อมจะใช้ชีวิตกับคนนี้จริงๆรึปล่าว ตอนนี้เดือนที่3 ละค่ะ แล้วเราไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนที่ไม่มีเขาเลย อาจจะเพราะปกติไม่มีอยู่แล้วก็ได้555 เราสนุกกับงาน และยังไม่อยากแต่งงาน อายุปาไปจะ30 อีกไม่กี่ปีแล้ว แต่เราใกล้จะได้เวลากลับมาตกลงว่าจะเอายังไงกับความสัมพันธ์นี้ เราก็มานั่งคิดว่า เราเจอความสัมพันธ์แย่ๆมาสองครั้ง เขาเป็นครั้งที่ดีที่สุด แต่ก็อย่างที่เล่าไป เราขี้เกียจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปคบจะไปกันรอดขนาดไหน เอายังไงดีคะ ช่วยด้วย5555555