คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
เป็นห้องที่เข้ามาเพื่อฝึกทักษะการโต้วาที บางทีโต้ไปก็งงกับเหตุผลที่ตอบกลับมาจนขี้เกียจพิมพ์ ถึงจะเป็นเหตุผลที่คนปกติอ่านแล้วจะรู้สึก ห๊ะ! แต่ในความเห็นดิชั้น ดิชั้นรู้สึกว่าเปิดโลกดี ได้รู้ว่ามนุษย์เรามีความสามารถในการบิดตรรกะจนถึงขั้นเชื่อได้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้น่าประทับใจยิ่งนัก ทำให้ต้องมานั่งทบทวนว่าคนเราเติบโตมาในสังคมที่ต่างกันได้ขนาดไหนถึงมีความคิดที่ต่างกันชนิดที่เข้าใจแทบไม่ได้เลยได้ขนาดนี้ ทุกวันนี้ก็ยังพยายามเข้าใจอยู่ ถือว่าเป็นการเรียนรู้วิวัฒนาการของมนุษย์ไปในตัว
โดยหลักๆสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากห้องนี้คือ
1. คนชอบ overgeneralize กับทุกอย่างรอบตัว เนื่องจากมองโลกไม่เป็นสีขาวก็ดำ ทำให้ไม่เข้าใจว่ามันมีสิ่งที่อยู่ตรงกลาง คนที่ไม่คิดเหมือนตัวเองแค่อย่างสองอย่างจึงถูกทึกทักเอาเองว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งหมด คนที่เริ่มพูดก็โน้มเอียงไปฝั่ง คนฟังก็จะทึกทักเอาว่าที่เหลือมันก็ต้องเอียงไปฝั่งนั้น
2. คนชอบตีความเกินกว่าที่ผู้สื่อสารพูด และมักจะตีความไปในทิศทางเดียวกับที่มี first impression กับคนนั้น คือถ้ารู้สึกดีกันคนๆนั้น เค้าพูดอะไรก็จะบวกไปหมด แต่ถ้ารู้สึกเหม็นขี้หน้าขึ้นมา พูดอะไรก็ดูแย่ไปหมด
3. คนชอบใช้ตรรกะ ต่อเมื่อตรรกะนั้นไปในทางเดียวกับความชอบของตัวเอง เราค้นพบว่าคนเราสามารถหาเหตุผลได้ร้อยแปดเพื่อสนับสนุนความชอบของตัวเอง (หรือที่เค้าเรียก confirmation bias)
4. คนชอบแถ ปรักปรำ ส่อเสียด เมื่อจนมุม เพราะความภาคภูมิใจในตัวเองมีไม่พอ เมื่อถูกวิจารณ์จึงรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากยอมรับ
ดังนั้นจากห้องนี้เราจึงได้เรียนรู้ power of reasoning ว่าถ้าใส่อารมณ์เข้าไป มันจะทำให้การใช้เหตุผลของเราบิดเบี้ยวได้ขนาดไหนโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
จริงๆอยากจะบอกว่าคนประเภทที่ว่านี้มีอยู่ในทุกห้อง แต่ห้องอื่นๆเค้าไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นกันรุนแรงน่ะค่ะ คือไม่พอใจก็จบ หนีหายไป หรือไม่ได้มีหัวข้อการสนทนาที่ต้องคิดเยอะ ใช้เหตุผลเยอะเท่าห้องนี้ ห้องอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นการคุยกันเรื่องfacts แต่ห้องนี้ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องความคิดเห็น ทำให้การแสดงออกถึงความชอบไม่ชอบเยอะกว่าห้องอื่นๆ
โดยหลักๆสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากห้องนี้คือ
1. คนชอบ overgeneralize กับทุกอย่างรอบตัว เนื่องจากมองโลกไม่เป็นสีขาวก็ดำ ทำให้ไม่เข้าใจว่ามันมีสิ่งที่อยู่ตรงกลาง คนที่ไม่คิดเหมือนตัวเองแค่อย่างสองอย่างจึงถูกทึกทักเอาเองว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งหมด คนที่เริ่มพูดก็โน้มเอียงไปฝั่ง คนฟังก็จะทึกทักเอาว่าที่เหลือมันก็ต้องเอียงไปฝั่งนั้น
2. คนชอบตีความเกินกว่าที่ผู้สื่อสารพูด และมักจะตีความไปในทิศทางเดียวกับที่มี first impression กับคนนั้น คือถ้ารู้สึกดีกันคนๆนั้น เค้าพูดอะไรก็จะบวกไปหมด แต่ถ้ารู้สึกเหม็นขี้หน้าขึ้นมา พูดอะไรก็ดูแย่ไปหมด
3. คนชอบใช้ตรรกะ ต่อเมื่อตรรกะนั้นไปในทางเดียวกับความชอบของตัวเอง เราค้นพบว่าคนเราสามารถหาเหตุผลได้ร้อยแปดเพื่อสนับสนุนความชอบของตัวเอง (หรือที่เค้าเรียก confirmation bias)
4. คนชอบแถ ปรักปรำ ส่อเสียด เมื่อจนมุม เพราะความภาคภูมิใจในตัวเองมีไม่พอ เมื่อถูกวิจารณ์จึงรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากยอมรับ
ดังนั้นจากห้องนี้เราจึงได้เรียนรู้ power of reasoning ว่าถ้าใส่อารมณ์เข้าไป มันจะทำให้การใช้เหตุผลของเราบิดเบี้ยวได้ขนาดไหนโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
จริงๆอยากจะบอกว่าคนประเภทที่ว่านี้มีอยู่ในทุกห้อง แต่ห้องอื่นๆเค้าไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นกันรุนแรงน่ะค่ะ คือไม่พอใจก็จบ หนีหายไป หรือไม่ได้มีหัวข้อการสนทนาที่ต้องคิดเยอะ ใช้เหตุผลเยอะเท่าห้องนี้ ห้องอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นการคุยกันเรื่องfacts แต่ห้องนี้ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องความคิดเห็น ทำให้การแสดงออกถึงความชอบไม่ชอบเยอะกว่าห้องอื่นๆ
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้วัตถุประสงค์ของการมีห้องการเมือง (ราชดำเนิน) และวัตถุประสงค์ของการตั้งกระทู้/สนทนาในห้องการเมือง ?
2) วัตถุประสงค์ที่สมาชิกของเว็บพันทิปตั้งกระทู้/สนทนาในห้องการเมือง (ราชดำเนิน) เพื่อ...?
*******************
3) ข้อ 1 (ทีมงานพันทิป) และข้อ 2 (สมาชิกที่ตั้งกระทู้/สนทนาในห้องการเมือง) บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ?